10 พฤศจิกายน 2546 13:43 น.

แด่เธอ..ผู้พ่ายแพ้แก่โรคร้าย

ธารินทร์


                    ฉันกลับมาที่นี่อีกครั้ง หลังจากที่ฉันเดินทางไปจากที่นี่เมื่อหลายปีก่อน... ที่ตรงนี้ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง... หากสิ่งที่ขาดหายไป ก้อคงจะเป็น"เธอ"นั่นเอง... "เธอ"ที่เคยร่วมแบ่งปันทุกๆความรู้สึกกับฉัน "เธอ"ที่เคยมอบสิ่งดีๆให้ฉันเสมอมา "เธอ"ที่ไม่เคยห่างไกลจากฉันเลยแม้แต่นาทีเดียว... "เธอ"ที่ฉันรักสุดหัวใจ...

                    ด้วยเหตุผลที่ฉันต้องจาก"เธอ"ไป เพราะอนาคตที่ฉันเลือก ฉันเดินทางจากที่นี่และจาก"เธอ"ไปเพื่อสร้างอนาคตที่ฉันวาดหวังไว้ นานๆครั้งที่ฉันจะกลับมาที่นี่ และฉันก้อจะมาหา"เธอ"และอยู่กับ"เธอ"ในระยะเวลาสั้นๆ ทุกครั้งที่ฉันกลับมา ฉันรู้สึกว่า"เธอ"ดีใจมาก ฉันก้อเช่นกัน

                    ระยะหลังๆมานี้ ฉันไม่ค่อยได้ติดต่อกับ"เธอ"เท่าใดนัก เนื่องจาก"เธอ"ไปทำงาน และฉันก้อหลงระเริงกับความศิวิไลซ์จนลืมนึกถึง"เธอ" บางครั้งฉันลืมไปซะด้วยซ้ำว่ามี"เธอ"อยู่ แต่"เธอ"ก้อไม่เคยต่อว่าหรือตัดพ้อ "เธอ"กลับดีใจเสียอีกที่ฉันติดต่อไปหา... 

                    ไม่นานมานี้ ฉันได้ข่าวว่า"เธอ"ล้มป่วยด้วยโรคร้าย ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ฉันกลับไปเยี่ยม"เธอ" และอยู่ดูแล"เธอ"อยู่ช่วงหนึ่ง แต่แล้วฉันก้อจาก"เธอ"มาอีก ด้วยความหลงไหลในโลกย์ศิวิไลซ์ ฉันรู้ว่า"เธอ"เสียใจมาก แต่ฉันหักห้ามใจตัวเองไม่ได้...

                    อาการของ"เธอ"ทรุดหนักลงเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ไม่มีทีท่าว่าอาการของ"เธอ"จะดีขึ้นเลย... ฉันรู้ แต่ฉันยังทำนิ่งเฉย ไม่สนใจใยดี จนกระทั่ง...

                    จนกระทั่งวันหนึ่ง มีโทรศัพท์ทางไกลมาบอกกับฉันว่า... "เธอ" ไม่สามารถจะอยู่ดูแสงตะวันขึ้นในตอนรุ่งเช้าได้อีกแล้ว...เนื่องจาก"เธอ"พ่ายแพ้ให้แก่โรคร้าย ให้ฉันรีบกลับไปหา"เธอ" โดยด่วน... ฉันก้อยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว โดยบอกไปว่าอีก2-3วันจะกลับไป...

                    เมื่อฉันกลับมาที่นี่... ฉันเห็น"เธอ"สงบนิ่งอยู่ในที่นอนแคบๆ ใบหน้าของ"เธอ"ยังอิ่มเอม ทว่า มีความเสียใจปนอยู่บนใบหน้านั้น ฉันจึงคิดขึ้นมาได้ว่า แท้จริงแล้ว ฉันทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตแล้ว... ทำไมฉันถึงไม่รีบมาหา"เธอ"นะ อย่างน้อยก้อจะได้พบ"เธอ"ก่อนที่"เธอ"จะหมดลมหายใจก้อยังดี...

