6 กรกฎาคม 2550 23:09 น.
ธรรมาภิวัฏ
ไหว้ครูกวี
ประจงแต่งประธีปไต้วะไวแวม
ระยิบยับประดับแซมสุมาหลา
โอมเอื้อนมธุรสพจมาน์
เป็นบัตพลีปรีชาอุษาจารย์
ทั้งแต่เก่าเล่าก่อนสมัยล่วง
ทั้งแต่ท่วงช่วงชั้นอันต่อสาน
ข้าผู้น้อยคล้อยคำนับอับภิวาน
แด่ปวงดวงอาจารย์ประสิทธา
กลอนก่ำร่ำเรียนในวันนี้
ก็น้อยนักผู้ที่จะเศิกษา
ดุลยธรรมธำรงค์วิชชญา
สืบเอก(กะ)รักษาดำรงค์ไท
--------------------------
รำพึงจากโบราณ
น่าเศร้าเนาว์ไซร้ในลักษณ์
หาผู้รู้จักกลับหาไม่
ความงามของเก่าจักเท่าไร
เชิงกลอนเกรียงไกรแต่บุราณ
ตะก่อนชั้นเก่าเล่าท่าน
ขับเกวียนปะกันก็ขาน
เล่าบอกถึงเรื่องวันวาน
ขับกลอนตำนานร่ำไป
ไปไหนหรือท่านจึ่งมา
สี่สอกสามวาตอบให้
คำตลกขับคล้องเกริ่นไว้
ผ่านหูไวไวในวาน
ผ่านดินผ่านฟ้าผ่านภพ
ผ่านจบสมัยล่วงผู้สืบสาน
หายหับดับแล้วแนวตำนาน
เพียงจารคำขานสมุดไทย
สงสัยว่าจะเหลือเพียงตัวหนังสือ
จะหาผู้มีฝีมือประไรไหว
ชื่อว่าอาเขตประเทศไทย
จะไขข่าวว่าไร้ผู้กวี
..ผีปู่ผีย่าผีอารักษ์
ศรีปราชญ์ ศรีปรัชญ์เรืองศรี
ครูภู่ สุนทรพระกวี
ปรี่ปร่าพร่าพัวมัวน้ำตา
--------------------
รำพึงสู่ปัจจุบัน
เด็กเอ๋ย ว่าเอย เด็กน้อย
ความรู้ ฤา ยังด้อยริศึกษา
ขีดเขียนสารพันอันวิชา
เติบหน้าเป็นใหญ่ในราชการ
..ไม่ดอกพ่อปู่ผีตา
สมัยนี้ควรค่าข่าวสาร
อินเทอร์เน็ตท่องยุทธ์อุทยาน
ร้านเกมส์ร้านกามลามเลีย
เช้าตื่นแต่งเจิมเสริมหน้า
ขีดคิ้วเขียนตาน่าละเหี่ย
สองพัน ค่าน้ำมันฟรอนเทียร์
ไม่เสีย ไม่จ่าย ไม่เรียน
พ่อแม่ห่วงไยเองดอกหนา
ขายข้าวขายนากระเบียดเสียน
กลัวเบี้ยไม่พอค่าทะเบียน
มหาเรียน มหาลัย มหากาฬ
ประเดี๋ยวนี้ไม่รู้เขาค้ากระไร
ตะก่อนเห็นแต่ค้าลำไยกับข้าวสาร
อันความรู้ก็ยกเป็นวิชาทาน
สอนลูกสอนหลานให้รักเรียน
พ้นผ่านโลกาอัชฌาศัย
พรบ.มหาลัยลิขิตเขียน
รีดเลือดกับเด็กจนอาเจียน
เวียนเศียรเวียนเกล้าเมาค่าเทิม
เด็กเอ๋ย ว่าเอยเด็กน้อย
ค่อยริค่อยร้อยค่อยเริ่ม
วิชาธารความรู้เสริมเติม
แต่งตนต่างเพิ่มเติมตัว
ยื้อแย่งแบ่งยวดอวดใบกระดาษ
ปริญญาใบประกาศดูชั่ว
