26 มีนาคม 2549 16:33 น.
ธรรมาภิวัฏ
..โอ้หล่ะหนอ
ตะวันรอนเมื่อตอนเที่ยง
ระอุผ่าวแผ่วเพี้ยงบรรลัยผลาญ
ร้อนอรุโณสีห อโยทาน
ดุจจักผลาญวอดวายใต้พระเพลิง
เพลิงมิแผ่วลมมิพัดด้วยพลัดพล้าย
พระลบร้ายด้วยลอยรอแต่พอเนิ่น
นานสิแน่วแผ่วลงไปใจบ่เพลิน
เพราะรอพลบลบเติมชีวตา
สิออกแดดจักแสดแสบผิ ว ต้อง
อนาจสิ่งนิ่งนอนกระไรหวา
จักฉวยร่มบดอุดรพระสุริยา
ด้วยแพร่งพาผ่านแผ้วแนวสุรีย์
ธานีแน่แน่นขนัดถนัดถนน
ด้วยวายุมหาชนจนล้นปลี่
จักเบียดเสียดเยียดยัดถนัดที
จักแหวกคลื่นกรณีประดังไป
ฝ่าฟันสู่จุดหมายที่ปลายหน้า
จักโหนหิ้วคิ้วขาพาหวั่นไหว
เพียงเจ็ดเฟื้องสลึงบาทแทบขาดใจ
ถึงลาภได้ลงพนักพักอาสน์เอม
เดินสิเดินชมตลาดศาสน์สถาน
จวบชื่นแล้วเบิกบานการเกษม
ด่ำน้ำทิพย์จิบหกบาทอาจสิเปรม
ที่ใต้ร่มขอลมเย็นสักสองครั้ง
แม่เนื้อหอมยองใยใต้พระส่อง
กั้นคันฉ่องห่องเหินเพลินบุหลัน
เปรียบดอกไม้ใต้สวนรุกข์เทวัน
ด้วยยิ้มนั้นฝันกลางแดดพอแผดลม
สยมสมนิ่งแน่กระแท้จิต
สดุดด้วยดัดจริตจิตสนม
ขอพี่พักขนักข้างพอปรารมณ์
พอได้ชมปราณีพระพี่ น้อง
พระลบพลบแสงใต้คล้ายกำหนด
วาระหมดหนทางพลางจักต้อง
ด้วยอาลัยสายสุดาตาลำยอง
คงจักครองคลาไคลไปฉะนี้
คลื่นคำรณคนผู้ก็ซาหาย
ด้วยว่าบ่ายเบือนหน้าว่าวิถี
เบนลำนำพำนักสักราตรี
หากบุญมีคงได้พบประสบครา..
25 มีนาคม 2549 11:10 น.
ธรรมาภิวัฏ
..อธิษฐานแห่งจิต..........นิ่งนิรมิตรสาดสะท้อน๑
แน่วหทัยด่ำดิ่งดุริยพร.......สมาธิ์สมสิ่งซ้อนยิ่งฤดี
..นิ่งแน่แลนิ่งใน.........อธิกรรมฐานไซร์เยี่ยงวิถี๒
ธรรมชาติยิ่งนิ่งในที.........สงบสมเปรมปรีย์นฤพาน
..มิแปรปัน...............ผวนสู่สิ่งสรรพ์สังสาร๓
จากนานตราบเวียนว่ายสายธารทำนองสิ่งยิ่งผ่านสารพัน
..คมสิ่งสู่จิตรี...............อวยพรพิมวดีเฉิดฉันท์๔
ฉายชับดาราครานั้น.........สมสิ่งอินทร์ปันประศาส์พร
..วันดี...................สมปรารถนาดีศรีสมร๕
แรมร้ายเลือนลับดับร้อน.......เย็นสู่เอมอรกมลมาลย์
.
ในวันดี.. ขอให้สิ่งดีๆ ผ่านเข้ามา
สิ่งเลวร้ายอย่าได้หวนรำลึก
ความเหงาและความเศร้าจงมลายหายไป
พบแต่สิ่งดีๆ เถิดนะ..
๒๕ มีนา ๒๕๔๙
24 มีนาคม 2549 22:43 น.
ธรรมาภิวัฏ
..จากปิดตาดับเลือนอย่างหายห่าง๑
ใจยังถามความงามที่หวามไหว
จึงเปิดสู่อารมณ์ที่กว้างไกล
จึงกลายมาเปิดใจสู่ความรัก
..เปิดหน้าต่างออกมาเพื่อรับรู้๒
เปิดประตูฟ้ากว้างให้ประจักษ์
ด้วยอารมณ์ที่แช่มชื่นในความรัก
จึงได้ทักได้ทายที่รายทาง
..กับอีกหนึ่งกระดาษที่ว่างเปล่า๓
ยังรอเงาหัวใจใคร่สะสาง
จะขีดเขียนความนัยไม่ไว้วาง
จะเติมต่างกระดาษวาดพู่กัน
..ลายอักษรยังมิเลือนจากหัวใจ๔
เพียงอารมณ์ที่หวั่นไหวในคืนนั้น
ยังตั้งคำถามแห่งใจสารพัน
ที่คืนนั้นจันทร์แรมเคยแจ่มจาย
..ถามหาความคิดถึงที่คำถาม๕
เปิดหน้าต่างเยี่ยมจันทร์งามดั่งใจหมาย
ฉายแสงแห่งอักษร พรพราย
ใต้เลื่อมลายสายเทียนส่องซุ้มซอ
..กระท่อมบ้านร้านรวงฤาเงียบเหงา๖
บ้านกลอนก่ำลำนำเก่าเคยพร่ำผลอ
ด่ำอารมณ์ชมกวีที่พนอ
ด้วยเพลงคลอสำเนียงแห่งเสียงเพลง
..เพลงยาวคราวนั้นยังคิดถึง๗
ยังหวานซึ้งเสียงใสใจขะเหนง
อารมณ์ ดนตรี กวี ความรัก เคยบรรเลง
ด้วยครื้นเครงเพลงเก่ากวีกาล
..จึงเปิดหน้าต่างมารับรู้๘
เปิดประตูหัวใจในคำถาม
ถึงห่างจากหัวใจที่ไหววาม
แต่ความรักยังเบิกงามในหัวใจ
..สานสมลมลอยร้อยเรียบ๙
เปรียบเทียบหัวใจหวามไหว
หวิวอารมณ์คมคิดสนิทใน
กลอนไกรประดิษฐ์วิจิตรจาร
..รักแลคิดถึง๑๐
สหายเก่าเราจึง ใคร่ถาม
สุขทุกข์อย่างไร ฤาคร้าม
ชีวิตก็ยังงามอยู่อย่างนั้น..
------------------------------------------------------------------