                    .นับตั้งแต่นี้ ฉันคงจะไม่ได้พบกับ"เธอ"อีกแล้ว คงเหลือเพียงความทรงจำที่ยังคงอยู่ในใจฉันตลอดไป... ฉันอยากจะบอกกับ"เธอ"ว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันพลาดไปแล้วที่ฉันมัวหลงอยู่ในอบายจนลืมนึกถึงคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป...ฉันจะไม่ลืม"เธอ"เลยตลอดทั้งชีวิตนี้...

                    เธอ..."แม่"
				
10 พฤศจิกายน 2546 13:39 น.

ใต้เงาดาว

ธารินทร์


               แม้ว่าคืนนี้ฟ้ากว้างจะเต็มไปด้วยดาวที่กระจัดกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า  ดวงดาวทุกดวงแข่งกันส่งแสงระยิบระยับพร่างพราว ทำให้ท้องฟ้าคืนนี้ดูสว่างสดใสดกว่าทุกคืน  แต่ฉันรู้สึกว่า ฟ้ายังคงว้าเหว่เพราะมีสิ่งหนึ่งขาดหายไปจากท้องฟ้า ดวงจันทร์นั่นเอง คืนนี้ไม่มีดวงจันทร์สีหวานบนท้องฟ้า ทำให้ฟ้าดูว้าเหว่ ฟ้าที่เงียบเหงา แต่ยังอบอุ่นด้วยไอดาว

               ฉันนั่งมองท้องฟ้าในคืนนี้มานานแล้ว มองอย่างเดียวดาย ทุกครั้งที่ฉันมานั่งมองฟ้ามองดาวอย่างนี้ ฉันหวังจะพบความห่วงใยเล็กๆ จากใครบางคนที่จะล่องลอยมาตามสายลมหรือแสงดาว ..  แต่ฉันก็ไม่เคยได้พบเจอหรือสัมผัสถึงความห่วงใยจากใครคนนั้นได้เลย บางทีอาจจะเป็นเพราะความห่วงใยจากใครคนนั้นกำลังหลงทางอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือไม่เช่นนั้น ความห่วงใยจากใครตนนั้นอาจจะเบาบางมากจนสัมผัสไม่ได้ก็เป็นได้

               เหงา คำลำดับต้นๆของคำที่ยากต่อการหาคำมาจำกัดความ เพราะคงไม่มีถ้อยคำไหนจะมาพร่ำพรรณนาความรู้สึกนี้ได้ดีเท่ากับใจของคนเหงาเอง ฉันเองก็บอกไม่ได้ว่าความเหงาคือความรู้สึกแบบไหนอย่างไร แต่ฉันบอกได้ว่า ตอนนี้ฉันกำลังเหงา ทุกครั้งที่ฉันเหงา ฉันมักจะคิดถึงใครคนหนึ่ง คนที่อยู่ในใจของฉันตลอดเวลา ความจริงฉันไม่ได้คิดถึงใครคนนั้นเฉพาะเวลาที่ฉันเหงาหรอกนะ แต่เวลาที่ฉันเหงา ฉันจะคิดถึงใครคนนั้นมากกว่าเวลาอื่นต่างหาก 

                ไม่รู้ว่าฉันอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า ที่เวลามองฟ้ามองดาวแล้วรู้สึกเหงาและคิดถึงใครบางคนขึ้นมาเฉยๆ  ไม่รู้ว่าฉันเพ้อเจ้อเกินไปหรือเปล่า ที่รับรู้ถึงความเหงาของท้องฟ้าและดวงดาวได้ทุกที และไม่รู้ว่าฉันอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า ที่บางครั้งที่ฉันรู้สึกเหงา จะมีน้ำใสๆไหลซึมจากดวงตา  แต่ฉันไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ น้ำตามันไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว

               ก็แค่อยากจะรับรู้บ้างว่าคนห่างไกลจะเป็นอย่างไร กำลังทำอะไรอยู่กับใคร จะสุขจะเศร้า  รู้สึกเหงาและอ้างว้างเหมือนคนทางนี้ไหน หรือว่ากำลังสุขใจกับการอยู่ไกลๆใครคนนี้  บางทีก็อยากจะพบเจอ อยากพูดคุย อยากอยู่ใกล้ๆบ้าง แต่ก็ต้องตัดใจ..มันเป็นไปไม่ได้

