10 กันยายน 2548 14:17 น.

เขียนกวีที่อีสาน

ธรรม ทัพบูรพา

เกิดอยู่บนดินทรายที่บ้านดอน

ไม่ชำนาญโคลงกลอนกาลสมัย

ไม่ประสีประสาการเอาใจ

เกิดอยู่ในอีสาน-กันดารแล้ง


เมื่อก่อนนี้สาวน้อยหาบครุน้ำ

มีหนุ่มตามเว้าเจ้าเข้าหาบแบ่ง

ทุ่งดอกคูนโรยเหลือง-ไข่มดแดง

ถึงบ่อแห้งส้างขอดบ่มอดฮัก


คงมูลมังมากมายสายน้ำมูล

ควายอีเลค้ำคูณลงลุยปลัก

ออกยามเบ็ดกลางนาบ่ผ่อนพัก

กว่าจะได้ฮู้จัก-ฮักอีสาน


กี่ฮีตคองลูกหลานบ่เคยถาม

กี่รอยพ่อเดินตามแลต่อสาน

ให้รู้อดรู้ทนกับการงาน

ให้ฮักแพงเพื่อนบ้านพี่น้องตน


บักหำคูณลุยไถให้พ่อสอน

พ่อบ่เอ่ยซับซ้อนจนสับสน

เมื่อถึงธาตุคุณค่า"คำว่าคน"

เจ้าจะเรียนรู้"ตน"นั่นคือใคร?

........

 


กราบระลึกถึง ลุงคำพูน บุญทวี

ลูกอีสาน


11/05/48

ธรรม  ทัพบูรพา				
10 กันยายน 2548 14:11 น.

นานแล้ว

ธรรม ทัพบูรพา

ฉันไม่เห็นสิ่งใดเป็นวิญญาณ

เคลื่อนผ่านหน้าบ้านฉันนานแล้ว

ฝุ่นเกาะทิวสนจรดแนว

เสียงลมอึงแว่วจากแดนไกล

เศษซากพลาสติกสังเคราะห์

บรรเลงเพลงไพเราะกาลสมัย

ว่อนวับตัดสลับกับพงไพร

สายลมพัดไปตามกลกาล

ฉันเองไม่คุกเข่าลงอ้อนวอน

เดินตามขั้นตอนอันมาตรฐาน

โอ้ พระเจ้าประสาทพรสู่บริวาร

ให้ฉันเห็นวิญญาณแห่งผู้คน

 

ฉันไม่เห็นสิ่งใดเป็นวิญญาณ

เคลื่อนผ่านหน้าบ้านฉันสักหน

ฉันนั่งลงข้างหลุมศพแห่งบรรพชน

แล้วเริ่มต้นเขียนบางคำเป็นกวี

................


รามอินทรา กท.

20/05/48

ธรรม				
8 กันยายน 2548 14:59 น.

คีตกวี

ธรรม ทัพบูรพา

ห้านาที กับ Mozart

 

หอมกลิ่นความรักความผูกพัน

ไหวไหวใจนิรันดร์อยู่เบื้องหน้า

กระแสเสียงตราตรึงถึงน้ำตา

อานุภาพคีตาเปี่ยมพลัง

ทุกสำเนียงหนาวเหน็บจวนเจ็บขาด

กลางดวงใจพิษบาดแห่งความหลัง

นิยายรักทุ่มเทจวนเซพัง

ดั่งประดังเรื่องราวที่ร้าวใจ

 

กวีใดกล่อมรักอันเจ็บปวด

เป็นสำเนียงร้าวรวดแสนยิ่งใหญ่

กระทบฝั่งเสน่หาความอาลัย

บรรลุในเจตนาคีตากรรม

จนมองเห็นสีทองผ่องอำไพ

สถิตในดวงตาแห่งฟ้าค่ำ

กระพริบแสงหมู่ดาวความทรงจำ

เป็นลำนำรอยเท้าที่ร้าวราน


กวีใดไร้ใจอันเจ็บปวด

จะพร่ำสวดอย่างไรให้สงสาร

จะเป็นเพื่อนอย่างไรในวิญญาณ

จะก้าวผ่านอย่างไรในนิรันดร์

..................

