15 กรกฎาคม 2551 12:31 น.
น.นิรัติศัย
การเดินทางที่เริ่มต้นหรือสิ้นสุด
หากสิ้นหวัง เพราะอะไรบางอย่าง
หลายๆคน คงอยากจะลุกและเดินต่อไป
แต่อีกหลายๆ คนอาจจะหยุดเหมือนผมตอนนี้
หยุดเพื่อคิด เพื่อตัดสินใจ
"คนที่เลือกทางผิดขอแค่เลือกทางใหม่ ชีวิตเรามีโอกาสเลือกเสมอ วันนี้มันเจ็บทำให้เรื่องมันจบ จากเขาไป เพื่อชดใช้ให้กับตัวเธอเอง"
ผมอยากเดินต่อไปอย่างใครหลายๆ คน อยากไปในที่ๆ มีคนมากมายเขามีความสุขกัน
สวรรค์ มันคือที่ไหนกัน
สวรรค์อยู่ในอก
นรกอยู่ในใจ
นั่นคือสิ่งที่รู้ๆ กันอยู่ แต่ยากจะเข้าใจและทำมันได้
ความรักทำให้เราต้องเจ็บและมีความสุข
ความรักทำให้เราลืมมองตัวตนหรือตัวเราเอง
มันอาจจะเป็นความหลง หรือความรักดีหละ
"จากนี้จนตายเธอเลือกเองได้เสมอ หยุดได้แล้วความเสียใจ"
นั้นสิ หยุดได้แล้วผมควรจะหยุดอย่างที่ใครๆบอก
หยุดเสียใจและเริ่มชีวิตใหม่
มันอาจดีกว่า หรือไม่ดี แต่อย่างน้อยมันอาจจะดีกว่าตรงนี้ ที่นี่ ที่ที่รู้สึกแย่ พอๆกับการจะกระโดนจากที่สูงแล้วปลดปล่อยพันธนาการทั้งหมด
ไม่หละ ผมไม่ทำให้ใครสมเพสไปมากกว่านี้
ครั้งหนึ่งผมได้ทำปีกหายไป แต่คร้งนี้ ผมสูญเสียอะไรบ้างอย่าง แต่กลับทำให้ผมมีปีก ปีกที่คอยนำพาผมไป ณ ที่ต้องการได้
ผมหมดเรี่ยวแรง แม้จะบินมา 2-3 คืน แต่ตอนนี้ผมเกร่งขึ้นมาก ปีกเริ่มจะกางออกถึงแม้จะไม่สุดแขนก็ตาม
กำลังใจจากคนรอบข้าง เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มีมากมายจนผมอยากจะลุกขึ้นสู้กับโชคชะตาที่ผมสามารถกำหนดได้ โดยไม่ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง
ผมรู้ ว่าตัวผมเองไม่ได้เลิศเลอ หรือคู่ควรอะไร ไม่ดีเลยก็ว่าได้ แต่ความรู้สึกมันคือส่วนลึกที่ใครๆ ต่างก็รับรู้แม้ไม่เคยบอก ก็ตาม
นั่นสิ บางคนไม่บอกแล้วจะรู้มั้ย งั้นอยากจะแย้งกับเขาว่า บอกจนไม่รู้จะบอกยังไงแล้ว
สมควรมั้ยกับการที่จะบอกอีก เปลี่ยนสิ เปลี่ยนเป็นการกระทำ
แต่.... บางครั้งการกระทำเรามันอาจสายไปแล้วก็ได้
ผมไม่โทษใครในโลกนี้ แต่ผมโทษตัวผมเองมากกว่า ว่า ทำไมถึงทำตัวได้อ่อนแอและน่าสมเพสขนาดนี้
ตอนนี้ผมกำลังถือนาฬิกาเพื่อดูเวลา ผมมีปีกที่สามารถโผบินได้แล้ว แต่ยังมีผ้าสีแดงพันเท้า นั้นคือความผูกพันที่มีอยู่
แล้ววันหนึ่งมันก็อาจหลุดไป เพราะเวลาได้ผ่านไปแล้ว ผมเพียงเฝ้ามองอย่างใจจดใจจอพร้อบกับคราบน้ำตาที่เหือดแห้ง
แล้วจะบิน ณ จุดหมาย
ความอ่อนแอทำให้เราดูน่าสมเพส
ความอ่อนแอทำให้เราดูน่าสมเพส
หากรักแล้วรักเพราะสงสาร เลิกเหอะ เลิกคิดเสียดีกว่า
ไม่มีใครเขาต้องการความรักที่เกิดจากความสงสาร
"ไม่คู่ควรในรักเธอ อย่าปิดบังฉันเลยดีกว่า ไม่คู่ควรให้รักเธอ ฉันโกหกตัวเองมาพอแล้ว ไม่คู่ควร ปล่อยไป รักเธอ ปล่อยไป รักเธอ ปล่อยไป ไม่รักเธอ ไม่รักเธอ ปล่อยไป ไม่ ไม่ ไม่รัก รัก รัก "
บทเพลงคอยเตือน
บทกลอนเคยสอน
บทความเคยผ่อน
ย่นระยะทางของชีวิต
"เธอเปลี่ยนไป ไม่มีใครรู้ ทั้งที่ยังมีฉันอยู่ ....