               หลายต่อหลายครั้งที่ฉันอยากจะถามใครคนนั้นตรงๆไปเลยว่า คิดถึงฉันบ้างไหม เป็นห่วงฉันหรือเปล่า แต่ฉันกลัวคำตอบที่ได้มันจะทำให้ฉันเสียใจ  ก็เลยคิดว่า การได้แอบคิดถึง แอบห่วงใยใครคนนั้นอยู่อย่างนี้ ก็ถือเป็นความโชคดีของฉันแล้ว 

               แต่ก็มีบ้างบางครั้ง ที่ฉันอยากจะให้เธอรู้สึกคิดถึง หรือห่วงใยฉันบ้าง ไม่ต้องมากมายอะไรนักหรอก แค่เพียงแวบหนึ่งของเศษเสี้ยวความรู้สึกก็ยังดี อย่างน้อยก็พอจะทำให้หัวใจดวงนี้อบอุ่นบ้าง ..

               ดวงดาวพากันหลับไหลไปหมดแล้ว.. แต่ฉันยังคิดถึงเธอ
				
24 ตุลาคม 2546 12:27 น.

ลมหนาวในห้องอุ่น

ธารินทร์


          คืนนี้ฝนตกลงมาอีกแล้ว สายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก และสายลมที่พัดอย่างรุนแรง ทำให้อากาศข้างนอกหนาวเหน็บ อากาศในห้องแม้จะไม่หนาวเหน็บเท่าใดนัก แต่ก็เยียบเย็นพอสมควร สายลมที่พัดหลงเข้ามาในห้องทำให้ร่ายกายสั่นสะท้านเป็นระยะ

          อากาศคืนนี้เลวร้ายกว่าทุกคืน ฉันได้แต่นั่งมองดูสายฝนอย่างเดียวดายในห้องเหงา เพราะคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ บรรยากาศในห้องเริ่มเงียบงันและเหงาหงอย ฉันนั่งมองสายฝนอยู่เนิ่นนานจึงหันมาสำรวจหนังสือบนชั้นหนังสือหลายสิบเล่มวางอยู่บนชั้นอย่างเงียบๆ ไม่เคยเรียกร้องให้ฉันหยิบจับ เหมือนจะรู้ว่าอย่างไรเสีย ฉันก็ต้องหยิบจับมันขึ้นมาสักวัน ฉันมองหาหนังสือที่อยากอ่านอยู่อึดใจ แล้วตัดสินใจหยิบหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มหนึ่งลงมา ตั้งใจจะอ่านเพื่อให้คลายความเหงาลงบ้าง

          เมื่อหยิบหนังสือขึ้นมากางก็พบจดหมายเก่าๆฉบับหนึ่ง ซองจดหมายสีเหลืองหม่นเพราะความมอมแมมตามกาลเวลาก็หล่นลงบนพื้น ฉันหยิบซองจดหมายมาพลิกดูก็รู้ว่าเป็นจดหมายของใครคนหนึ่งซึ่งหัวใจคุ้นเคยมานานปี 

          ฉันไม่รอช้า รีบเปิดซองจดหมายดูก็เห็นกระดาษสมุดแผ่นหนึ่งพับอยู่ในซอง ฉันดึงขึ้นมากางออกทันที ลายมือไม่หวัดแต่ก็ไม่บรรจงของใครคนหนึ่งออกมาอวดต่อสายตาของฉันอย่างรวดเร็ว อ้อ! ฉันจำได้ละ จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายฉบับแรกที่ใครคนหนึ่งเขียนส่งมาให้ฉันนั่นเอง เป็นจดหมายที่ฉันได้รับเมื่อหลายปีก่อน มันนานจนฉันเกือบจะลืมเลือนไปแล้วด้วยซ้ำไป 

          เนื้อความในจดหมายบอกเล่าเรื่องราวของความรู้สึกของเจ้าของจดหมายที่มีให้กับผู้รับ ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวในหน้ากระดาษ บ่งบอกถึงความคิด ความรู้สึกของเจ้าของจดหมายที่มีต่อฉันเมื่อหลายปีก่อนได้เป็นอย่างดี  

          พลิกกระดาษอีกหน้าหนึ่งมีบทกลอนสั้นๆ บทหนึ่ง

                    ไม่มีคำหวานซึ้งตรึงใจ
                    บอกผ่านออกไปจนถึงเธอ
                    แต่รู้ไหมใจฝันและเพ้อ
                    เฝ้าคิดถึงเธออยู่ทุกเวลา  
                        เหม่อมองจันทร์คืนนี้สีหวาน
                        อยากขอวานบอกผ่านสักครา
                        ถึงบางสิ่งที่อิงอุรา
                        อยากบอกว่าฉันคิดถึงเธอ...

