28 กรกฎาคม 2549 21:22 น.
ธรรมาภิวัฏ
จากถนนท้องทุ่ง
จนจวบมุ่งเมืองฟ้า
เดินลัดเลาะเวลา
หาสิ่งใด
หลายขวบปีผ่านผัน
หลายขวบพรรวษา
คึดฮอดทุ่งท้องนา
น้ำตาไหล
เป็นจั่งใดเฮือนบ้าน
อีกทั้งร้านรวงเก่า
ทั้งผู้แก่แม่เฒ่า
ไผเฝ้าไข้
ปีนี้น้ำเจิ่ง
เหอสิเถิงน้ำหลาก
ทั้งรวงขาวข้าวหมาก
พอถากไถ
แนวฟากช่อระกา
รอยหลังคาหลังโบสถ์
ปีนี้ไผสมโภช
หลวงพ่อใหญ่
ข้าวออกรวงออกเรื่อ
เหอล้มเดือรดาษ
พอเหลือเชื้อเหลือฟาด
ต่อคราดไถ
เงินข้อยส่งมาแนบ
พอแอบอัฐตัดปลาย
เจ้าเงินดอกเรี่ยราย
พ่อถ่ายไว้
ตัดดอกเบี้ยกิมเส็ง
หากต้นเร่งกิมเสี่ย
พอถัดเดือนจะเรี่ย
จะรายให้
แพรโส่งผ้าอีแม่ต่ำ
บ่สีคล้ำตกต่ง
แม่อย่าต่ำฝากส่ง
โสร่งให้
ถึงขาดรุ่ยขุยเลาะ
ยังพอเผาะเผื่อปะ
ยังบ่เก่าเกินกะ
กะใช้ได้
ฝากดูหม่อนต้นไหม
อีนางไอ่ดอกอ้อ
อีแม่เห็นบ่หนอ
เป็นจั่งได
กลัวสิ้นสาวเข้าเนื้อ
หนุ่มบ้านเหนือเข้าแนบ
ฝากอีแม่คอยแอบ
คอยดูให้
หากมีเงินมีทอง
สิมากองสินขาด
อีแม่ถามพ่อใหญ่อาจ
สิได้ไหม
พอสิ้นเสียงสายนูว่าว
ลมข้าวเบาเบี่ยงเบน
รวงข้าวเหลืองระเนน
จะเร่งไป
คืนสู่บ้านร้านถิ่น
อีแม่ยินดีอก
ลูกกราบแม่ปรกปรก
คงชื่นใจ
ตัดข้ามถนนทุ่ง
ตอนฟ้ามุ่งถนนเมือง
จนสีฟ้าดูเหลือง
เปลืองหัวใจ
อีแม่เอ๋ยฟ้ายังสูง
ยังฝูงดินจนสิ้นต่ำ
พวกเขาเหยียบเขาย้ำ
ระกำใจ
ดูมันเหน็บในอก
เหน็บเข้าพกเกินเอ่ย
ยิ่งกว่าสิ่งนิ่งเฉย
กว่าทำใจ
แทบน้ำตาไหลพราก
จากจนหลากล้นสาย
มือกำแน่นมิวาย
ถอนหายใจ.
28 กรกฎาคม 2549 07:37 น.
ธรรมาภิวัฏ
ด้วยหัวใจคิดนึกระลึกถึง
ความคนึงเห่ห้วง..แว่วหวาน
หวานในจิตสนิทในหัวใจงาม
เก็บความรักวันวานจารดวงใจ
ก่อนเคยเชยชิดสนิทรัก
แน่นหนักรู้สึกระลึกได้
มีเธอมีเราเคียงข้าง..ข้างใน
อุ่นใจลุ่มลึกทุกครา
คำที่เธอเคยบอก
เราจะมิพลัดพราก..ดอกหนา
เด็ดดอกไม้ที่ริมธารา
วางไว้ต่างสัญญาใต้โขดหิน
รินรินน้ำไหลใสสด
ราดรดดวงใจ..ไม่สูญสิ้น
รักเธอเท่าฟ้าเคี้ยงคู่ดิน
แม้นห่างฟ้าก็ไม่สิ้นกั้นใจเรา
หลากทางที่หลากสาย
ก่อนปลายคืนวันอันเงียบเหงา
มีเพียงทางหนึ่งซึ่งถือเอา
กลับไม่เป็นดังเฝ้าปองใจ
เธอกระซิบว่า..
