22 มิถุนายน 2546 00:30 น.
ธิชา
จำได้ว่ารับน้องใหม่วันแรก ของชีวิตมหาวิทยาลัย พวกเราปี 1 ต้องเข้ารับน้องตามฐาน ต่างๆกลุ่มพวกผมเดินมาหยุดอยู่ตรงทางเข้าฐาน เสียงกลองดังอึกกระทึกจากหลังฉากที่กั้นพวกผมให้รออยู่ด้านนอก ซึ่งผมก็ยังไม่รู้ว่า จะต้องไปเจอกิจกรรมแปลกๆอะไรอีก
" เฮ้ย! ไอ้เชษฐ์ ถึงคิวมึงลอดซุ้มแล้วมัวยืนเหม่อหาอะไรว่ะ " ไอ้โอ๋ซี้ผมที่เพิ่งรู้จักกันในวันปฐมนิเทศตะโกนอยู่ข้างหลัง
ผมคลานลอดซุ้มอุโมงค์ที่พวกพี่ๆ บรรจงจัดไว้ให้ แหม! ผมก็ไม่รู้ว่าพวกพี่ๆ ไปสรรหากันมาได้ยังไง ยางรถยนต์แคบๆคลุมด้วยทางมะพร้าวแซมด้วยรังมดแดง ปุพื้นด้วยโคลนดินแดง ผมคลานออกมาด้วยความทุกลักทุเล ยังไม่ทันตั้งตัว ก็ได้ยินเสียงรุ่นพี่เรียก
" น้อง น้องเสื้อแดงนั่นแหล่ะ หน้ายังไม่หล่อเลย ทรงผมก็ยังดูไม่เท่ห์ มานี่ซิเดี๋ยวพี่แต่งให้ "
ทันทีที่ไอ้โอ๋มันหันมาเห็นหน้าผม มันปล่อยก๊าก ออกมาแบบไม่เกรงใจกันเลย มันชมว่าทรงผมเข้ากับหน้าอุบาทว์ของผมดี
" นี่น้องคนที่หัวเราะเพื่อนอยู่น่ะ ชอบทรงผมเพื่อนนักเหรอ มานี่เดี๋ยวพี่จัดให้ "
" ฮะฮะฮ่า ไอ้โอ๋เสร็จล่ะมึง พี่ๆเอามันให้หล่อสุดๆเลยนะพี่ ฮะฮะฮ่า " ผมหัวเราะเกทับมันด้วยความสะใจ แต่แล้วผมต้องหุบปากสนิท เมื่อได้ยินเสียงเสียงหนึ่ง
" เงียบๆหน่อย น้องเสื้อแดงที่ยืนหัวเราะเพื่อนอยู่นั้นหน่ะขำเพื่อนมากนักเหรอไง ออกมานี่ซิ "
ผมกับไอ้โอ๋หันมามองหน้ากัน
" มึงนั่นแหละพี่เค้าเรียกมึง " ดูมันสิครับไอ้เพื่อนประเสริฐ ผมก้มหน้าก้มตาเดินออกไปรับชะตากรรม
" น้องเชื่อบุพเพสันนิวาสมั้ย? "
" ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ครับ " ผมตอบตามความคิดของคนหัวสมัยใหม่ รุ่นพี่อึ้งไปครับ ผมงี้ใจสั่นชอบกล
" กูตอบไปได้ไงว่ะ " ผมแอบคิดในใจ
" เอาหล่ะน้องไม่เชื่อไม่เป็นไรแต่พี่เชื่อเค้าบอกว่าสีแดงเป็นสีแห่งความรักเป็นสีของหัวใจ และวันนี้น้องก็ยังใส่เสื้อสีแดงมาด้วย นั่นเข้าตำราเป๊ะเลย และหมอดูเค้าก็บอกอีกว่าเนื้อคู่กัน มักจะชอบอะไรคล้ายๆกัน เอาหล่ะ พี่ให้เวลา 1 นาที ให้น้องไปตามหาเนื้อคู่ที่ใส่เสื้อสีเดียวกับน้องมาถ้าเจอรีบจูงมือมาหาพี่เดี๋ยวพี่จัดพิธีแต่งงานให้ อ้าวเริ่มได้
โอ้โฮมุขนี้คิดได้ยังไง แต่ผมจะทำไงได้ นอกจากวิ่งมองหาผู้หญิงเสื้อแดง
แต่เอ๊ะ! นั่นไงผมเจอเธอแล้ว ผมก็ไม่รอช้า รีบคว้ามือเธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาโดยที่ไม่ไเถามความสมัครใจเธอเลย
ทันทีที่ผมและเธอปรากฎตัวหน้าแถว เสียงเฮก็ดังขึ้น เพื่อนผมมันแซวกันยกใหญ่ ผมแอบเห็นเธอเขินหน้าแดง ว้าว ! น่ารักสุดๆ รุ่นพี่ให้เราสองคนแนะนำตัว เธอบอกว่าเธอชื่อดาว เราสองคนได้รับการแปลงโฉมให้สมกับเป็นคู่บ่าวสาว โดยผมและเธอได้รับการสวมมงกุฎดอกขี้เหล็ก ( แหมคิดได้ไง )ผมและเธอต่างก็ตลกตัวเอง มองหน้ากันทีไรได้ปล่อยก๊ากซะทุกที