ลึกๆ ข้างในนั้นเธอหวั่นไหวๆ
เธอบอกว่าเธอเสียใจ แต่คงไม่มีใครเข้าใจ
ทางออกคือการนอกใจ
อยากรู้เธอทำได้อย่างไร
เธอบอกได้มั้ยว่าเธอไปแอบมีเค้าเมื่อไหร่
เธอเอาเวลาที่ไหนให้เขาตอนให้ฉัน
เธอไปกับเค้าทั้งๆที่เรายังรักกัน"
ไม่เคยคิดว่าสักวันต้องเลิกกัน เลิกกัน
ผมแค่ทบทวนเรื่องที่ผ่านมา แค่คิดตามเพลงที่บรรเลงข้างกาย
ตอนนี้ผมอาจเป็นนกเริ่มหัดบินอีกครั้ง และผมเชื่อว่าจะบินให้สูงเท่าที่จะสูงได้อีก
อย่างน้อย การร่วงลงสู่พื้นน้ำที่เย็นเยือก มันคงทำให้ร่างและวิญญาณผมสลายได้
หรืออย่างน้อย ผมอาจจะเป็นนกดวงจันทร์ ที่บินเพื่อเข้าสู่จันทราที่แจ่มจรัส
ผมจะกางปีกและบินไป ณ ท้องนภากว้างอีกครั้ง
และผมจะไม่พยายามหันกลับมาสู่อดีตที่ทำให้รู้สึกแย่ แบบนี้อีก
ผมต้องทำให้ได้เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ว่าเราเคยผูกพันกับคนคนนั้นมาหลายปีก็ตาม อย่างน้อยยังมีคนที่มากกว่าผมอีก
ขอบคุณคำบอกเล่าของน้องคนหนึ่ง ขอบคุณกำลังใจ และขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากเพื่อนรัก นายเข้มแข็งได้ นายอดทนได้ เราก็ต้องอดทนเหมือนกัน
ขอบคุณ หนุ่ย สำหรับเรื่องราวดีๆมากมาย สำหรับคำแนะนำ ขอบคุณ ใหญ่ สำหรับสิ่งที่นายอดทนให้เห็นและบอกให้เราทำในสิ่งที่อยากระบาย ขอบคุณ โอ สำหรับ 7 เดือนบรรลุธรรม
ขอบคุณ โม สำหรับให้อดทน แต่ทำไมแกไม่อดทนบ้าง ขอบคุณกำลังใจอีกมากมาย ที่เคียงข้างกันเสมอมา และบทความอันมีค่าอีกเยอะแยะ ขอบคุณสำหรับใครบางคนที่ทำให้เรารู้อะไรมากกว่านี้
และคำแนะนำที่ให้ แต่เราเลือกเอง เลือกที่จะจบ แบบนี้ ดีกว่า เพราะคิดว่า มันเหนื่อยมาพอแล้ว เจ็บมาพอแล้ว และรักมามากพอแล้ว
ปล.
