8 สิงหาคม 2551 09:27 น.
ธมกร
คืนนี้ไฟดับอีกแล้วนะลูก
ระวังถูกงูเงี้ยวชุมเขี้ยวขอ
ตะขาบแมงป่องช้างหางงอ
แอบแฝงกอหญ้ารอบเรือนชาน
อยู่หัวนาหัวไร่ปลายดอน
ยามร้อนก็ราวจะเผาผลาญ
ยามลมฝนมาเป็นห่าธาร
ก็มักเพ่นพ่านอ้ายสัตว์พิษ
เอาแน่อะไรการไฟฟ้า
บ้านป่าเมืองเถื่อนปีเดือนวิกฤต
จะหวังอะไรกับชีวิต
ที่ใครลิขิตให้เราคอย
ลูกเอ๋ยมืดเราอีกยาวไกล
เคยคบตะเกียงใดก็ใช้สอย
จุดพอจ่อจิตไม่ผิดรอย
ค่อยคล้อยมรรคาข้ามราตรี
มืดหนอเจริญสติผลิเมตตา
แผ่ให้สัตว์เขี้ยวงาร่วมวิถี
ให้เป็นสุขเป็นสุขทุกชีวี
ไปที่ดีที่ชอบอย่าแชเชือน
ขุนหมาทุกตัวให้ตื่นยาม
เคราะห์หามยามร้ายยังได้เพื่อน
จิ้งจกตุ๊กแกป่าอาศัยเรือน
ทักเตือนให้ระวังช่วยรั้งรอ
ขึ้นบ้านพลันรีบชักกระได
มีดพร้ามาไว้ใกล้ใกล้พ่อ
โจรขโมยมันไม่ยักรู้จักพอ
อ่อนข้อเราก็อาจจะพลาดพลั้ง
ลมฝนโค่นฟัดเสาไฟฟ้า
มืดดับกี่ครากี่ฟ้าคลั่ง
โชคดีที่บ้านเราภูเขาบัง
พอนอนนิ่งฟังทั้งฝนลม
กราบพระขอพรก่อนนอนนะลูก
วางฟูกวางหมอนให้เหมาะสม
พิษฐานให้วันใหม่ไพรพนม
ได้ตื่นชมแสงเช้าและข่าวดี
.
ศิวกานท์ ปทุมสูติ
ทุ่งสักอาศรม
16 กรกฎาคม 2551 10:56 น.
ธมกร
วันพระ เข้าพรรษา
อีกครั้งอีกครา คล่ำคลาผู้คน
ผ่านบ้าน หลังนั้นไป
อาภรณ์สวยใส ทอดทิวถนน
รถเก๋ง และปิคอัพ
สลอนสลับ สู่อารามมณฑล
เครื่องไฟ ขยายเสียง
เพลงลูกทุ่งส่งสำเนียง รับสาธุชน
ดายหญ้า อยู่เงียบงำ
เสียงใครพึมพำ เขาต่างไม่ยินยล
มันนอก - ศาสนา
อ้ายบาปอีบ้า ร้างบุญกุศล
นินทา เหมือนลมพัด
ไม่ผูกสัมผัส ไม่กลัดกมล
ลมเช้า มาโชยชื่น
หอมเหงื่อเรื่อรื้น แห่งคนสองคน
ศาลาวัด อึงมี่
เทศนาพาที ทึมทับสับสน
สมภาร เหงื่อกาฬไหล
กว่าจะเอวังได้ ข่มใจเสียเหลือทน
แต่โพ้น หัวทุ่งทอง
เสียงลำโพงลอยล่อง ชื่นสองกมล
ยกมือ ขึ้นสาธุ
ลูกทั้งสองขอบรรลุ ในเรือกสวนมงคล.
ศิวกานท์ ปทุมสูติ
14 กรกฎาคม 2551 22:07 น.
ธมกร
กลางเคียวจันทร์เกี่ยวฟ้า.....คืนแรม
เธอนั่งทอผ้าแซม.................ห่มฟ้า
ซิ่นแสงแข่งดาวแวม............วาวจรัส
ดึกดื่นมิเหนื่อยล้า................เพื่อผ้าผืนนวล
เก็บมวลปุยเมฆฝ้าย............ใส่ตะกอ
กระตุกกี่ถี่ชะลอ................... รักรั้ง
กระสวยส่งด้ายทอ................ใจโลก
ตลอดรัตติกาลตั้ง................. จิตตั้งใจผจง
ส่งวิญญาณผ่านเส้น.............ใยแสง
มัดหมี่มัดฝันแพง.................พร่างแพร้ว
สลับลายเลื่อมลายแรง......... ลายเหงื่อ
งามหัตถ์หยาดเพชรแก้ว......กิ่งรุ้งดาริกา
วสุธานี้มืดแท้...................... มืดทน
เธอจักทอห่มกมล................ มืดนั้น
กี่ผืนกี่พับขน.......................มาห่ม
ผ้าแห่งเธอก็สั้น................... กว่าเส้นทางสลัว
หัวใจไม่ปริท้อ..................... ทอทำ
เธอกลับอุทิศกรำ................. จิตกล้า
หวังโลกส่วนมืดดำ............... แสงดับ
พิสูจน์นวลแสงผ้า.................กว่าสิ้นอสงไขย
คืนใดสัมผัสซึ้ง.................... เสี้ยวเดือน
รู้สึกแสงใจเหมือน...............พริบพร้อย
แม้ใจโลกแรมเรือน.............หลับสนิท
มาจักช่วยสาวน้อย...............สอดด้ายใจสวรรค์
ธมกร [ศิวกานท์ ปทุมสูติ]
12 กรกฎาคม 2551 12:04 น.
