21 กันยายน 2546 19:36 น.
ธิชา
จำได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาเกือบ 2 เดือนที่ทำให้ฉันสุข สนุก เศร้า เหงา แบบชนิดที่ว่าชีวิตนี้คงลืมอยาก เราเจอกันในงานสัมมนาองค์กรนักศึกษางานหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นฉันเองไม่รู้จักเค้าหรอก ช่วงเวลาของการสัมมนา 3 วัน เราไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ หลังจากฉันกลับมหาวิทยาลัยเค้าก็โทรหาฉัน ฉันรู้สึกแปลกใจมากก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าเป็นใคร จนได้มาดูรูปถ่ายตอนไปสัมมนา อ๋อ...นายคนนี้เอง ฉันเคยเห็นหน้าเค้าแต่ก็อย่างที่บอกเราไม่เคยได้คุยกันเลย จากนั้นเราก็ติดต่อคบหากันเรื่อยมา แรกๆบรรดาเพื่อนฉันต่างไม่ค่อยชอบหน้าเค้าหรอก เพื่อนๆบอกว่านายคนนี้ ขี้คุย ขี้โม้พูดมาก นิสัยเหมือนเด็ก ฉันเองก็เริ่มลังเลใจแล้วว่าจะคบเค้าต่อไปดีมั๊ย เพราะฉันเองก็ไม่ชอบคบเด็กอยู่แล้ว ตอนนั้นเค้าอยู่ปี 1 เรียนต่อเนื่อง ฉันเองก็อยู่ปี 3 แล้ว แต่ฉันอายุ19 อ่อนกว่าเค้า 2 ปี ทำไมเค้าเพิ่งเข้าปี 1 น่ะหรอ ก็อย่างที่บอกเค้าเรียนต่อเนื่อง เคยเป็นนักเรียนช่างกลเทคนิคสมัยเรียนค่อนข้างเกเรเลยจบ ปวส. ช้ากว่าเพื่อน จากนั้นสอบติดที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งตามคำขอร้องของแม่ เฮ้อ!ฉันเองก็กลัวๆเหมือนกันที่ตัดสินใจคบกับเค้า ก็แหม!อดีตของเค้าเขามันเฮี้ยวซะขนาดนั้น แต่ทำไงได้ก็เค้าเนี่ย ขาวตี๋ ใส่แว่น ที่สำคัญอวบๆ สเป็คเราเลย แบบว่ามันโดนอ่ะ(วัยสะรุ่นเค้าเรียกกันยังงี้ใช่ป่ะ) ประกอบกับตอนนั้นฉันยังไม่มีใคร เค้าก็เลยเข้ามานั่งในใจได้ไม่ยาก
เดทครั้งแรกของเรา(ไม่รู้จะเรียกว่าเดทได้รึป่าว)เพื่อนๆฉันฮือฮากันมาก อยากเจอหน้า การพบกันครั้งแรกระหว่างเค้ากับเพื่อนฉันน่าจะไปได้สวยแต่ด้วยความที่เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีคุยจนลิงหลับของเค้านี่เอง ทำให้บรรดาเพื่อนๆต่างพากันเบื่อระอาเค้ามากๆ หลังจากวันนั้นเพื่อนๆต่างก็มองเค้าในทิศทางลบมาโดยตลอด ซึ่งมันกลับสวนทางกับความรู้สึกของฉันอย่างมาก
เรานั่งคุยกันที่ชายหาด บรรยากาศในยามค่ำคืนท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆทำให้มอง เห็นดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า คลื่นและลมพัดเข้าหาฝั่งเบาๆ เฮ้อ!มีผู้ชายคนนี้นั่งอยู่ข้างๆในบรรยากาศแบบนี้(ชาวบ้านเค้าเรียกโรแมนติกรึป่าว) เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน 2 คน เค้าไม่เห็นเหมือนตอนอยู่กับเพื่อนๆของเราเลย เค้าก็เป็นผู้ชายปกติธรรมดาคนนึง ที่ไม่ได้ขี้โม้ ขี้คุย พูดมากไร้สาระอะไรเลย ตรงกันข้ามเค้ากลับเป็นคนที่มีความรู้สึกอ่อนไหวขี้สงสาร ซ่อนอยู่ในบุคลิกที่ดูร่าเริงกระตือรือร้น เค้าค่อนข้างจะเป็นคนที่เปิดเผยดีมาก เค้าไม่ค่อยมีอะไรปิดบังฉันหรอก มีเรื่องอะไรเค้าก็มักจะเล่าให้ฉันฟังหมดแทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน เรื่องครอบครัว และโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ก็อย่างที่บอกชีวิตเค้าในอดีตผ่านอะไรมาเยอะโดยเฉพาะผู้หญิง sexเป็นเรื่องหนึ่งที่เค้าให้ความสำคัญในการคบผู้หญิง ทั้งเด็กนั่งดริ้งค์ ผู้หญิงเที่ยวคืนเดียวได้เรื่อง ผู้หญิงที่มาชอบเค้าและผู้หญิงที่เค้าแอบชอบ
ผู้หญิงคนแรกที่เค้าคบแบบจริงจังในฐานะคนรัก สมัยเรียนปวช. เธอเป็นรุ่นน้องหน้าตาดีน่ารักมาก(เค้าบอกฉันอย่างนั้น) เค้าทุ่มเททุกอย่างทั้งวัตถุและจิตใจดูแลอย่างดีไปรับไปส่ง และในวันเกิดเค้า เธอกลับทำเซอร์ไพร์ด้วยการบอกเลิก เพราะเจอคนใหม่ที่รวยและให้ได้มากกว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นมันทำให้เค้าเจ็บและจำฝังใจว่ารักครั้งต่อไปเค้าจะไม่ทุ่มเทให้กับใครมากมายขนาดนี้แล้ว จนมาคบผู้หญิงคนนึงโดยเริ่มจากความเป็นเพื่อน ผ่านไป 1 ปีเธอบอกว่าเป็นเพื่อน 2 ปี 3 ปีก็ยังเป็นเพื่อน จนมาปีที่ 4 เค้าตัดสินใจถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเค้ากับเธออีกครั้งโดยหวังว่าจะไม่ได้ยินคำตอบเดิมๆ แต่เปล่าเลยคำตอบที่ได้กลับมา ก็ยังเป็นเพื่อน จนในที่สุดเค้าทนกับคำว่าเพื่อนไม่ได้จึงเลิกคบกันไป
มันเป็นประสบการณ์ความรักที่เลวร้ายมากสำหรับเค้า ในตอนที่ฉันฟังเค้าเล่านั้น ฉันก็ได้แต่ปลอบใจไปว่าความรักมันขึ้นอยู่ที่ใจคน เราไปบังคับใจใครไม่ได้หรอก เมื่อ2คนรักกันคบกันมันก็มีความสุข หากเมื่อคนใดคนหนึ่งหมดรักหรือปั่นใจไปให้กับคนอื่นแล้ว คบกันไปก็จะหาความสุขไม่ได้เลยทั้ง2ฝ่าย นั่นคือคำพูดที่ฉันปลอบใจเค้าไปคืนนั้น และก็ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ฉันพูดไปในคืนนั้น มันกลับย้อนมาให้ฉันได้นึกถึงและใช้ปลอบใจตัวเองในวันนี้ (อ่านต่อฉบับหน้า)