คนอื่นๆ อาจจำเรื่องดีๆ ไว้
แต่นกอย่างผม ขอลืมอดีตเพื่อบินสู่ดวงจันทร์ ถึงแม้อาจจะถึงหรือไม่ถึงตามนั้นคือ ทางเลือก ของผมเอง
แค่ความรู้สึกดีๆ แค่ความสงสาร อย่าเลย อย่าทำอีกเลย
25 มิถุนายน 2551 12:34 น.
น.นิรัติศัย
เปิดประเด็นด้วยคำถามง่ายๆ ที่ใครๆก็เคยเจอ
เห้ย (((อกหักแล้วเว้ย)))) เสียงโหวกเหวกดังมาจากซอกหลืบของหุบเขาน้ำตก
อะไรของแก เพื่อนผมถามด้วยความรำคาญ
อยู่ดีๆ ก็ตะโกน หาบรรพบุรุษให้มารับทราบถึงความชีช้ำที่มึงเลิกกะแฟนหรือไงว่ะสัด
เออ มันเซ็งจิตนี่หว่า
เป็นเหี้ยอะไรอีกหละมึง เพื่อนผมถามด้วยความรำคาญที่ต้องรับรู้ในสิ่งที่จะพูดออกไป
ไม่รู้เว้ย กูอยากตะโกน แม่งนี่มันธรรมชาตินี่หว่า เรื่องไรจะเก็บเสียงไว้เงียบๆ ให้หมามันเห่ามึงหรือไงสัด
เออช่างแม่ง มึงจะตะโกนถึงสวรรค์หรือนรกก็ช่าง แต่กูรำคาญเว้ย หนวกหูแม่ง มาตะโกนข้างหูกู สัด เพื่อนผมบ่นใหญ่
เออๆๆๆๆๆ กูไปตะโกนที่อื่นก็ได้เว้ย เพื่อนเหี้ยไร ไม่เข้าใจคนอกหักหรือไงว่ะ
ผมเดินขั้นไปยังต้นน้ำ ผ่านก้อนหินยัก ร้อนแผ่ถึงความโกรธแค้นที่อากาศแห้งแล้ง ด้วยน้ำมือของพวกเหี้ยที่ตัดไม้
ทำลายป่า และสร้างแต่มลพิษสู่ชั้นบรรยากาศจนอ๊วกออกมาเป็นสายฝนชะล้างแผ่นดินให้หร่อยหรอลงไป คงไม่นาน
มันคงจมกลายเป็นเมืองใต้บาดาลเป็นแน่แท้
เหนื่อยเว้ย ขึ้นมาไมว่ะเนี้ย ผมบ่นให้ธรรมชาติฟัง
((((((กูอิสระแล้วเว้ย))))))
เสียงดังก้องทั้วป่า นกร้องลั่น สะท้อนมาจากป่ารกอีกฟากของน้ำตก
มันคงตกใจเสียงผมหรือไม่ก็คงตะโกนกลับมา "เป็นเหี้ยอะไรว่ะ"
ผมหัวเราะในใจ อิสระที่ไร้สิ่งที่ต้องทำต่อไป คิดไม่ออกว่าคำว่าอิสระมันคืออะไร แล้วที่เป็นอยู่มันอิสระจริงหรือ
อิสระที่จะทำอะไรก็ได้ ไปไหนก็ได้ หรือว่าอะไร ฟังดูแล้วมันกว้างแงะ แล้วขอบเหตุมันอยู่ตรงไหน และอิสระมันคืออะไร
อิสระไร้ขอบเขต เออแล้วอะไรคือว่าอิสระว่ะ งงโว้ย
อิสระจากเทอ(เธอ) ไม่ต้องโทหา โทรจิก โทรตาม โทรถาม หรือโทรไปบอกคำหวานๆ ว่าคิดถึงหรือรักมาก เงอะ นี่หรืออิสระ
((((((( เซงจิตเว้ยยยยยยยยยยยยยยยย)))))
((((((เซงเหี้ยไรมึง)))))))) เพื่อผมตะโกนขึ้นมา
5555 ขึ้นมาหานางฟ้าหรือไงว่ะ แม่งไม่บอกไม่กล่าว เพื่อผมด่าแหลก
เอ้า.... ก็มึงไม่ให้กูตะโกนตรงโน้นกูก็ขึ้นมาตรงนี้สิ
มึงจะเอาไงกับกูเนี้ยสัด ผมด่ากลับไปบ้าง
เอออช่างแม่ง กูขึ้นมาตะโกนด้วยคน
เวรแล้วเป็นเหี้ยไรมึงอ่ะ ผมถามกลับไปบ้าง
เอ้าความลับเว้ย ดูแม่งดิตอบมา ผมงงแท้ๆ
(((((รักป๊อปจังเล้ย))))) ห่าเอ้ยแม่งขึ้นมาตะโกนบอกรักแฟน
ผมเซงจิตอีกรอบหลังจากได้ยินเต็มสองหู ห่า...