ยังจำสัญญาดวงดอกไม้
ถึงไม้โหยโรยดอกแห้งกระจายไป
กลับเกลื่อน ผลิเมล็ดกลีบใบงดงาม
ใต้ร่มเงาเงื้อมเมฆแลโขดหิน
กระชับมือมั่นหมิ่นเมื่อยามสาม
ใต้แสงดาวพราวอรุณรุ่มลาม
ปอยผมยังพริ้วงามอยู่อย่างนั้น
..สู่ทางสายนี้
สู่ห้วงราตรี..กางกั้น
ความพลัดพรากยามคลาดจากกัน
เหตุใดสองเรานั้นผลันภพ
เวรหรือกรรมกระไรหนอ
ปั้นแปลงมาพ้อประสบ
เงื้อมเงาเขาเอื้อมมาพลบ
จึงพลัดเราสปสิ้นสาง
ไม่มีเธออีกแล้ว..
ไม่มีดวงดอกแก้วแล้วล้าง
มีแต่คำสัญญาไม่เคยจาง
หากแต่เงื้อมเงาต่างวางวาระ
..แม้นเธอสิ้นไป
หากแต่ใจจะยิ่ง ว น
เสียงกระซิบใต้โขดหินจะไม่ ป-
-ลาศนาล่วง ธ ธารไหล
เงาจาง รางรองเธอที่นั้น
พาห้วงความฝันหวั่นไหว
ความคิดถึงพาลน้ำตาหล่นไล้
ซัดห้วงหัวใจไหวหวั่น
..วางช่อสุมาลา
ทบท่วงสัญญาวาวัน
เฝ้ารอสักหน่อยเถิดบุหลัน
แล้วรักเรานั้นจะสู่นิรันดร์ที่เฝ้ารอ.
------------------------------------------------
ไม่มีสิ่งใดจะพรากความรักสองเราได้..
ด้วยความรักแลอาลัย
ธรรมาภิวัฏ.
5 กรกฎาคม 2549 02:14 น.
ธรรมาภิวัฏ
..ร้านนี้ตั้งที่หัวถนน
อยู่ท้ายท้ายตำบลทุ่งข้าวสาร
ขายหมากพลูหยูกยาโถถ้วยชาม
ขายก๋วยเตี๋ยวขายต้มยำขายข้าวแกง
..ท่านอยากได้อะไร
เราจะหามาแบ่งให้จากทุกแห่ง
เราไม่ขายของค้าราคาแพง
เราจะขายพอแบ่งปันน้ำใจ
..ร้านนี้ตั้งที่หัวถนน
เราขายเฉพาะคนยิ้มสดใส
ราคาตั้งมาต่อรองได้
แต่น้ำใจไม่ขายให้ฟรีฟรี
..หลายคนไถ่ถามหา
ต่อรองยศถาและราคาศักดิ์ศรี
เราไม่ขายไม่ค้าและไม่มี
ราคาดีอย่างไรก็ไม่ค้า
..ร้านนี้ตั้งที่หัวถนน
ขายให้ทั้งคนจนทั้งคนบ้า
ขายให้ทั้งคหบดีทั้งราชา
ขายให้ทั้งชาวนาประชาชน
..ไม่ว่าท่านจะมาจากไหน
ไม่ว่าท่านจะเป็นใครเราไม่สน
หากแม้นท่านไม่มีปีกดังเช่นทุกคน
ท่านก็บินไม่ได้ดังเช่นทุกคนเท่าเท่ากัน
..ร้านนี้ตั้งที่หัวถนน
ขายการ์ตูนให้ผู้คนได้ขำขัน
ให้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ทั้งวัน
ให้ผู้คนแบ่งสรรค์ปันยิ้มน้อย
..หากท่านมีความเหงา
เชิญแวะร้านของเราได้บ่อยบ่อย
หยิบการ์ตูนด้านซ้ายเล่มน้อยน้อย
จิบน้ำชาสักหน่อยแล้วค่อยไป
..ร้านนี้ตั้งที่หัวถนน
