16 มีนาคม 2548 21:53 น.

นกหลงไพร

นกขมิ้นเหลืองอ่อน


หากจะหลบเดินลงตรงหลังฉาก

จะครวญคร่ำซ้ำซากอีกมากไหม

หากตัดบัวทิ้งเยื่อไม่เหลือใย

กลัวหัวใจจะโอดพร่ำย้ำอาวรณ์

 

เหมือนเสพย์พิษติดกัญชามาเรื่อยเรื่อย 

มันนิ่งเนือยเมื่อขาดแม้อยากถอน

เฝ้าแต่เขียนเพียรแต่คิดจิตเว้าวอน

ยามจะนอนนอนไม่ได้หากไม่ครวญ

 

เขียนชีวิตขีดอารมณ์บ่มสำนึก

ถลำลึกหลงแร้วอยู่แนวสวน

สวนอักษรซ่อนพรานป่าไร้พร้าทวน

เพียงเสียงหวนแว่วหวานสะท้านใจ

 

เดินมาไกลเกินกว่าจะกล้าหลบ

ตะวันพลบจันทร์ผิวขลุ่ยหวิวไหว

จะเลี่ยงลงหลังฉาก...ลำบากใจ

แล้วเมื่อไหร่เล่าเมื่อไหร่จะได้ลา

 

นกขมิ้นบินถลาเข้าป่าแก้ว

หลงติดแร้วแซ่วสลบน้ำกบหน้า

เวลาเคลื่อนเดือนคล้อยผ่านม่านเมฆา

นกไม่รู้ ทิศาจะคลาไคล

 

หากจะหลบเดินลงตรงหลังฉาก

จะครวญคร่ำซ้ำซากอีกมากไหม

ที่กลัวยิ่งกลัวหนอจนท้อใจ

คือจะผินพ้นไหม ข้ามไพรนี้.				
15 มีนาคม 2548 15:38 น.

ลบรูปลวง

นกขมิ้นเหลืองอ่อน



โอ้น้ำใจไยยากเย็นลำเค็ญนัก
คนไม่รักร้อยคำนำเสนอ
ใจสนองมองเท่าไหร่ไม่เคยเจอ
ไม่ก็เธอไร้รักหักสัมพันธ์

ทั้งรสรักรสหลงมิคงที่
ไม่เจนทีจึงทนช้ำทุกข์ห้ำหั่น
ลูกข่างดิ่งทิ้งเกลียวหมดลดรอบพันธ์
เวลาผันวันรักคดซดน้ำตา

อารมณ์เอยเลยหลงปลงเสียเถิด
หากมีเกิดย่อมดับลอยลับหนา
เลิกผูกติดจำมัดกับอัตตา
ธรรมดาโลกนั้นมิมั่นยืน

ใจเจ้าวิ่งวกวนในวงเวิ้ง
ใจเจ้าหลงพงเพลิงอันเริงรื่น
ใจจึงเจ็บปวดช้ำคอยกล้ำกลืน
ใจจึงขื่นเข็ญข่มจมทุกข์ลวง

ต้องดับจิตฝ่ายรูปที่จูบหวาน
ต้องดับหนอนธการหลังม่านห่วง
แล้วช้อนตักอนัตตามาแนบทรวง
ปิดฉากลวงรสล้ำด้วยธรรมงาม




สิบห้า  มีนา  สี่แปด				
14 มีนาคม 2548 13:44 น.