ผมกับเพื่อนหมือนคนละขั้ว มันเริงร่าเป็นลิงโลดที่มีแฟนทั้งรักทั้งหวง หลงด้วยมั้งบางครั้ง
แต่ผมนี่ กระเป๋าแบบแฟนทิ้ง เอ้าซะงั้น ป่าวเลยแค่อกหักแบบไม่ตั้งใจ
"อะไรว่ะเนี้ย ผมงงกับตัวผมเอง"
ความรักคืออะไรเหรอนิยามที่แท้จริง
ความรักคือการให้ ให้ตัว หัวใจ ความรู้สึกดีๆ ความห่วงหาอาทร หรืออะไรอีก
แต่สิ่งเหล่านั่น กลับไม่เป็นอย่างที่เราหวัง
คนเราเลิกกันโดยไม่มีสาเหตุก็มี มีสาเหตุก็เยอะ แล้วผมก็แค่ตัวตนคนหนึ่งที่เลิกกับแฟนโดยไม่รู้สาเหตุ ห่า .....
แต่มันก็ดี ชีวิตมีสีสัน อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป ไม่ทำให้ตัวเองเดือนร้อน ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ทำ
คนอกหักหรืออยู่คนเดียว มีความคิด อยากจะเตือนพวกชอบเอะอะไรก็ฆ๋าตัวตาย แม่งเป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ คิดฆ่าตัวตาย
เออเรื่องของมึงมันเศร้า เคล้าน้ำตา ใครไม่รัก อกหักเพราะรักตุ๊ด เงินหมด อดมี SEX หรือไงว่ะเนี้ย
ผมรู้ว่าทุกคนมีปัญหาเหมือนกันหมด แต่ไอ้การฆ๋าตัวตายมันช่วยให้ดีขึ้นมั้ย
อยากด่าหว่ะแม่ง สัด หมาวัดที่ตัวมันขี้เรื่อน ขนไม่มีเน่าเฟะ ขาก็ขาด ส่งกลิ่นเหม็นโคต เห้นแล้วอยากจะอ๊วก แต่พวกมันไม่คิดว่าวิ่งไปให้รถทับตายหรือกระโดดสะพานหน้าวัดเพื่อฆ่าตัวตายอย่าง มนุษย์ผู้ประเสริฐสุดแต่สมองไร้ความคิดที่จะอยู่บนโลกใบนี้
สมแล้วหละหากแม่งคิดว่าการฆ่าตัวตายแล้วมันจบสิ้นทุกอย่าง เหี้ยเอ้ย อนาคตมึงยังอีกไกล พวกล้มลลายก็ชอบเอาปืนมาจ่อขมับตัวเอง หรือไม่ก็กลอกปากตัวเอง เหี้ยไรว่ะไม่รักชีวิตตัวเองบ้าง มันคงไม่รู้ว่าชีวิตหลักความตายเป้นไง คงคิดว่าน่าจะสวยงาม น่าหลงไหล มีแต่เรื่องดีๆ คิดอะไรก็ได้ตามใจต้องการ หากกูรู้ก็ไม่เกิดให้โง่หรอกเว้ย
เป็นเหี้ยอะไรว่ะสัด บ่นหาไร เพื่อนผมถามกลับมาด้วยความรำคาญ
