31 สิงหาคม 2549 00:40 น.
ธนา
ไอ้เบิ้มแห่งโป่งคำ
โดย. ธนา
.....คณะล่องไพรทั้ง 8 ชีวิต ฝ่าดงมาอย่างหนักตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมา และขณะนี้เข้ามาถึงใจกลางป่า ห้วยโป่งคำ ซึ่งเป็นที่หมายพักระหว่างทาง ทั้ง 8 คนประกอบด้วย อเนก, นาคร, หนานกล้า, หนานวันชัย, สรณ์, สำราญ, เชิดชัยและเฉลิมพล จุดประสงค์แค่กิจกรรมล่องไพร ซึ่งเป็นที่นิยมชมชอบของคณะล่องไพรชุดนี้อย่างยิ่ง ชอบเสียยิ่งกว่า ไปเที่ยว ห้างในเมืองใหญ่ เที่ยวบาร์ผับเทค ต่างๆ การล่องไพรลักษณะนี้ เป็นการล่องไพรที่ใช้เวลายาวนาน คือจะเดินทางกันไปเรื่อยๆ อ้อมภูเขาลูกต่อลูก แล้วค่อยหาทางมาบรรจบกัน ณ จุดเริ่มต้นอีกที คือการสิ้นสุดการล่องไพรในทริปนี้
3 วันมาแล้วที่เดินทางกันมา ขึ้นเขาลงห้วย สนุก สาแกใจกันจริงจริ๊ง เชิดชัยกล่าวขึ้นขณะปลงของออกจากแผ่นหลัง เชิดชัยผู้มองเห็นผืนป่าดั่งเสรีภาพ
บ่ายมากแล้ว ผมว่า พักที่นี่ดีกว่าพี่ ดงกล้วยมาก น้ำท่าก็บริบูรณ์ดี นาครมองดูรอบๆแล้วออกความคิดเห็น พร้อมปลงของออกจากหลังบ้าง ไม่มีใครคัดค้าน ต่างเห็นด้วยกับความคิดนี้ ต่างคนต่างปลงของลง และรู้หน้าที่ช่วยกันปรับพื้นที่ให้เรียบพอเหมาะแก่การพักนอน ตัดใบตองที่มีอยู่มากมายปูพื้นรองนั่ง
คร อาหารเหลือมากไหม สำราญผู้มีอาวุโสสุดในกลุ่ม เอ่ยถามนาคร
ข้าวสารพอมีครับ คนละโล 8 คน ก็ 8 โลหละ ก็คงพอประทังหละครับพี่ เนื้อแห้งเหลืออีกนิดหน่อย ส่วนเกลือหายห่วง เพียงเลยพี่ กินข้าวกับเกลือไหมหละพี่ นาครตอบพร้อมกระเซ้า สำราญไม่ว่ากระไร ได้แต่ค้อนแล้วทำเสีย อืมๆ ในคอแทนการรับทราบ
ข้าวเหลือ ถึงไม่พอก็ไม่เดือดร้อนมากนัก เอาหละๆ ออกหาอาหารกันดีกว่าโว้ย ดงกล้วยแบบนี้หละ กระรอกมากมายเลย คนเราต้องใช้พลังงานมาก ต้องหาโปรตีนทดแทน หนานวันชัยพูดจบ ก็ชวนเชิดชัยออกไปดักยิงกระรอกแดงด้วยกัน เพราะทั้งคู่ใช้ปืน ขนาด .22 ด้วยกันทั้งคู่
พวกที่เหลือต่างก็รู้หน้าที่ของตนเอง ต่างทำงานต่างๆเข้าขากันเป็นอย่างดี ว่าจะทำอะไรบ้างในยามนี้ ต่างช่วยกันปรับพื้นที่ ก่อไฟ สร้างเพิง(หมาแหงน)กันน้ำค้างยามค่ำคืน (เป็นเพิงพักแบบพวกผีตองเหลือใช้พักกัน แต่มีขนาดใหญ่กว่า นอนได้ 8 คนสบายๆ