          ฉันอ่านจดหมายฉบับนั้นเวียนไปวนมาอยู่หลายรอบ แต่ละรอบก็เรียกรอยยิ้มให้เปื้อนบนใบหน้าได้อย่างประหลาด  จนลืมไปความตั้งใจแต่แรกว่าจะอ่านหนังสือรวมเล่มสั้นที่หยิบออกมา เพราะความสุขที่ฉันได้รับจากจดหมายเก่าๆฉบับนั้น มันทำให้ฉันลืมอะไรไประยะหนึ่ง

          บางทีการได้นั่งอยู่ลำพังกับตัวเอง ได้มีเวลาทบทวนเรื่องราวที่อยู่ในความทรงจำซึ่งเกือบจะเลือนหายไปตามกาลเวลา ได้คิดถึงคนของความรู้สึกที่ห่างเหินกันไปนาน ก็ทำให้หัวใจที่หม่นหมองกลับพบกลับความสดใสขึ้นมาได้อย่างประหลาด 

          สายฝนยังคงโปรยปรายอย่างหนัก สายลมยังคงพัดแรง อากาศข้างนอกยังหนาวเหน็บ...

          น่าแปลก... ที่ภายในห้องกลับอบอุ่น				
22 ตุลาคม 2546 14:24 น.

ปลายสายของความคิดถึง

ธารินทร์


          เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้นตั้งแต่เช้า ปลุกให้ฉันที่กำลังนอนฝันหวานให้ตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ด้วยอาการงัวเงีย ใครกันนะโทรมาหาตั้งแต่เช้า

                    สวัสดี โทรมากวนหรือเปล่า  

          เสียงใสๆ จากคนคุ้นเคยที่ห่างเหินกันไปนานดังมาจากปลายสาย ฉันหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง เพราะความรู้สึกอื่นมันเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ความรู้สึกดีใจและตื้นตัน และอีกหลายๆความรู้สึกมันเข้ามาผสมปนเปกันจนแยกไม่ออกว่า ตอนนี้ฉันรู้สึกอย่างไรกันแน่ เท่าที่รู้คือรู้สึกดีที่ได้ยินเสียงนั้น

                    ไม่หรอก ตื่นนานแล้ว มีอะไรหรือเปล่า 

                    อืม ก็มีเรื่องอยากจะปรึกษานิดหน่อยน่ะ

          เสียงจากปลายสายดังมาอีก ฉันครุ่นคิด จะเป็นเรื่องอะไรหนอ คงสำคัญมาก เพราะโทรมาหาแต่เช้า ฉันเงียบไปนาน เสียงจากปลายสายก็บอกมาว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรู้ที่ฉันเรียนมานั่นเอง.. โล่งอก นึกว่าเรื่องอะไร แล้วฉันก็พูดคุยตอบปัญหาข้อข้องใจของคนคุ้ยเคยจนเธอเข้าใจดีแล้ว

          คิดถึงนะ จำได้ว่า หัวใจของฉันตะโกนออกไปอย่างนั้น แต่มันก็ดังก้องในใจเท่านั้นเอง ความจริงฉันอยากจะบอกเธออย่างนั้น แต่เดี๋ยวค่อยบอกดีกว่า 

                    คิดถึงฉันไหม 

          ฉันถามเธอออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะความอยากรู้ ฉันจึงเอ่ยปากถามออกไปอย่างนั้น

                    ไม่หรอก 

          คำตอบจากปลายสายดังมาให้ได้ยิน แล้วก็มีเสียงหัวเราะเบาๆตามมา น่าแปลก.. แทนที่ฉันจะเสียใจกับคำตอบที่ได้ ฉันกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก 

