15 กรกฎาคม 2548 19:28 น.
น.นิรัติศัย
จากฟางรวมตัวก่อตั้งรูป
ช่วยจับผูกมัดให้แน่นเป็นแกนหลัก
ต่อแขนขาพาใจได้หยุดพัก
พร้อมด้วยรักษ์มอบให้ไร่กลางนา
จากแสงแดดอ่อนอ่อนตอนเช้าตรู่
สายลมพลิ้วผ่านใบหูดูเวิ้งว้าง
ทอดสายตายาวไกลสุดปลายทาง
เป็นเพียงฟางก่อฟืนฝืนใจตน
ฝูงวิหคบินว่อนร่อนไปมา
จากเมฆาสู่ท้องนาน่าเกรงขาม
หุ่นไล่การักษาเหมือนปราการ
ปกป้องปานนักสู้ผู้กล้าหาญ
๙น.นิรัติศัย๙
9 กรกฎาคม 2548 19:12 น.
น.นิรัติศัย
หนึ่งรับรู้ต่างรองรับสดับฟัง
ฟื้นความหลังเมื่อครั้งยังหวานซึ้ง
ติดใจรสในรักใต้ก้นบึ้ง
ยื้อดื้อดึงฉุดรั้งหวังคืนดี
รู้ทั้งรู้ว่าเธอไปไม่หวนกลับ
ทิ้งรักสองเราให้หน่ายหนี
สุวรรณภูมิสนามรบจบกันที
ใต้ผืนฟ้าใบนี้ไม่มีเรา
ยิ่งฝืนยิ่งห่างไกลใจดวงนี้
บอบช้ำผ่านนทีอย่างโหยหา
ให้ดวงตาแห่งรักกลับคืนมา
ให้แก้วตายินยอมพร้อมหวนคืน
ขอโทษขอโพยโปรยความคิด
ลบความผิดด้วยรักสมัครสมาน
ก่อรักแท้ให้เกิดอย่างยาวนาน
ร่วมสร้างสะพานก้าวข้ามอย่างมั่นคง
มุ่งสร้างจิตใจที่กล้าแกร่ง
เป็นกำแพงปัดป้องคุ้มครองภัย
ให้เจิดจรัสส่องสว่างดั่งดวงไฟ
เพื่อนำทางสู่ใจหลอมรวมกัน
1 กรกฎาคม 2548 19:48 น.
น.นิรัติศัย
สัจธรรมล้ำคุณค่าพามนุษย์
บริสุทธิ์หมดจดกิเลสตัณหา
หมั่นทำความดีเปรมปรีดิ์ดา
ขจัดสิ้นโลภาพยามาร
อันเรื่องราวหลายหลากมากวิถี
กำเนิดเกิดธุลีทีละหน
เพียงธุลีก่อกำเนิดเกิดเป็นคน
สร้างกุศลก่อนดับตนสู่ธุลี
สิ่งต่างล้วนอนิจจังอนัตตา
จิตตสังขารวาจาพาสุขี
สลัดคืนสัมมาวิมุตติ
ด้วยโธวนแห่งองค์พระสัมมาฯ
จงอย่ายึดมั่นถือมั่นให้มากนัก
วิปัสสนูปกิเลสมักไม่จีรัง
ปรุงแต่งจิตมองเพียงสัจธรรม
ให้ลึกล้ำก่อนสิ้นชีวาวาย
๑ มิถุนายน ๔๘
น.นิรัติศัย