........นาครกับหนานกล้าช่วยกันล้มต้นกล้วยที่มีขนาดใหญ่ที่ติดปลีกล้วยลงมา ผ่าเอาแต่หยวกกล้วยอ่อนๆขาวๆข้างใน พร้อมปลี สรณ์กับอเนก ช่วยกันตัดลำไม้ไผ่ขนาดใหญ่กว่าขวดเหล้ามา 3-4 กระบอก เพื่อนำมาใช้แทนภาชนะหุงต้ม ข้าวก็ใช้วิธีการหลามแบบข้าวหลาม ร่วมทั้งแกงป่าต่างๆด้วยก็ใช้วิธีการเดียวกัน ส่วนเครื่องแกงต่างๆ ก็ตำในกระบอกไม้นั่นแหละ เสร็จแล้วก็เอาน้ำใส่ สับหยวกกล้วยปลีกล้วยใส่ตามลงไป นำไปหลามเป็นอันเสร็จ ถ้วยชามก็เอากระบอกไม่ไผ่มาผ่าครึ่งเอา การกินการอยู่ไม่ยุ่งยากสำหรับนักล่องไพรกลุ่มนี้ ทั้ง8 ชีวิต แต่นี้ก็ถือว่าเป็นสุขที่สุดยากอยู่ป่าแล้ว
........ไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงระเบิดเบาๆของปืนขนาด .22 ดังมาเป็นระยะห่างๆกัน ระยะห่างของเสียงปืนแบบนี้ทุกคนเข้าใจดีว่า เป็นการยิงเพื่อหาอาหาร ไม่ใช่การยิงต่อสู้ ไม่นานทั้ง 2 ก็กลับมา โดยหิ้วกระรอกแดงตัวเขื่องมาด้วย 4-5 ตัว
โอ้วววว.....โปรตีนๆ มาเร็วๆ จัดการซะแกงยังไม่เดือดดี ช่างวิเศษอะไรเช่นนี้ สำราญผู้อาวุโส ตลอดเวลาไม่ได้ทำอะไรพูดขึ้นอย่างปรีดา
เออนั่นๆ...พี่ดูสิ ทำอะไรก็ไม่ทำ ชี้โน้นชี้นี่ นาครกระซิบกับหนานวันชัยเป็นการแหย่ๆ พร้อมหัวเราะคิกคักๆ
เออ...กูเห็นแล้ว เดี๋ยวกูจะให้พี่ราญกินแต่น้ำข้าว งานการไม่ช่วยกันทำ หนานวันชัยพูดพร้อมกับหัวเราะ
........ไม่นานนักอาหารที่สุกกับกระบอกไม้ไผ่ก็พร้อม ส่งกลิ่นหอมเยื่อไผ่คลุ้งไปทั่ว ทุกคนกินด้วยความเอร็ดอร่อยเพราะความหิว พออิ่มก็นั่งคุยกันถึงวันที่ผ่านๆมา แซวกันมั่งเฮฮาตามประสาคอล่องไพร
เอ๊า..เฮ้ย นี่น้ำย้อยโว๊ย อเนกล้วงมือเข้าไปในเป้หลังหยิบขวดเหล้าออกมาตั้งกลางวง
ฮาๆ วิเศษๆ สำราญชอบใจตบมือฉาดใหญ่
เพื่อฝูงรักกันเรารู้ แต่เหล้ามีจำกัด เพลาๆกันหน่อย อเนกพูดยิ้มกว้าง เทเหล้าแจก
ไม่ต้องห่วงพี่ ของผมกับหนานกล้า ก็มีคนละขวด นาครเสริมรับเหล้ามาก็โยนเข้าปากอย่างกระหาย
อยากกินนานๆก็ผสมน้ำกินสิวะ น้ำในห้วยมีเยอะแยะไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ เชิดชัย แซว อเนกได้แต่หัวเราะ
........เวลา 17.00 น.ความสนุกสนานเฮฮาดำเนินไปเรื่อยๆ และแล้วทุกอย่างก็ต้อง ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงต้นกล้วยหักโครมคราม จากทิศทางที่หนานวันชัยกับเชิดชัยเดินออกมาหลังจากไปล่ากระรอก
โฮ๊กกกกก!!! เสียงคำราม ดังแว้วมา เป็นเสียงที่ทำให้ทุกคนในคณะรู้สึกสะดุ้ง เพราะมันอยู่ไม่ห่างจากแค้มป์ที่พักเลย แต่ด้วยความทึบของป่ากล้วยทำให้มองไม่เห็นตัวมัน
โฮ๊กกกกกกกกก!!! คำรามประกาศศักดิ์ดาอีกครั้งดังสนั่น คราวนี้ คณะล่องไพรทั้ง 8 ชีวิต คนอยู่เฉยไม่ได้ ต่างคนตานรนรานลุกรีบไปหยิบปืนพร้อมเครื่องกระสุนของตนเองขึ้นมาประจำตัวทันที
และแล้ว สรณ์ ก็ตะโกนออกมาสุดเสียง ระวัง ไอ้เบิ้มมาแล้ววววววววววว
จบตอนที่ 1