คำอำลา

นกขมิ้นเหลืองอ่อน


นาฏกรรมคำลาน้ำตาร่วง		
ซากรักลวงตอกย้ำให้ช้ำหนัก
วาดลวดลายลีลาเย็นชานัก		
น้ำใจภักดิ์ลวงหลอกเขาหยอกเย้า
ดวงแก้วบางขว้างขวับดับเป็นเสี่ยง	
ไร้สำเนียงเสียงสันต์เช่นวันเก่า
ถ้อยนิ่มนิ่มทิ่มเชือดเลือดหยาดเร้า	
น้ำตาเนานิ่งสนิทด้วยพิษร้าย

ดอกรักชูกลีบแห้งแข็งคาต้น		
ดอกโศกกล่นเกลื่อนลานช่อบานฉาย
ฉมกลิ่นเหียนเวียนอบตรลบราย	
สองตาป่วยปีนป่ายไม่เห็นทาง
กลีบดอกไม้รายหล่นคนย่ำเหยียบ	
ตกกระเทียบตีกระทบกลบทั้งร่าง
นาฏกรรมอำลารักหักตรงกลาง	
ทิ้งเราร้างคว้างหม่นทนเดียวดาย

ขอขอบคุณน้ำคำชวนช้ำชอก		
น้ำใจรักหลงหลอกเคยบอกร่าย
จะได้แจ้งเจนจัดชัดใจชาย		
ว่ามุ่งหมายฆ่าเข่นคอยเร้นลวง
ดอกรักบานในใจใครทั้งโลก	
แต่ดอกโศกพันช้องน้องแหนหวง
จะเก็บแก้วเคยแวววับไว้กับทรวง	
ไม่ให้ร่วงแหลกซ้ำด้วยคำลา
				
7 มีนาคม 2548 05:53 น.

กลางฤดูฝน

นกขมิ้นเหลืองอ่อน









ฉันพบเขายามรุ่งเช้าของวันหนึ่งกลางฤดูฝน
ฝนตกหนัก  สาดซัด  น้ำเอ่อนองเจิ่งขอบถนนแลดูสีแดงคล้ำ  รถราเอื่อยไหลเชื่องช้าพอพอกับสายน้ำที่ไหลระบายลงท่อข้างทาง  เสียงขับเคลื่อนคระโหม  กลิ่นควันแสบสันโรยตัวคลุมบรรยากาศดังม่านหมอกยามเช้า

  เขานั่งอยู่ตรงนั้น  บนขอบถนน  ฉันมองเห็นเม็ดบัวอ่อนสีดำกลอกกลิ้งไปมา  ซ้ายที  ขวาที  เหม่อมองผู้คนที่ว่ายแหวกในท้องถนนอันคราคล่ำอย่างเบิกบานราวปลานาต้องหยาดฝนแรกแห่งฤดู

ลูกตากลมดิกหากจ้องเข้าไปตรงตรงและยาวรีเมื่อมองทางด้านข้างขนานกับริ้วหน้า  เม็ดบัวทั้งสองของเขาดำสนิทดั่งดอกเห็ดป่าที่เต้นระบำอยู่บนฝักสีตองอ่อน
เขานั่งอยู่ตรงนั้นริมขอบถนน  เหม่อมองอยู่ในภวังค์สีขุ่นโคลน  หยดน้ำเล็กๆกลิ้งไปมาอยู่บนฝักบัว  สองหน่วยตาดำมืด  ดำสนิท  ดำเหมือนเม็ดบัวอิ่มที่ยามกัดมีน้ำหวานคลอเคล้าอยู่ในช่องปาก  ดำเหมือนลมข้าวเบาที่พัดบ่มรวงข้าวให้สุกงอม  ดำเหมือนรสขมแห่งหอยโข่งพญานา   สักพักสีลังเลฉายชัดในหน่วยตาทั้งคู่  หล่อนกระพือปีกก่อนบินโฉบไปมาทางซ้ายแล้วขวา  กลีบบัวเรื่อแดงอ่อนค่อยค่อยหุบกลีบซ่อนฝักและเม็ดบัวทั้งสองอย่างรวดร้าว  ครู่หนึ่งกลีบบางค่อยค่อยเผยแย้ม  ปล่อยให้ฝักเขียวและเม็ดบัวสีดำมรกตยิ้มรับแสงจ้าอีกครั้ง  ยิ้มอย่างลอยเลื่อน

ฉันไม่เคยเห็นตาคู่ใดดำสนิทเช่นนี้ !  ดำอย่างสดชื่น !  ดำอย่างสุกใส!  ดำอย่างเอิบอิ่ม! ดำอย่างพร่างพราย !  ดำอย่างไร้เดียงสา !  ดำอย่างหยกเหมือนเม็ดอ่อนของบัวนา !


