27 กันยายน 2548 04:49 น.
ธรรมาภิวัฏ
กระซิบซาบแผ่วเสียงละอ้อยอิ่ง
สร้อยสะอิ้งพริ้งพร่างน้ำค้างหนาว
เมื่อลมพรูพรายพร่างหลังคืนดาว
สาดสกาวฟ้าใสในราตรี
เลื่อนละอ่อยลอยละอองทำนองเมฆ
พระพรายเสกเมฆละล่องท้องฟ้าผี่
บดแสงสรรค์จันทร์กระจ่างดังห่างลี้
ละอองมีจึงพราพร่างน้ำค้างดอย
วอยวอยหน่าวจับจมลมกระท่อม
น้ำค้างห้อมจ่อมจับกับคำฝอย
เจ้าดอกรื่นชื่นอกจบกดอย
เพียงคอยคอยเช้าอุ่นพิรุณพรม
ยะเย็นย่ำพรำฝนกับลมโบก
ระรื่นโลกย์อุระเอมเกษมสม
เปาะเปาะแปะเสาะแสะแสะแซะซาลม
กระท่อมทมไพพื้นชื่นฉ่ำเยน
---------------------------------------------------------
จนหนาวเช้าฝนหลากกระจากเจิ่ง
นองนองเอิ่งเจิ่งหนองพอมองเหน
จะสุมขอนรอนไฟพอไล่เยน
ให้อุ่นเอนเอมออพอสบาย
จะหลามข้าวเกลือก้อนเพียงผ่อนโรย
พอดับโหยหิวห่อนในตอนสาย
น้ำพริกมาปลาร้าเกลือเหลืออิ่มกาย
จะคาดคายกระติบห่อพอมีแฮง
คาดห่อข้าวห่อน้ำตะพานหมาก
ทั้งใบจากใบยากับพร้าแสง
ที่สายรอนตะวันลอดยอดแดงแดง
จะย่ำแข้งข้ามทุ่งมุ่งหัวนา
จะฟันฟากถากพงดงรกร้าง
จะสร้างทางทำกินทั่วถิ่นฟ้า
รินเหงื่อไหลหยาดพลีจะผลิมา
สู่ข้าวกล้าเหลืองอร่ามทามตะวัน
---------------------------------------------------------
ถนนทุ่งตัดเบิกระวีแสง
ถนนฟ้าทาเรื่อแดงดังแสงสรรค์
ถนนข้าวพราวขจีมีแบ่งปัน
ถนนฝันถนนทางจะพร่างพราว
สกาวกลิ่นขาวครามอร่ามฟ้า
อร่ามข้าวพราวมาฟ้าบ่หนาว
ในสายแดดแอบอุ่นกรุ่นเรื่องราว
แทบทุกคราวราวอุ่นไอในความงาม
---------------------------------------------------------
18 กันยายน 2548 01:40 น.
ธรรมาภิวัฏ
คิดถึง
ไทยโฟเอม
คิดถึง
ทุกท่าน
หากยังมีกิจ
เพราะชีวิตยัง
เดินตามกำลัง
ที่กายยังเดิน
เพราะยังคิดถึง
ใช่ว่าหมางเมิน
แต่ใจใช่เพลิน
หลงลืมเวลา
..คิดถึงทุกท่าน..