31 มกราคม 2548 11:50 น.
ธารินทร์
คืนนี้ ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมของร้านนมสดร้านที่เคยมาประจำ ผมชอบมามั่งร้านนี้บ่อยๆเพราะชอบบรรยากาศของร้าน ร้านที่มักจะมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งคนคุ้นเคยที่พบเจอและทักทายกันบ่อยๆ และคนแปลกหน้าที่มักจะกลับกลายเป็นคนคุ้นเคยไปในที่สุด ด้วยความเป็นกันเองและความช่างพูดของเจ้าของร้านทำให้ร้านเล็กๆนี้มีความอบอุ่นอย่างที่สุด ซึ่งมันคงเหมาะกับคนที่มีอารมณ์เหงาๆ อย่างผม
และที่ผมมาที่นี่ในคืนนี้ เพราะมามารอพบใครคนหนึ่ง คนแปลกหน้าที่เคยพูดคุยกันไม่กี่ประโยค เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน ...
...........................................................................
วันนั้น.. ไม่สิ! ต้องบอกว่าคืนนี้ ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านในสุดของร้านนมสดแห่งนี้มาตั้งแต่สองทุ่มกว่าแล้ว อากาศภายในร้านค่อนข้างอบอุ่น หากแต่มีบางครั้งที่ต้องสั่นสะท้านอยู่บ้างเพราะสายลมเย็นเยียบที่พัดหลงเข้ามาในร้าน ข้างนอกมีฝนตกโปรยปรายทั้งๆที่เป็นฤดูหนาว และมีตกหนักบ้างเป็นบางช่วง
ตอนนั้น 4 ทุ่มกว่าแล้ว แต่ในร้านยังหนาน่าไปด้วยผู้คนและเสียงพูดคุย และผมก็ยังคงนั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่ที่เดิม ในบรรยากาศเหงาๆแบบนี้ บางทีการได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบก็พอจะทำให้ความรู้สึกได้ผ่อนคลายลงบ้าง... ฝนเริ่มจะตกหนักและหนาเม็ดลงเรื่อยๆแล้ว ตอนนี้ทุกโต๊ะภายในร้านถูกจับจองหมดแล้ว พนักงานในร้านทำงานกันวุ่นวายไปหมด ผมเรียกพนักงานมาสั่งนมร้อนและขนมปังเพิ่มก่อนที่จะหันไปสนใจหนังสือเล่มโปรดต่อไป..
ขอโทษค่ะ ขอนั่งด้วยคนนะคะ พอดีว่าโต๊ะมันเต็มหมดแล้ว แล้วข้างนอกฝนก็ตก ยุ่งยังไม่อยากจะเดินตากฝนกลับ หวังว่าคงจะไม่ใจร้ายนะคะ และโดยไม่สนใจกับกับคำตอบของผม ใครคนที่เรียกตัวเองว่า ยุ่ง ก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทันที ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเธออยู่ในชุดสีดำสนิท หน้าตาและเสื้อผ้าเปียกชื้นเพราะละอองฝน ผมยิ้มให้พร้อมกับเชื้อเชิญอย่างเป็นทางการอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อไป..