ธมกร
บ้านเราหลังใหญ่ไปหรือเปล่า
ลูกเราไม่รู้จะอยู่ไหน
ส่งเขาไปเรียนโลกกว้างไกล
เขาก็ไปสู่ทางกว้างเสรี
ห้องนอนสองห้องของลูกลูก
จึงถูกแมงมุมกุมพื้นที่
ตุ๊กแกจิ้งจกพลอยโชคดี
ครองชีวิตวิถีร่วมชายคา
ลูกเลือกหรือเราเลือกเสือกไสลูก
ดั่งนกถูกพรานพรากไปจากป่า
ไปคุ้นชินกลิ่นเมืองวิมายา
ท้องนาท้องไร่ไม่คุ้นแล้ว
เราคิดว่าเรารักเขานัก
จึงผลักให้เขาไปเข้าแถว
เข้าทางเข้ารีตใครขีดแนว
วาดแววความหวังเหมือนอย่างใคร
แม้เราจะพูดเป็นสาระ
ว่าให้อิสระเขาเลือกได้
เราก็ซ่อนปรารถนาภายใน
แอบกำหนดอะไรอยู่ลึกลึก
หรือใครกำหนดเรากันแน่
กดแผ่อิทธิพลความรู้สึก
ให้ไหลล่องแควกระแสสำนึก
สร้างผลึกเดียวกับโลกโศกซับซ้อน
บ้านเราหลังใหญ่ไปหรือเปล่า
ลูกเราแค่บางครามาพักผ่อน
ประเดี๋ยวประด๋าวก้าวจากจร
ฝากมุ้งฝากหมอนซ่อนน้ำตา
เหงานะแม่นะ
บางขณะพ่อก็รู้สึกว่า
ลูกอาจมีสุขสบายนอกชายคา
เรามิควรฉุดคร่ามาตีบตัน
แต่พ่อก็ยังหวังว่าวันหนึ่ง
ลูกเราก้าวถึงซึ่งปลายฝัน
ปลายเส้นโค้งกลับคืนชื่นชีวัน
มาสร้างงานบันดาลสวรรค์ที่บ้านเรา.
ศิวกานท์ ปทุมสูติ
10 กรกฎาคม 2551 11:54 น.
ธมกร
ศิวกานท์ ปทุมสูติ
ห้องหับทับทึมขรึมนิ่ง
ท่าทีจะเอาจริงนะเจ้าหนุ่ม
กลิ่นสีกลิ่นไม้ทุกซอกมุม
ครอบคลุมบรรยากาศอาร์ตทิสต์
เฟรมภาพใหญ่น้อยห้อยแขวน
บางแผ่นบางภาพทับปิด
บางตั้งบางพิงยิ่งพิศ
ยิ่งเห็นชีวิตอิสรา
บางถุงบางถังรังหนู
น่ากลัวว่างูจะเข้าหา
หยากไย่ไรฝุ่นชวนกันมา
ศึกษางานศิลปกรรม
ศิลปินปอนปอนผมยุ่ง
ซุกหัวนอนเมื่อค่อนรุ่งเดือนต่ำ
ค้างคาภาพฟ้าสีดำ
เวิ้งน้ำกับนกวเนจร
พ่อเห็นนกน้อยตัวนั้น
ด้นดั้นขอบฟ้าสิงขร
แสวงแสงดวงดารากร
แรมรอนแรมรักจากรัง
ใต้เมฆฟ้าหม่นความหมาย
พ่ออยากแต้มดาวฉายสุกปลั่ง
พู่กันจดจ่อแล้วก็ยั้ง
หลายคราหลายครั้งรั้งรอ
เกรงว่าดวงดาวที่เจ้าฝัน
ต่างกันกับดวงดาวของพ่อ
ทั้งรู้ลู่ทางแสงที่สาดทอ
ยากยิ่งจริงหนอต้องรอคอย
จึงเขียนบทกวีไว้หลังภาพ
เจ้าพลิกก็จะทราบแสงถ้อย
พินิจนัยนาแห่งนกน้อย
พริบพร้อยพร่างพราวนั่นดาวใด
ดาวนั้นจักนำทางนก
ให้วกคืนบ้านของวันใหม่
แสงเงินแสงทองยองใย
ดาวตะวันสดใสส่องฟ้า
ศิลปินตื่นสายไฉนเล่า
จะเห็นดาวเช้าพราวแสงหล้า
เถอะพ่อจะเปิดประตูสู่มรรคา
ไว้ท่าเจ้านกศิลปิน.