25 กุมภาพันธ์ 2551 22:45 น.
ธ.ปฏิยุทธ์
เมิลหมู่ไม้ที่ยอดปลายแตกใบอ่อน
ปลายสวยงอนมองงามละอ่อนไหว
คราลมพัดก็ลู่ลมอยู่เรื่อยไป
มีตะวันทอระบายให้เขียวนวล
ปลายกิ่งก้านใบใหญ่กลับร่วงหล่น
ปลิดจากต้นลงสู่พื้นคราลมหวน
หอบชีวิต หอบคุณค่าพาคร่ำครวญ
ค่อยปลิดปลิวปานจวนจะขาดใจ
เคยเริ่มแตกใบอ่อนคราหนึ่งแล้ว
เคยเป็นแก้วอยู่ปลายยอดสว่างไสว
เคยโดดเด่นมีคุณค่ากว่าทุกใบ
เคยเขียวนวลครามองไปกระจ่างตา
มาบัดนี้ปลิวว่อนร่อนลมหนาว
นึกเมื่อเยาว์ยังคิดถึงคะนึงหา
จนบัดนี้มาร่วงโรยด้วยเวลา
นับวันค่าค่อยลดค่อยหมดไป
ทำได้คือป้องวัชพืชมิให้กล้า
ปกคลุมดินให้ชื่นตาและสดใส
เป็นอาหารให้ใบอ่อนอยู่สืบไป
ปกป้องให้ต้นไม้ใหญ่อยู่นานวัน
แม้จะแก่โรยแรงเท่าใดหนอ
ใจนั้นขอแกร่งกล้าไม่อาสัญ
หล่นลงใต้ชายคาไม้ก็คือกัน
ยังสร้างสรรค์ประโยชน์กว่ามลายไป.
23 กุมภาพันธ์ 2551 19:03 น.
ธ.ปฏิยุทธ์
กาพย์ยานี 11
เอวองค์ละอ่อนบาง และเรือนร่างอันงดงาม
เปลี่ยนแปลงระโรยตาม ณ กาละเวลาเลย
แรกเริ่มระรูปสวย ตะละชายสิชมเชย
หน้าตานวลผ่องเผย แจ่มใสคราเวลาชม
ผิวพรรณก็ผุดผ่อง ประดุจทองกรองผสม
รูปงามสง่าชม น้ำอบปรุงก็หอมครัน
ล่วงลับด้วยกาลพา คือเวลามาผ่านผัน
รูปสวยที่ชมกัน ก็กลับหายและเจือจาง
สายตาเคยชัดดี มาบัดนี้ก็เลือนลาง
รูปทรงและเรือนร่าง ก็มิตึงอย่างเคยเป็น
ใครเล่าจักชมชอบ หากความสวยมิมองเห็น
คราแก่ฤาเลือดกระเด็น จบที่โลงนั้นคือกัน
กายเนื้อผุพังเน่า กายทิพย์เราสิสำคัญ
นิสัยสันดานนั้น ก็ย่อมติดย่อมตามตัว
หากมองต้องมองทิพย์ หยิบข้อดีมองให้ทั่ว
ใช่สวยสำรวยตัว แต่ก็เขลาเบาปัญญา
เพราะเมื่อร่างลำพังทิ้ง ความดีไม่โพทนา
เหลือเพียงคำนินทา สวยอย่างเดียวไร้ความดี
คนดีสรรเสริญก้อง มิต้องมองสำรวยมี
เพียงเกียรติและศักดิ์ศรี ก็กล่าวก้องนิรันดร์กาล