 
ที่บ้าน

14/08/48

ธรรม ทัพบูรพา				
8 กันยายน 2548 14:57 น.

ในวัฏจักร

ธรรม ทัพบูรพา

การหายไปของความเอื้ออาทร

มีแต่คนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

พร้อมกระทำทุกอย่างเพียงเพื่อได้มา

อย่าถามหาคุณค่าอันใด

 

เรายากจนเกินไปหรือไม่เคยพอ

เปรตบนรอยต่อแห่งยุคสมัย

จึงไม่รู้ว่าเกิดมาเพื่ออะไร

แย่งกันกินแล้วตายไปอยู่อย่างนั้น

 

ฉันอาจต้องกลายเป็นคนที่แปลกแยก

มองหลายสิ่งมันแปลกพิลึกพิลั่น

จนบางครั้งเหมือนตัวเราไม่เท่าทัน

ปิดกั้นจนเกินไป

 

การหายไปของมิติแห่งความงาม

ยังไม่รู้จะติดตาม ณ ที่แห่งไหน

คนหมู่มากผู้กระหายไร้จิตใจ

ใคร่เพียงจะมีชีวิต

 

ฉันควรเปิดใจยอมรับในบางสิ่ง

ทบทวนบนความนิ่งและใช้สิทธิ์

แต่ท้วงถามคราใดเหมือนกลืนพิษ

เสียดายจิตใจ

 

ฉันมันคงโง่งมไร้ค่ายิ่งกว่าควัน

ไม่รู้จักปัจจุบันนั่นใช่ไหม

ไม่เคยเห็นอะไรบางสิ่งมันเปลี่ยนไป

เดินไปประหนึ่งบ้า

 

โอ้ นี่กระมังสัจจะแห่งวัฏจักร

หัวใจมันจึงพบหลักเพื่อฟันฝ่า

นี่กระมังรสชาดอันแสนโอชา

น้ำปลาเติมชีวิต

.................


ที่บ้าน

31/08/48

ธรรม ทัพบูรพา				
4 กันยายน 2548 12:09 น.

ชมดาว

ธรรม ทัพบูรพา

แสงเรืองเรียงรายปลายคอนกรีต
พิทักษ์รอยจารีตแห่งเมืองใหญ่
สุดถนนห่มเรืองเมืองแสงไฟ
จะหลีกลี้หนีไกล ไปชมดาว

บรรลุแดนนิทาน กาลครั้งหนึ่ง
เจ้าที่ดินรำพึงถึงต้นข้าว
ลับไศลเนินไฟถึงแสงดาว
ยินแม่กล่าวต้อนรับลูกกลับมา

กระพริบแสงประดับดำ กำมะหยี่
ธรณีอุ่นเท้าโอ้ดาวข้า
ยิ่งขับเคลื่อนยิ่งไกลในสายตา
ยิ่งไขว่คว้ายิ่งไกลในความจริง

ทางหวังวูปไหว - อากาศธาตุ
มนุษย์ชาติปลอบอภัยได้ทุกสิ่ง
เมื่อเท้าฉัน จมปลักกับหลักจริง
หัวใจยิ่งเจ็บหนักบนหลักรอง

จงโปรดเถิดดวงดาว เถิดเจ้าข้า
โปรดประทานเมตตา - ความถูกต้อง
ให้ดวงใจข้านี้มีสำรอง
ประทานห้องบอดใบ้ให้สักดวง
............................................

ที่บ้าน
(สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ปี46)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธรรม ทัพบูรพา
Lovings  ธรรม ทัพบูรพา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธรรม ทัพบูรพา
Lovings  ธรรม ทัพบูรพา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธรรม ทัพบูรพา
Lovings  ธรรม ทัพบูรพา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงธรรม ทัพบูรพา