แน่นขนัดผู้คนกว่าร้านไหน
ด้านนอกเต็มเชิญเขยิบเข้าด้านใน
ทั้งโต๊ะตั่งนั่งได้หลายหลายคน
..หากคนเต็มร้าน
ยังมีใต้ร่มมะขามที่ฟากถนน
ปูเสื่อแล้วเชิญนั่งที่ร่มร่ม
รับลม "ชมนกชมไม้" สบายใจ
..ร้านนี้ตั้งที่หัวถนน
ทั้งเด็กน้อยทั้งผู้คนยิ้มแจ่มใส
แจกอมยิ้มเด็กดีมาไวไว
เด็กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้สองอัน
..อย่าแย่งกัน อย่าแย่งกันลูกลูก
ยังมีส้มสูกอยู่ข้างนั้น
พ่อจะรีบหยิบเอามาปัน
แจกให้ถ้วนถ้วนกันอย่างเท่าเทียม
..ร้านนี้ตั้งที่หัวถนน
รอหลากผู้คนมาเยียนเยี่ยม
"ลดแลกแจกแถม" ไม่มีเขียม
ทั้งเปี่ยมรอยยิ้มที่พิมพ์ใจ
..มาครับมา เชิญเชิญเชิญ
แวะมาดูมาเดินมาชมได้
เลือกซื้อเลือกหาตามชอบใจ
ส่วนน้ำใจ "ก็บอกแล้วไงครับ" ว่าให้ฟรี
"เชิญครับเชิญ ..ร้านนี้ตั้งที่หัวถนน"
3 กรกฎาคม 2549 23:25 น.
ธรรมาภิวัฏ
ลืมตาจากเปลือกตา..หลับไหล
มองออกไปจนกว้างกว่าเกินกว่าไกล
ไกลเกินกว่าใกล้จะกางกัน
มองไปจนผ่านพ้นสมัย
มองตราบจนลมหายใจเหือดสะบั้น
คิดคิดจากมุมที่หลักหลั่น
เปิดประตูจากกำแพงกั้นกลางหัวใจ
ถามกว่าสิบจวบร้อยพันคำถาม
ถามเพื่อมุ่งแสวงหาดอกไม้งามความฝันใฝ่
ถึงหากจะต่างคำถาม และ ต่างความเป็นไป
แต่ยังคงหนึ่งไว้..ใจเดียวกัน
สู่จุดมุ่งหมายเส้นขอบลายบนปลายฟ้า
ปลายฝันวันเวลาจากความฝัน
ล้วนเป็นจุดมุ่งหมายหนึ่งเดียวกัน
วางไว้ที่ตรงนั้นดั่งสัญญา..
---------------------------------------
25 มิถุนายน 2549 01:46 น.
ธรรมาภิวัฏ
๑ขันขับกรับกาพย์เห่
ร่อนเร่ร่ำคำไขขาน
แว่วเสียงระเรื่อยธาร
ระริดรานหวานระริน
๒เจื้อยจิดกระจิ๊ดกระจ้อย
เพียงหยดน้อยกระแสสินธุ์
เทียบธารหวานยลยิน
ประจบสิ้นชลนา
๓เวียนวารผ่านป่าใหญ่
รื่นร่มใบไพรสาขา
เทียนเทาะเซาะสินธา
แบ่งเพิงผาพาเชิงชั้น
๔หยดน้อยจะจ้อยเจือ
ให้ชุ่มเชื้อสมานฉันท์
สันติสุขสู่คงทัณฑ์
ด้วยปุยปันอย่างเปรมปรีย์
๕เกษมใจไทยเกษมศานติ์
ดอกไม้บานเกษมศรี
ปัดปันฝันราตรี
ท้องนทีระดะดาว
๖เกี่ยวดาวเรียงร้อยรวม
มาทอท่วมละลานขาว
เฟื่องฟุ้งปรุงเรื่องราว
แผ่นดินขาวสันติธรรม
88888888888888888888888