26 กันยายน 2548 18:18 น.

......อยากขอถาม......

ท่องเมฆา


กว่าจะสานความเข้าใจถึงวันนี้
ผ่านวันที่ขื่นขมตรมหนักหนา
กว่าดอกรั กจะเบ่งบานกาลเวลา
ต้องฟันฝ่าเท่าใดใยไม่จำ

ยามเอื้อนเอ่ยคำรักสลักจิต
เธอเคยคิดบ้างไหมนะคมขำ
บอกแล้วถอนวอนให้ใจระกำ
หทัยช้ำเพราะคำว่า "ลาจากกัน"

เหมือนสายฟ้าฟาดลง ณ ตรงนี้
ดวงฤดีเป็นสายฟ้าพาโศกศัลย์
คำบอกลาพร่าผลาญทรวงดวงชีวัน
ลาจากกันด้วยเหตุใด...ไม่เข้าใจ

อยากขอถามสายรุ้งจรุงจิต
ทำความผิดสิ่งใด...ใจอ่อนไหว
จึงแง่งอนถอนรัก..หักอาลัย
สะท้านไหวสะเทือนจิตมิ่งมิตรเอย
				
22 กันยายน 2548 15:22 น.

...บันไดเมฆ...

ท่องเมฆา


ฟากฟ้ากว้างยังเห็นเป็นสีฟ้า
แสงทาบทาทอทองคล้องใจฝัน
บันไดเมฆ ... เสกไว้ให้ใครกัน
ฤๅอาจดั้นสู่แดนสรวงแห่งห้วงใจ 
[บทแรกนี้ได้จาก คุณฟ้า สหายของแดดเช้า]

แดดยามเช้าสาดส่องต้องขอบฟ้า
สาดแสงมาเยี่ยมเยือนเตือนจิตใส
คลายความหมองของดวงจิตสนิทใน
เป็นแก้วใจส่องธรรมตามครรลอง

รุ้งแสนสวยอวดแสงใสในเจ็ดสี
เอ่ยวจีปลอบใจให้คลายหมอง
เป็นทรงกลดรอบสุริยาสวยน่ามอง
รุ้งจึงครองใจฟ้าท้าตะวัน

สายน้ำใจไหลเย็นฉ่ำยามได้เห็น
สายน้ำเป็นแรงใจในห้วงฝัน
สายน้ำแอบส่งใจให้สุริยัน
สายน้ำนั้นคือสายใจคลายตรมตรอม

ดอกแก้วหอมส่งกลิ่นฟุ้งจรุงจิต
ใครได้ชิดจึงรู้ค่าว่ากลิ่นหอม
กลีบเจ้าบางสีเจ้าขาวเจ้างามพร้อม
เตือนจิตน้อมให้เห็นจริงในสิ่งดี

จันทร์ที่เห็นเป็นจันทร์ใดในอิมเอี๊ยง
ช่างร้อยเรียงคำกลอนอักษรศรี
กระแทกบ้างกระทั้นบ้างในบางที
เหมือนรู้ดีในนิทานตำนานไพร

บันไดเมฆ.. เสกไว้คลายโศกเศร้า
ขอเชิญก้าวตามมาลาหลงใหล
ย่างมาสิก้าวข้ามตามบันได
มั่นคงไว้ในไฟฝัน..นิรันดร์กาล

				
16 กันยายน 2548 10:53 น.

...ดอกไม้อธิษฐาน...

ท่องเมฆา


"ทำไมหนอชีวิตของข้าจึงพบแต่ความผิดหวัง"
           ข้ารำพึงรำพันแล้วหลับฝันไป
    .....ในชาติหนึ่งชีวิตข้าคงเป็นเช่นนี้.....


เป็นแม่ทัพกลับปองสององค์หญิง
จึงมีสิ่งข้องขัดสัตยาธิษฐาน
ไม่อาจเลือกหนึ่งใดในนงคราญ
เคยสราญกลับรักขมตรอมตรมใจ

จะเลือกพี่หรือก็เสียดายน้อง
ให้ขัดข้องในดวงจิตพิศมัย
จะเลือกน้อง..พี่ก็มองอย่างอาลัย
คงเสียใจในพี่น้องทั้งสองคน

ศึกประชิดติดเมืองเรื่องข้องขัด
มิเร่งรัดเรื่องส่วนตัวมัวสับสน
เพียงได้ชัยด้วยเผาผลาญมารผจญ
จึงเวียนวนมาเลือกเจ้าไม่ร้าวราน


ในการทำบุญก่อนไปรบ....
ข้าได้วาง "ดอกกุหลาบสีแดง" ทับบนดอกไม้ที่พวกเธอทำบุญ
ข้าได้ตั้งสัตยาธิษฐาน " ดอกไม้อธิษฐาน "