ฉันต้องมนต์ดำแห่งท้องทุ่งกลางฤดูฝนอันเปียกปอน
				
1 มีนาคม 2548 03:31 น.

หลงทาง

นกขมิ้นเหลืองอ่อน

เขาเดินดุ่มคลุ้มคลั่งบนทางเปลี่ยว 
หน้ามนุษย์บูดเบี้ยวเที่ยวขวักไขว่ 
แออัดยัดเยียดเบียดเนื้อใน 
กลิ่นสาบสาวคาวใครไม่ชัดเจน 
เพลิงแดดแรงเริงกล้านัยน์ตาพร่าง 
เสียงสัตว์ครางครึมโครมคระโหมเต้น 
เขาปัดป่ายบ่ายตีนเลี่ยง เช้าเที่ยงเย็น 
ไม่ว่างเว้นคลื่นเหียนอาเจียนชีวิต 

กระจับแดงแข่งขันประชันโฉม 
ลมปากโหมวาจาพร่ำคำลิขิต 
กลิ่นนวลเนื้อเจือกลิ่นกรดรดพรมนิด 
อีกยาพิษในคำหวานอันร่านเร้า 
ทั้งเครื่องจักรเครื่องกลคนถีบชัก 
ลมก็หนักฟ้ามืดครึ้มดูซึมเศร้า 
ขี้สนิมกราดเกรี้ยวใต้เรียวเงา 
แห่งป่าปูนที่ปกเราอย่างล้าแรง 

เขาเดินดุ่มคุ้มคลั่งกลางเมืองฟ้า 
ปรารถนาหาทางกลับคืนทับแหล่ง 
แสงแห่งไฟเสมือนดูเลือนแรง 
สาบมนุษย์คล้ายสางแสร้งกว่าสัตว์ไพร 
เขาเดินดุ่มคุ้มคลั่งดั่งคนบ้า 
เห็นตุ๊กตาพลาสติกระริกไล่ 
นี่มันแดนอมนุษย์สุดฟ้าไกล 
หรือกูหลงพงไพรมาเดินกรุง 

เขาเป็นสัตว์หรือคนในหนนี้ 
หรือผู้ที่รายล้อมนั้นปลอมยุ่ง 
คนจึงกลายคล้ายสัตว์แกล้งแต่งบำรุง 
คนค้างคนถูกกดทุ้งใต้อุ้งตีน 
จึงเช่นนี้ค่าของคนจึงข้นแค้น 
คนจึงแค่นทุกข์ทนไม่พ้นสิ้น 
สัตว์ร่างคนบีฑาซ้ำน้ำตาริน 
คนค้างคนจึงคลุกดิน กินน้ำโคลน 

เขาเดินดุ่มคุ้มคลั่งดั่งสัตว์บ้า 
กลืนน้ำตาเก็บไว้ใต้หัวโขน 
หลงกลางเถื่อนสวรรค์อันยวบโยน 
สุดท้ายเป็นสัตว์หรือคน   มิรู้แล้ว 



ยี่สิบแปด  กุมภาพันธ์  สี่แปด				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนกขมิ้นเหลืองอ่อน
Lovings  นกขมิ้นเหลืองอ่อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนกขมิ้นเหลืองอ่อน
Lovings  นกขมิ้นเหลืองอ่อน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนกขมิ้นเหลืองอ่อน
Lovings  นกขมิ้นเหลืองอ่อน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนกขมิ้นเหลืองอ่อน