ก็กูอยากบ่นไงว่ะ กูนึกสมเพสพวกอกหักแล้วฆ่าตัวตาย หว่ะ มันคงบ้าหรือไม่ก็โง่หละว่ะ
สนใจไมว่ะ โลกใบนี้ เขาบอกว่าผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพื่อนผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง
เออกูก็ว่า แต่มึงลองดูดีๆๆสิ ให้ตายเหอะ แม่งไม่เป็นเกย์ก็เป็นตุ๊ด มีทั้งทอมดี้ มั่วไปหมด แล้วเนี้ยนะ จะมาฆ่าตัวตายเพราะอกหัก เหี้ยเอ้ย
ผมอยากจะตะโกนดังๆว่า อยากบ้า เว้ย แต่ไม่รู้ว่าความบ้ามันคืออะไร บ้าแบบฆ๋าคนดีมั้ย ทุกๆสิบนาทีเรามาแข่งกันว่าใครจะฆ่าคนได้มากกว่ากัน แบบนี้มันน่าจะสนุก เห็นพวกเหี้ยๆเป็นผักเป็นปลาให้หมด ฆ่าไม่ยั้ง
เออกูเริ่มนอกเรื่องแล้ว แม่งอกหักมาอยากฆ๋าคนเว้ย
ใครบอกกูอกหัก ไม่กูไม่ได้อกหัก กูบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่ากูอกหักแบบไม่ตั้งใจ
มึงลงคิดดู ว่าอกหักแล้วจะมีอะไรอิสระบ้าง
1. ไม่ต้องโทหา
2. ไม่ต้องถามว่ากินข้าวยัง
3. ไม่ต้องตามว่าจะไปไหน
4. ไม่ต้องง้อเวลาทะเลาะ
5. ไม่ต้องคล้อยตามเวลาจะกินอะไร
6. จะได้เที่ยวอย่างลืมหูลืมตา
7. ไม่โดนด่า
8. ไม่โดนบอกเลิก
9. ไม่ต้องเสียใจเวลาไม่เข้าใจ
10. ไม่ต้องบอกรักด้วยคำหวานๆ
11. ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าสีหวานๆ
12. ไม่ต้องทำผมทรงนักร้องเกาหลี
13. ไม่ต้องดูหนังรักที่งี่เง่า
14. ไม่ต้องเหงาเวลาไม่อยู่
15. จะได้เจ้าชู้อย่างคาสโนวา
16. ได้เล่นเกมจนสว่าง
17. ได้กินเหล้าให้เมา
และที่สำคัญ ไม่ต้องรอโทรศัพท์
และอีกมากมายที่คิดไม่ออก
เนี้ยหละความอิสระ
ง่ายๆ ไม่ทำให้ตนเองเดือดร้อนและคนอื่นไม่เดือดร้อน ทำไปเหอะ
สิ่งที่เสียไปแล้วก็ ปล่อยไป
มันเอากลับคืนมาไม่ได้
เสียแล้วเสียไป
อย่าเสียใจเวลาขาดเธอ
อย่าพร่ำเพ้อถึงรักหลอกลวง
อย่าห่วงใครอีก
อย่าปลีกตัวจากคนรอบข้าง
แต่จงอยู่กับตัวเองบ้าง
เพราะนั่นคือตัวเรา
.........จบ.........
8 มิถุนายน 2551 15:50 น.