วางดอกไม้บูชาแด่องค์พระ
ด้วยสัจจะของข้าขออธิษฐาน
ขอให้ได้ประสบพบดวงมาลย์
จิตชื่นบานทุกภพชาติตราบนิรันดร์


ข้าหวังว่า " สัจจะบารมีที่ข้าสั่งสมมาชั่วชีวิต "
คงดลบันดาลให้ข้าได้สมหวังดังที่ตั้งใจ
...แต่ข้าคงพลีชีพในการรบครั้งนั้น
เพราะข้ามองไม่เห็นเลยว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นเช่นไร
ต่อจากนั้นทุกๆภพทุกๆชาติกลับเป็นดังนี้


....และก็เป็นดังเช่นอธิษฐาน
ได้พบพานนวลนุชแสนสุขสันต์
แต่ไม่อาจครอบครองไว้ชั่วนิรันดร์
ผ่านคืนวันสุขสมกลับตรมทรวง

ได้พบแล้วพลัดพรากจากที่รัก
จึงตระหนักถึงความผิดอย่างใหญ่หลวง
ด้วยจิตมุ่งปรุงแต่งสิ่งทั้งปวง
ต้องช้ำทรวงเพราะเพียงพบประสบเธอ

อันวาสนาคนทั้งหลายทั้งชายหญิง
ยังมีสิ่งกำกับฟ้าชะตาเสมอ
บุญที่ทำกรรมที่แต่งให้มาเจอ
จะเลิศเลอสมหวังต้องตั้งใจ

ร่วมทำบุญกุศลสร้างอย่างดียิ่ง
ทั้งชายหญิงร่วมกันอย่างฝันใฝ่
อธิษฐานด้วยความรักอย่างปักใจ
จึงจะได้สมหวังดังจินตนา.......


ใครหนอจะบอกข้าได้ว่าทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นเช่นนี้
เหตุใดข้าจึงมีวาสนาเพียงได้พบเธอแล้วพลัดพราก....
เป็นดังนี้ทุกๆชาติ.....


เป็นเพียงฟ้า ที่มา คอยปกป้อง
เธอทั้งสอง อยู่ดี หรือไฉน
รวิวรรณ จันทรา เคลื่อนคลาไป
ฟ้าคงได้ เพียงคุ้มครอง ทั้งสองนาง


" ฟ้า " ...ปกป้อง...คุ้มครอง...แต่........ไม่อาจครอบครอง......

         ....หรือ ข้าคงต้องลิขิตชะตาชีวิตตนเองใหม่....
                   ................................................
				
13 กันยายน 2548 01:47 น.

...ประสงค์ฟ้า...

ท่องเมฆา


จำใจ จากเจ้า จาบัลย์
โศกศัลย์ โศกสลด สิ้นสลาย
มิยื้อ มิแย่ง ยอมมลาย
วางวาย ว่างเว้น วานวัน

จึงจำ ปลดปล่อย นวลนุช
ยื้อยุด ยุ่งยาก หยามหยัน
มาตรแม้น ดื้อด้าน ดึงดัน
วารวัน  ผันผ่าน เยี่ยงไร

ยลยิน เสียงใส จากเจ้า
หยุดเศร้า หยุดโศก ยิ้มใส
อมยิ้ม อิ่มแก้ม เอมใจ
เพราะได้ จันทร์ใส กลับคืน

จงเป็น จันทร์แจ่ม เจ้าเก่า
จันทร์เจ้า ส่องแสง ชูชื่น
นุ่มนวล ชวนฝัน วันคืน
พลิกฟื้น เพียงฝัน เพียงเพ็ญ
				
11 กันยายน 2548 00:49 น.

..........ท้องฟ้า....สายรุ้ง...........

ท่องเมฆา


กาลเวลา ผ่านไปดัง สายน้ำ
ความชอกช้ำ ไหลรินร่วง กับห้วงเหว
ใจดวงน้อย ลอยไป ฝ่าแดดเปลว
ดีหรือเลว...ลาลับไป...กับสายลม


หากที่เหลือ ยังมิเป็น เช่นสายน้ำ
คือความจริง ที่ตอกย้ำ ความขื่นขม
หากขอได้...ให้ทุกข์หาย พร้อมสายลม
ขอเธอพบ เพียงรื่นรมย์ ชั่วชีวิน


ฉันก็ยัง คงเป็น เช่นตัวฉัน
ไม่มีวัน ย้อนลับ กับกระสินธุ์
สายลมแว่ว แผ่วผ่านไป ได้ยลยิน
ชั่วชีวิน..ไม่ตอกย้ำ..ความเป็นเรา..