คัดสรรค์ปันพันธุ์เยี่ยงงัว
ข่มเขาโง่งั่วงันงง
แข่งเรียนแข่งงานแข่งวัตถุ
จิตนิยมผันผุไหลหลง
ลืมวิถีไทยถิ่นดินดง
หลงพงหลงไพรหลงเพลิน
ขายค่าวิชาความรู้
ขายค่ากตัญญูห่ามเหิน
แลกตัวพัวพันปันเงิน
วัตถุจำเริญกายา
------------------------
รำพึงร่วมสมัย
อยากจะหนีไปอยู่พง
เดินดงร่ำเรียนเพียรใฝ่หา
อาศรมดาบสสามตา
หลบลี้พ้นพาพะว้าพะวง
..ขอเถิดพระเจ้าตา
สอนหลานมิหนักหนาอานิสงศ์
กินกล้วยกินอ้อยเดินดง
บำพงบำเพียรเรียนมนต์
ยังหรอก ดอกหลานตา
ค่าน้ำร้อนน้ำชา ค่าน้ำฝน
ค่าทะเบียนเรียนเวทมหามนต์
ค่าบำรุงค่าค้น ตำรับตำรา
สดับฟังหลวงตามหาเวทย์
นึกอาเพศในใจกระไรหวา
พับซองสอดใส่แล้วภาวนา
จึงสำเร็จปริญญามาหนึ่งใบ
อนาจจริงนิ่งแท้เจ้าตาเอ๋ย
แต่หลานจนอย่างเคยไม่มีใช้
ไหนค่าน้ำค่ารถไหนค่าไฟ
ไหนค่าใบ้บ่อนเบี้ยเรี่ยรายทาง
หลวงตาสมาธิสมาธิ์ซ้อน
แล้วแย้มยิ้มเอ่ยพรก่อนฟ้าสาง
ลูกเอ๋ย สี่ห้าพอลางลาง
ข้างใต้มีตามอีกสามตัว
ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหนนะหลานรัก
ประนมมือยกหัตถ์ยอใส่หัว
ก่อนเช้าก่อนบ่ายและก่อนมัว-
มืดมุ่นหมุนหัวให้ไหว้วอน
..ฟังตรับสรรพคำพระเจ้าตา
ก็ออกเดินจากอาศรมสมร
บ่ายหน้าข้ามมหาพนาดร
สู่เมืองเรืองรองรุ่มราม
ด้วยใบปริญญาอาศรม
ลำพองใจตนมิขาม
หลายวันพลันเดือนเลื่อนข้าม
เดินถามหางานไม่มี
อนาจหนอรำพึงตน
ใช่ไร้สามารถจนเหลือที่
ไม่มีเงินไม่มีเส้นไม่มีมี
ไม่มีที่ให้คนทำงาน..!!
------------------------
จำนน..
ล้วนแล้วล้วนเราต่างติดระบบ
บนโครงสร้างบนทำนบงุ่นง่าน
จึงย้อมดำย้ำไว้ในสันดาน
เป็นยุงร้ายที่พร่านจากบ่อครำ
ห้ามคิดห้ามคนห้ามค้นคิด
วิปริตผิดเพศดูขันขำ
แต่เบื้องใต้แววตาต่างตอกย้ำ
ชอกช้ำชี้เชือนเปื้อนน้ำตา
เขาว่าไฟฟ้าสว่างไสว
แห่งเมืองเมลืองไกลทั่วฟ้า
กลับมืดอับจนพ้นปัญญา
ลุ่มหลงกามาวสัญจร
หลงแบบเบือนรูปอัตลักษณ์
ทบทิ้งสิ่งสรรพ์เมื่อปางก่อน
คำสอนปู่ตามิอาวรณ์
บูชาคำคอนคนเมืองไกล
หรืออาจจะเป็นจริงแห่งโลกย์
จึงวิโยคเมื่อเปลี่ยนปรับรับสมัย
หรือเราควรทอดสายตาไกลออกไป
ปรับใจเปลี่ยนวิถีเปลี่ยนสันดาน..!!