น.นิรัติศัย
มิถุนา 2008
ณ ถนนแห่งความเงียบ
ชีวิตคนเรามันก็แปลก
แบ่งแยกอะไรได้สาระพัด
แต่ทำไมแยกใจตนเองไม่ได้
นั่นสินะ...แม้ใจตนเองยังแยกแยะไม่ออก
ความโดดเดียว
ความเหงา
เว่ว้า
อ้างว้าง
ไร้สิ่งเร้า
ทุกวันนี้ผมทำอย่างนี้ ทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่
จุดมุ่งหมายเหรอ มีสิ ใครบ้างไม่มี หรือว่าคุณยังหาจุดมุ่งหมายของชีวิตไม่ได้
ตอนนี้ผมมันก็แค่คนๆ หนึ่ง ที่อาจเคว้งคว้างบนเรือชีวิต ล่องลอยอยู่กลางทะเล
ความสำเร็จของชีวิตหรือ เงิน ทอง หรือเกียรติยศ
สิ่งเหล่านี้ผมเริ่มผมขยะแขยงกับมันเต็มทน
ความสำเร็จที่แท้จริงมันอยู่ที่ไหน
ฐานะทางการเงิน หรือ มีสิ
ผมมีเงินพอจะเที่ยวเล่นสบายๆในชีวิตนี้แน่นอน
งานหรือ ผมไม่ไปยึดติดกับงานที่ทำหรอก ความสามารถผมมากกว่านั้น
ครั้งหนึ่งเป้าหมายของชีวิตคือ ทำอะไรก็แล้วแต่ ให้มีเงินใช้ ร่ำรวยเงินทอง เหลือกินเหลือใช้
แล้วไงหละ ผมว่าผมมีหมดแล้ว แต่ชีวิตของเรามันไม่ได้อยู่ที่นี่
ความเหงา ความรัก ความเศร้า ทุกข์ โศก หัวเราะร่าน้ำตาริน มันก็เป็นแบบนี้
..
หลงทางแล้วสิ ชีวิตก็มีอยู่แค่เพียงเท่านี้
เกิดเพื่ออยู่และตายเพื่อจาก
เหอะ! ผมไม่ฆ่าตัวตายหรอก ชีวิตมันมีค่ามากกว่านั้น
แต่ใครเล่าจะรู้คุณค่าที่แท้จริง
ธรรมะหรือ การบวชเรียนหรือ การออกธุดงค์หรือ นั่นมันชีวิตคถาคต
แต่มันก็ดีนะ หากคนเราเลือกได้
ใครบ้างเคยบนบานสานกล่าว ขอพรขอโพย เวลาทำบุญตักบาตร
ชาติหน้าฉันใดขอให้ร่ำขอให้รวย
เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนั้นหละ ขอบ้าขอบอ ตอนนี้ผมไม่กล้าแม้แต่จะเกิดใหม่
การที่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด ต้องมาเจอกับความ สุข ทุกข์ เศร้า โศก ป่วย เจ็บ และต้องจาก ผมเบื่อกับชีวิตแบบนี้เต็มทน
แต่ใครเล่าจะรู้ ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป อนาคตทุกคนวาดฝันไว้ตามที่ตนเองต้องการได้และสามารถเขียนฝันนั้นให้สำเร็จ แต่สุดท้ายคุณก็ยอมที่จะเกิด แก เจ็บ ตายและทนทุกทรมานบนโลกใบนี้
ทนทุกข์กับความรัก ความสุข ความเศร้า ความเหงา เกียรติยศ ชื่อเสียง และเงินตรา
เมื่อสามสีปีที่แล้ว ผมยังยืนอยู่บนดาดฟ้าของบ้านอยู่เลย ปีกผมยังกางต้านแรงลมและแรงโน้มถ่วงของโลก แต่ตอนนี้ผมว่า ผมทำปีกอันนั้นหายไปแล้ว ไม่แน่ใจนักว่ามันหายไปได้อย่างไร
ลึกๆแล้ว ผมจมปลักอยู่กับความรักที่งี่เง่า ที่ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไร
คุณเคยมีความรักไหม? ตอบดังๆหน่อย ไม่ได้ยิน
อิสระจากความรัก คืออะไรเหรอ เวลาของความรัก เวลาของอิสระในแต่ละคน หรือความเป็นส่วนตัว เอ่ยไปก็ยาวยืดเป็นหางว่าว
ถึงแม้จะพยายามให้ตายแค่ไหน หากไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ตอนนี้ผมกลับคิดถึงคำที่เขาเอ่ยกันว่า
คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน
ถึงแม้จะพยายามรั้งไว้หากมันไม่ได้ มันไม่ใช่ มันก็รั้งไว้ไม่อยู่
ควรจะเลิกทำสิ่งต่างๆไปเลยดีมั้ย ....