ความเป็นเรา...เราเป็นความ...ตามใจเถิด
ทุกสิ่งมี...บ่อเกิด...แห่งความเขลา
โง่ก็รู้....รู้ก่อนโง่.....โอ้คนเรา
เรียนรู้เขา...เพื่อเป็นเรา...อีกเนานาน


จริงสินะ ความโง่ เราโง่ก่อน
ไม่อาจย้อน กาลเวลา มาผสาน
ได้แต่เก็บ บทเรียนไว้ เป็นตำนาน
หยุดซมซาน บทเรียนรัก หักอกคน

หวังเพียงพ้น ความเจ็บปวด ที่รวดร้าว
พ้นความหนาว ที่รุมเร้า จนสับสน
พ้นความฝัน ลวงตา พร่าวกวน
หนีให้พ้น ใครบางคน ที่เคยรัก
หนีอะไร ก็หนีได้...ไม่เย็นยาก
แต่หนีจาก ตัวเอง เกรงจะหนัก
หลอกตัวเอง ว่าสิ้นไป ในใยรัก
มีเพียงตัว ที่ประจักษ์ อยู่กับใจ



รู้ทั้งรู้........ว่าหนียากแม้อยากหนี
รู้ทั้งรู้........ว่าชีวีโดนผลักไส
รู้ทั้งรู้........ว่าต้องปรับกับดวงใจ
รู้ทั้งรู้........เขาสิ้นใยไม่หวนคืน
แต่จะให้...ต้องลืมเขาเดาไม่ยาก
แต่จะให้...ยอมลำบากมิขัดขืน
แต่จะให้...ทุกข์เข้าซ้ำทนกล้ำกลืน
แต่จะให้...ลืมลืมลืม ลืมไม่ลง


ลืม.........ยิ่งลืม ยิ่งย้ำ จำขึ้นจิต
ลืม.........ยิ่งคิด ยิ่งพันพัว ยิ่งมัวหลง
ไม่..........บังคับ ขอเพียงให้ ใจซื่อตรง
ลง.........ไม่ลง...คงมี ทางที่ไป
ต่อให้รู้...ว่ายากจะจากพ้น
ต่อให้รู้...ก็กังวลจนหวั่นไหว
ต่อให้รู้...ว่าเขาเบื่อไร้เยื่อใย
ต่อให้รู้...ยากตัดใจ..หากไม่ลืม


หรือจะเป็น เช่นกรรม เคยทำไว้
เขาจึงได้ ลวงหลอก บอกให้ปลื้ม
แล้วจึงได้ หักอก จนยากลืม
ด้วยเผลอดื่ม น้ำผึ้งขม จึงตรมทรวง
ถ้าหากเป็น เช่นนั้น ฉันยอมแพ้
ไม่อาจแก้ พรหมลิขิต ที่ใหญ่หลวง
ไม่โทษเขา ว่าเรา ต้องลมลวง
แม้ช้ำทรวง..อวยพรให้..ไม่เศร้าใจ

หากเชื่อว่า ด้วยบุญนำ และกรรมแต่ง
จะเชื่อใน น้ำแรง แห่งรักไหม
รักสามารถ ดลจิต พิชิตใจ
ให้หัวเราะ และร้องไห้ ได้คราวเดียว
คิดเสียว่า เป็นเรื่องดี ที่ประสบ
ครั้งหนึ่งพบ คนห่วงใย ให้แลเหลียว
ครั้งหนึ่งที่ มีรักชม เคยกลมเกลียว
แม้เพียงเสี้ยว เวลา...น่ายินดี


เป็นมนุษย์สุด ประเสริฐ ในเลิศหล้า
เพราะชะตา แสนเศร้า เราหลีกหนี
ด้วยกระทำ คุณค่า แห่งความดี
ทุกชีวี หลีกหนีกรรม ด้วยนำใจ
เมื่อลงมือ ลงแรง ด้วยแรงรัก
ความดีจัก โน้มนำ ทำจิตใส
บางคราหัวเราะ บางครา อาจร้องไห้
แต่ชื่นใจ ด้วยความดี ที่เหลียวแล


อาจจะสุข หรือทุกข์บ้าง หว่างชีวิต
อาจถูกผิด ต้องรั้งรอ อย่าท้อแท้
ฟ้าหลังฝน งามงด จดดวงแด
ไม่มีใคร เป็นผู้แพ้ ไปทุกคราว
คือความใน จากใจ ของสายรุ้ง
หวังผดุง ความแจ่มใส ในห้วงหาว
หวังเพียงเห็น ฟ้ายิ้มแย้ม แข่งแสงดาว
จึงร่ายเป็น เรื่องราว...วันร้าวราน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟท่องเมฆา
Lovings  ท่องเมฆา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟท่องเมฆา
Lovings  ท่องเมฆา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟท่องเมฆา
Lovings  ท่องเมฆา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงท่องเมฆา