กิจกรรมรับน้องในฐานเสร็จสิ้น ทุกคนแยกย้ายกลับหอเป็นช่วงเวลาที่ชุลมุนมาก ผมจึงไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อเธอไว้เลย นั่นเป็นความผิดพลาดร้ายแรงสำหรับผมเลยก็ว่าได้
" แล้วนี่ผมจะติดต่อเธอได้ไง จะได้เจอเธออีกไหม โอ้พระเจ้า เธอจะจำหน้าผมได้ไหม โธ่พี่นะพี่แต่งหน้าผมซะเละอย่างนี้ เธอจะจำหน้าผมได้ไง" ความคิดผมสับสนวุ่นวายไปหมด
" เฮ้ย เชษฐ์ กลับหอไปอาบน้ำเหอะว่ะ ไอ้โอ๋ตะโกนเรียก
" เฮ้ยเชษฐ์ เป็นไรไปวะ ได้แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ แถมเจ้าสาวมึงยังน่ารักโคตรๆเลยหวะ โอ......พรมลิขิตบันดาลชักพาดลให้มาพบกันทันใด ฮ้า ฮ้า นั่นดูมันตอกย้ำกันเข้าไปไอ้เพื่อนสุดประเสริฐ
" เอ้อ น่ารักแล้วไงเค้าจะจำหน้ากูได้รึปล่าวก็ไม่รู้ เบอร์โทรก็ลืมขอ ยังดีที่รู้ชื่อ แต่คณะอะไรก็เสือกลืมถามอีก นี่เหรอวะ พรมลิขิตบันดาลชักพาของมึง"
" เออน่า ถึงเค้าอาจจะจำหน้ามึงไม่ได้แต่กูว่า เค้าต้องจำเสื้อสีแดงของมึงได้ชัวร์ มึงก็ใส่เสื้อตัวนี้ไปเดินตามตึกทุกคณะสิ รับรองถ้าเค้าเห็นจะต้องจำมึงได้แน่
แหมไอ้โอ๋เพื่อนผมมันก็มีความคิดดีๆกับเค้าเหมือนกัน ถึงมันจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจแนะนำ แต่คำพูดมันก็ทำให้ผมมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ผมตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆที่มีผู้คนอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็นตึกเรียน หอสมุด หอพักต่างๆ ห้างสรรพสินค้า แหล่งท่องเที่ยว ทั่วบริเวณทั้งในและนอกมอ เรียกว่าทุกพื้นที่ทุกตารางเมตร ผมตระเวนไปจนทั่ว โดยทุกครั้งที่ไป ผมจะสวมเสื้อสีแดงตัวนั้นไปด้วยเสมอ ด้วยหวังว่าเธอจะจำเสื้อสีแดงได้
จากวันนั้นถึงวันนี้ เกือบ 4 ปีกว่ามาแล้วผมหยิบเสื้อสีแดงตัวนั้นออกมาจากลิ้นชักในตู้เสื้อผ้า แน่นอนมันยังอยู่ แต่สภาพนี่สิมันดูเก่าซีดและขาด หากมองดูดีๆก็จะยังพอเห็นเค้าโครงความเป็นเสื้อยืดสีแดง สกรีนด้านหลังเท่ห์ๆที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความทรงจำดีๆในชีวิต มันทำให้ผมได้พบเธอในครั้งแรกอาจจะเป็นครั้งสุดท้าย แต่ผมไม่อยากคิดว่ามันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะผมไม่เคยหมดหวัง
" เชษฐ์ นอนได้แล้วลูก พรุ่งนี้จะต้องตื่นไปมหาวิทยาลัยแต่เช้านะ "
เสียงแม่เตือนให้ผมรีบนอน
ผมแขวนเสื้อสีแดงตัวนั้นไว้ข้างๆกับชุดที่ผมรีดไว้เตรียมจะใส่ในวันพรุ่งนี้ ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นสองชุดนี้อยู่คู่กัน ผมเอนตัวลงนอนสวิตซ์ไฟถูกปิดลง ความสว่างในห้องถูกแทนที่ด้วยความมืดของยามวิกาล แต่ในใจของผมก็จะยังคงมีแสงดาวส่องสว่างอยู่ในใจตลอดเวลา เช่นเดียวกับความหวังที่จะได้เจอหน้าเธออีกสักครั้ง ก็จะยังคงมีต่อไป อย่างน้อยก็ในวันรับปริญญา.... วันพรุ่งนี้...