มีคนคัดค้านหรือ ใช่สิ หากคุณไม่พยายามแล้วมันจะได้หรือ
แล้วคุณพยายามแล้วคุณคิดว่ามันจะได้หรือ
สรุปคือไม่ว่าจะพยายามแสนสาหัส หรือ ไม่ทำอะไรปลดปล่อยไปตามเวลาของมัน
บางครั้งมันก็เป็นอย่างที่เขาพูดกัน หรือว่าไม่จริง
คุณเคยอกหักไหม?
หลายคนก็เคยและลุกสู้ต่อ หลายคนก็บอกว่าไม่
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นไปตามสิ่งที่ทำทั้งสิ้น
เคยคิดมั้ยว่าคนรักจะอยู่อีกฟากฝั่งของประเทศ ของจังหวัด หรือว่าไกลแสนไกล แล้วทำไมหละ ทำไมถึงเจอกันได้ บุบเพหรือ เราเป็นกระทำขึ้นมาเองทั้งหมด
เหมือนกับความพยายามนั้นหละ หากไม่พยายามก็ไม่ได้
แต่บางครั้งพยายามเกือบตายมันก็ไม่ได้เหมือนกัน
ผมเหนื่อยกับชีวิต หรือเรียกว่า วิถีชีวิต ตื่นแต่เช้า มาทำงาน
เลิกงานก็ไปพักสมองและกลับไปนอน ชีวิตมีเพียงเท่านี้
เกิดมา ทำงาน กิน เที่ยว นอน เสพเมถุน บ้า และตายไปตามอายุที่เขากำหนด
หรือเราเป็นตัวกำหนด
ทำทุกอย่างเพื่อใครหรือ?
หลายคนบอกว่าเพื่อ ตนเอง ครอบครัว คนรัก ลูก สังคม หรือคนรอบข้าง
วันหนึ่งคุณไม่ทำงาน คุณจะมีเงินหรือ
วันหนึ่งคุณเกิดอุบัติเหตุ เงินในคลังชีวิตคุณต้องเอามาใช้
แล้วมันก็ย่อมหมด เอาหละ หากไม่หมด คุณจะหยุดทำงานได้หรือไม่
น้อยคนนักที่ไม่ทำงานแต่ได้เงิน เงินนั้นมาจากไหน?
ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามาจากไหน
ลองคิดดูเล่นๆว่า
สมัยก่อน ไฟฟ้ายังไม่มี การเดินทางยังเป็นทางเท้า การปรุงอาหารยังต้องก่อกองไฟ ทำไมคนพวกนั้นเขาอยู่กันได้ แต่มาถึงตอนนี้หลายๆคนจะเป็นจะตายขึ้นมา เพราะว่าเราเกิดมาบนโลกที่สะดวกสบายไงหละ
ผมคิดเสมอ กินอาหารทุกวันนี้เพียงเพื่อมีชีวิตอยู่เท่านั้น
มันไม่จำเป็นแล้วหละ ว่าต้องอร่อย หรือไม่อร่อย
เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้เรายึดติดกับกิเลส และชีวิตนี้มันก็ไม่หมดไปจากสิ่งนั้น
ไปบวชเลยไป หลายๆคน ตะโกนบอกผมแบบนี้
ไม่จำเป็นหรอก การบวชมันต้องนุ่งห่มแบบพระอย่างนั้นหรือ เราแต่งชุดธรรมดา ไม่ได้หรือ บวชมันอยู่ที่จิตใจและร่างกายที่พร้อมจะสร้างเกราะอันวิเศษให้กับชีวิตที่เหลืออยู่
มามัวแต่ยึดกับชุดอยู่มันก็ไม่หมดสิ้น ความรู้สึกทั้งหมดเกิดจากจิตใต้สำนึกที่มันสมองไตร่ตรองจนเป็นเนื้อแท้และเปร่งออกมา แต่บางคนมันสมองก็คิดแต่อยากได้อยากมี โดยไม่สนใจว่าจะทำร้ายชีวิตหรือทำให้คนอื่นเดือนร้อนอย่างไร
ปล.