ขอบคุณค่ะ ก็ยังได้ยินเสียงเธอแว่วมาอยู่ดี
ตอนนี้เธอนั่งห่อตัวเพราะความหนาวของอากาศบวกกับความชื้นของเสื้อผ้าทำให้ร่างของเธอสั่นเป็นระยะๆ ผมสังเกตอยู่นาน พอดีกับพนักงานนำนมร้อนกับขนมปังมาเสิร์ฟให้ ได้ยินเธอก็สั่งนมร้อนและขนมปังเหมือนกับผม ผมจึงตัดสินใจส่งแก้วนมตรงหน้าผมไปให้พร้อมกับบอกให้เธอดื่มแก้หนาว
ขอบคุณค่ะ แต่มันจะดีเหรอคะ ยุ่งว่ายุ่งรอของที่สั่งไปดีกว่านะคะ แม้จะหนาวอย่างนี้ เสียงเธอก็ยังสดใสอยู่เลยนะ
ผมบอกว่าไม่เป็นไรพร้อมกับคะยั้นคะยอให้เธอดื่มให้ได้ เธอลังเลอยู่นิดหนึ่ง แล้วก็ยกแก้วนมมาดื่มอย่างช้าๆ ผมเห็นสีหน้าเธอดีขึ้นแล้วก็ไม่ว่าอะไรอีก หันไปจับจ้องกับตัวหนังสือตรงหน้าต่อ
สักพักหนึ่ง พนักงานก็นำของที่เธอสั่งมาให้เธอพูดขอบคุณเบาๆแล้ว หันมาเรียกผม
พี่คะ เอ่อ... พี่ คือว่านมแก้วนี้ ยุ่งให้พี่แทนแก้วเมื่อกี้นะคะ
ผมบอกว่าไม่เป็นไร แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะให้นมแก้วนั้นกับผม เวลาที่เธอดื่มนมกับขนมปังเหมือนเด็กๆเลย เธอชวนผมคุยตลอดเวลา ตอนนี้ผมละจากหนังสือหันมาสนทนากับเธออย่างจริงจังแล้ว
คือว่า คุยกันมานานแล้ว ยุ่งยังไม่รู้จักพี่เลยนะเนี่ย แล้วเธอก็ยิ้ม มีลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้างด้วย
ผมแนะนำตัวเอง พร้อมกับตอบคำถามที่ยิงมานับไม่ถ้วน ในที่สุดเธอก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วก็ยิ้ม ดูท่าทางจะเป็นผู้หญิงที่ยิ้มง่ายจริงๆ
เกือบจะเรียกว่านานทีเดียว ที่ผมคุยกับเธอ ยุ่งมีเรื่องพูดเยอะมาก ผมก็ได้แต่นั่งฟังเธอพูด จนกระทั่งของที่เราสองคนสั่งมาหมดไปแล้ว ผมถามยุ่งว่าจะทานอะไรอีกไหม
ได้อีกแก้วก็ดีนะคะ จะได้คุยกันต่อ หรือว่าพี่จะรีบกลับคะ ยิ้ม..
ผมเรียกพนักงานมาสั่งของเพิ่มอีกแล้วก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง คราวนี้เธอเงียบลงไปบ้าง หันไปทำอะไรจุกจิกตามประสา
หลายๆครั้งที่ผมลักลอบใช้สายตามองข้ามหนังสือไปยังฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ก็จะเห็นดวงตากลมโตที่สดใสมองจ้องมา พร้อมกับรอยยิ้ม แม้กระทั่งครั้งนี้ เธอก็ยังจ้องตอบมาพร้อมกับรอยยิ้มเช่นเคย
อ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอคะ ท่าทางน่าสนุกดีเน๊าะ
ก็หนังสืออ่านเล่นธรรมดาๆน่ะล่ะครับ ผมบอกเธอไปแบบนั้น
ขอยุ่งลองอ่านหน่อยนะคะ โดยไม่รอคำตอบ เธอก็เอื้อมมือมาดึงหนังสือในมือของผมเบาๆ เจ้าหนังสือของผมก็ไปอยู่ในมือเธออย่างว่าง่าย เธอพลิกไปพลิกมา แล้วก็เริ่มอ่าน .. สักพักหนึ่งเธอก็ยิ้มออกมา ดูเหมือนจะเป็นรอยยิ้มที่สดใสที่สุดตั้งแต่ที่ผมเห็นเธอยิ้มก็ว่าได้
แล้วเธอก็ละสายตาจากหนังสือ หันมาจ้องผมด้วยดวงตาเป็นประกาย
ขอยุ่งยืมไปอ่านสัก 2-3 วันได้รึเปล่าคะ
นะ นะ นะ นะคะ
...........................................................................
นับจากวันนั้นมาถึงวันนี้ ผมก็มานั่งรอผู้หญิงที่ชื่อยุ่งที่นี่ทุกคืน ไม่ใช่เพราะอยากได้หนังสือคืนหรอกนะ แต่อยากพบเธอมากกว่า... เอ๊ะ! นั่นไง เธอมาแล้ว...
to be contineu