                    ไม่เลยหรือ นิดนึงนะ

          ฉันถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เจือรอยยิ้ม แล้วฉันก็ได้คำตอบเดิม พร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆเหมือนเดิม คราวนี้ฉันหัวเราะบ้าง  แม้เวลาจะผ่านไปนานเธอก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม คนปากแข็ง.. แต่เอ.. ฉันรู้สึกว่าฉันลืมอะไรไปบางอย่าง แต่นึกไม่ออก

          เราคุยกันอยู่นาน สอบถามถึงการเดินทางตามหาฝันของแต่ละคน เพิ่มเติมความอบอุ่นของหัวใจให้กันและกัน ช่วยกันแต่งเติมสีสันที่สดใสให้ความคิดที่หมองหม่น  จนหัวใจรู้สึกอิ่มเอม 

          แต่ฉันลืมอะไรน๊า...

                    แค่นี้ก่อนนะ ตังค์หมดแล้ว

                    อืม แล้วโทรมาอีกนะ

                     

          เสียงจากปลายสายเงียบไปแล้ว ฉันยังรู้สึกดีใจและตื่นเต้นไม่หาย ฉันไม่ได้ยินเสียงใสๆอย่างนี้มานานเท่าใดแล้วนะ คงจะหลายเดือนมาแล้ว รอยยิ้มที่หายไปกลับปรากฏอยู่บนใบหน้า ด้วยเสียงที่คุ้นหูของคนที่คุ้นใจ ทำให้ความเหงาที่มีหายไปหมด และนำพาความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง.. ความรู้สึกที่เรียกว่า อบอุ่น 

          แม้ว่าเราจะได้พูดคุยกันเป็นเวลาไม่นานนัก แต่ก็นานพอที่จะให้ถ้อยคำบ่งบอกและความรู้สึกที่มี เติมความสดใสให้กับหัวใจได้จนเต็ม

          หลังจากที่วางสายโทรศัพท์แล้ว ฉันก็นึกออก ว่าฉันลืมอะไร
                    .
                    .
                    .

          ฉันลืมบอกเธอ... ว่า ฉันคิดถึงเธอ
				
22 ตุลาคม 2546 14:11 น.

คืนที่ฟ้าเปียกฝน

ธารินทร์


          ดึกดื่นแล้วแต่ฉันยังนอนไม่หลับ ระยะนี้ฉันนอนไม่ค่อยจะหลับ เพราะความเป็นคนหลับยากอยู่แล้ว ประกอบกับความวุ่นวายใจอะไรบางอย่างที่เข้ามารุมเร้า ทำให้ฉันไม่อาจจะปิดตาลงได้อย่างง่ายดายนัก

          ฉันนอนอ่านหนังสือบนที่นอน เปิดวิทยุทิ้งไว้ให้ส่งเสียงเพลงไปตามแต่ใจดีเจ บางครั้งได้ยินผู้ฟังทางบ้านโทรศัพท์ไปขอเพลงบ้าง แต่สมาธิของฉันจดจ่ออยู่กับหนังสือมากกว่าจะฟังเพลง แต่กระนั้นก็ตาม บทเพลงบางเพลงที่ได้ยินก็ทำให้นึกไปถึง ใครคนหนึ่ง ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ความทรงจำเก่าๆมาชักชวนให้ความคิดเตลิดไปโลดแล่นไปไกล

          ฉันตัดสินใจออกมานั่งที่ชายหาด คืนนี้ฟ้าคงว้าเหว่พอสมควร เพราะดวงดาวที่เคยส่องแสงหยอกล้อกับท้องฟ้าทุกคืนๆ กลับพากันหนีหายไปหมด คงเหลือแต่ดวงจันทร์ดวงเว้าๆแหว่งๆ ลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างเดียวดาย แต่ประกายสีหวานของจันทร์ ก็ยังทำให้ท้องฟ้าที่เงียบงันดูสดใสเหมือนเช่นทุกคืน 

          สายลมพัดแรง ท้องทะเลเบื้องหน้ามืดสนิทกลมกลืนไปกับสีหม่นของท้องฟ้า คงมีแต่เงาจันทร์ในทะเลที่ล้อเล่นกับจันทร์สีนวลบนท้องฟ้า เกลียวคลื่นกระทบหาดไม่ขาดระยะราวกับว่าเป็นเสียงดนตรีที่ขับกล่อมโลกที่เงียบงันให้กลับมีความสุขอีกครั้ง แต่คืนนี้คงเป็นดนตรี Rock เพราะคลื่นแรงมาก