ผมบ้าไปแล้วแน่เลย
มีชีวิตเพื่ออะไรกันแน่.....
สิ่งที่ต้องการก็ได้ตามต้องการสิ่งที่หวังก็ได้ตามดั่งที่หวังไว้
แล้วผมต้องการอะไรอีกในชีวิตนี้
ทำไมถึงไม่ภูมิใจกับสิ่งที่ได้มา ทั้งๆที่ พยายามเท่าที่ทำได้แต่สุดท้ายมันก็เท่านั้น
แล้วผมจะพยายามไปเพื่ออะไร
ชีวิตคนเราแสนสั้นนัก นั้นสิ แสนสั้นยิ่งนัก
แด่...ตัวผมเอง
26 สิงหาคม 2549 18:36 น.
น.นิรัติศัย
"เรื่อยเปื่อย"
การเดินทางที่ยาวนาน เสียงกระซิบไหลรินดุจหยดน้ำปลายใบไม้
แรมปี เดือน สัปดาห์ ย่างเลยวัน ที่เอื่อยเฉี่อย บนถนนสายเก่ากระทบสายตา
เสียงรถราเงียบสนิทพร้อมเขม่าควันอ้อยอิ่งกระทบใบหน้า
ไรผมเปลี่ยนสีโดยพลัน เป็นชาวต่างชาติในเวลาชั่วครู่ ฝุ่นฟุ้งกระจายร่วงจากเรือนผม สลัดมันด้วยฝ่ามือ
มาทำอะไรที่นี่หรือพ่อหนุ่ม เสียงชายเฒ่าผมขาวโพลน ทักทายด้วยร้อยยิ้มกรุ่น ดวงตาประกายแห่งความใคร่รู้
มาพักผ่อนครับลุง...
มาผิดฤดูแล้วหละพ่อหนุ่ม... นี่มันใกล้หน้าฝน เดี๋ยวก็หมดสนุกอีกทั้งจะป่วยง่ายด้วยนะ... อาการเป็นห่วงเป็นใยปรากฏเด่นชัด
ว่างครับเลยมา...
อ่อเหรอ...
ชายเฒ่าเดินจากไปพร้อมเสียงนกร้องทางทิศตะวันตก...
ลมพัดแรง กระต๊อปสะเทือนไหวเยือก...
ใจสลัดทุกโดยพลัน ดวงตาตื่นจากภวังค์ยามโดดเดี่ยว...
ผมมาทำอะไรที่นี่...
26 สิงหาคม 2549 18:33 น.
น.นิรัติศัย
ความทุกข์...จะต้องมีอยู่
ตราบที่กิเลสทั้งสามกองคือ โลภ โกรธ หลง มีอยู่
กิเลสมีการเพียงใด...ทุกข์ก็มีมากเพียงนั้น
เมื่อใดกิเลสสามกองหมดไปจากจิตใจสิ้นเชิง
นั้นหละความทุกข์จึงจะหมดไปได้เช่นกัน
จึงควรพยายามทำกิเลสให้หมดสิ้นให้จงได้
มีมานะ พากเพียร ใช้สติปัญญาให้รอบคอบ
ใช้ให้เต็มความสามารถ ทุกเวลานาทีที่ทำได้
แล้วจะเป็นผู้ชนะ...มีความสุขอย่างยิ่ง
อย่าเข้าข้างตัวเองผิดๆ
...ดูตัวเองให้เข้าใจ
เมื่อโลภเกิดขึ้นให้รู้ว่า...
กำลังคิดโลภแล้ว และหยุดความคิดนั้นเสีย
เมื่อโกรธเกิดขึ้น ให้รู้ว่าคิดโกรธขึ้นแล้ว...หยุดเสีย
เมื่อหลงเกิดขึ้น ให้รู้ว่าคิดหลงแล้ว...หยุดเสีย
หัดหยุดความคิดที่เป็นกิเลสเสียก่อน
เริ่มหัดหยุดเสียตั้งแต่บัดนี้เถิด
จะเป็นการเริ่มฐานต่อต้านกำราบปราบทุกข์
ให้สิ้นไป...ที่จะให้ผลอย่างแท้จริงอย่างแน่นอน