          ฉันนั่งอยู่บนชายหาดนี้มานานเท่าไหร่ไม่รู้แล้ว รู้แต่ว่าการได้มาดื่มด่ำกับธรรมชาติแบบนี้ ทำให้ฉันอดคิดไปถึง ใครคนหนึ่ง ขึ้นมาอีกครั้ง ความคิดที่เตลิดไปไกลยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาง่ายๆ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้มันลอยไปถึงไหนแล้ว อาจจะกำลังหลงทางอยู่ในเมืองหลวงก็ได้

          นานเท่านานที่ฉันนั่งทบทวนความทรงจำเก่าๆอยู่ที่นี่ ท้องฟ้ามืดสนิทเพราะเมฆสีหม่นก้อนใหญ่มาบดบังดวงจันทร์ สายลมพัดแรงขึ้นเป็นลำดับ.. ไม่นาน ฉันก็ตื่นจากภวังค์เพราะสายฝนที่ร่วงหล่นลงมากระทบร่าง มีใครบางคนเคยบอกว่า สายฝนคือความคิดถึงที่ท้องฟ้าส่งมาให้ทะเล ก็คงจะจริงอย่างที่เขาว่า เพราะตอนนี้ทะเลร่าเริงเป็นพิเศษ รู้สึกว่ามันจะดีใจที่ท้องฟ้าส่งความคิดถึงมาให้

          ฉันยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ปล่อยให้หยดความคิดถึงพร่างพรมลงมากระทบร่างจนเปียกปอน ความคิดถึง แม้แต่ฟ้ายังมีความคิดถึง คืนนี้ฟ้าคงคิดถึงทะเลมาก หยดความคิดถึงจึงมากมายจนท่วมท้น อากาศที่เยียบเย็นกลับยิ่งเหน็บหนาว ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความรู้สึกที่วุ่นวายใจตอนนี้ เกิดจากอะไร ความคิดถึง นั่นเอง ฉันกำลังคิดถึงใครบางคนที่คงกำลังหลับไหลอยู่ที่ปลายฟ้า 

          ตอนนี้ฉันเพียงอยากรู้ว่า ใครคนนั้น ที่ฉันกำลังคิดถึงอยู่ตอนนี้ จะคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า มีบ้างไหมสักสามนาที หรือสองวินาที หรือแค่แวบหนึ่งในห้วงความคิด.. 

          ความคิดที่เตลิดไปไกลตั้งแต่เที่ยงคืนกลับมาแล้ว ฉันกลับมีความรู้สึกว่า ไม่จำเป็นหรอกที่จะต้องรอคอยความคิดถึงจาก ใครคนนั้น เพราะนั่นมันจะทำให้ฉันทรมานกับการรอคอยมากขึ้น หากแต่ถ้าฉันเพียงแค่ คิดถึงใครคนนั้น อยู่อย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว ความสุขเล็กๆที่เกิดจาการได้คิดถึงได้ห่วงใยใครคนหนึ่ง ก็ทำให้หัวใจอบอุ่นเพียงพอ

          ฝนหยุดตกแล้ว ฉันพาร่างที่เปียกปอนกลับมาที่ห้อง แล้วก็หลับไหลไปพร้อมๆกับความทรงจำและความคิดถึงอย่างเป็นสุข

          เช้าวันใหม่ ดวงอาทิตย์ฉายแสงอบอุ่นมากระทบหยดความคิดถึงที่เกาะพราวอยู่ตามใบไม้ เกิดเป็นประกายสีรุ้งงดงามจับตา ความคิดถึงอันแสนอบอุ่นนี้ ทะเลคงไม่ได้เห็น แต่ฉันกลับมีความรู้สึกว่า 
               .
               .
               .

          ฉันเป็นหวัด ..
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธารินทร์
Lovings  ธารินทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธารินทร์
Lovings  ธารินทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟธารินทร์
Lovings  ธารินทร์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงธารินทร์