บางคนได้ร่วมสุข...แต่ไม่ได้ร่วมทุกข์บางคนได้ร่วมทุกข์...แต่ไม่ได้ร่วมสุขร่วมสุขก็ดี....ร่วมทุกข์ก็ช่าง....สุดท้าย....ก็เป็นเพียงแค่.........ความทรงจำของเม็ดกรวดทรายเล็กๆ....ที่ไหลไปตามกระแสธารของกาลเวลา..................................................ยืนอยู่กันคนละข้างของความคิดไม่มีสิทธิ์จะเคียงคู่...รู้ใช่ไหมความแตกต่างห่างเหินกันเกินไปสุดที่ใจเอื้อมคว้าเข้าหากันฟ้ากับจันทร์คล้ายว่ามาเคียงคู่เพียงพิศดูกาลเวลามาแปรผันต้องแยกย้ายห่างไกลไร้สัมพันธ์คือลิขิตของสวรรค์มาเนิ่นนานทางข้างหน้าต่อไปไม่ยื้อแย่งจะไม่แข่งไม่ฝืนใจไม่อาจหาญคงปล่อยให้สรวงสวรรค์ดลบันดาลขีดตำนานจันทร์-ฟ้าฝากแผ่นดิน..................................................บางคนถึงได้กล่าวไว้ว่า....การที่เรารักใครแล้วเขารักตอบ....เป็นเรื่องมหัศจรรย์ยิ่งถ้าได้ครองคู่กับคนที่เรารัก....เป็นยิ่งกว่า..ปาฏิหาริย์
อยู่ไปวันวัน ไร้ฝันล้าแรง ดุจใบไม้แห้ง ลอยลิ่วตามลม แม้ตั้งดวงจิต สิ่งคิดมิสม หน้าชื่นอกตรม ขมขื่นดายเดียว หรือจะมิสู้ หลบอยู่โดดเดี่ยว ทุกข์โถมโหมเกลียว ความหวังพังภินท์ ฤา...เป็นผู้กล้า ฟันฝ่าทั้งสิ้น หลั่งเลือดไหลริน มุ่งหน้าท้าทาย กลัวแต่ใจคน สับสนหลากหลาย หลากเรื่องวุ่นวาย ร้ายเหลือเบื่อใจ ที่แท้ที่ทำ จำได้หรือไม่ ทั้งหมดเพื่อใคร เพียงเผลอ....เธอลืม
เสียงติงตังดังแว่วจากหอน้อย เสียงเพลงพิณจากคนคอยละห้อยหา เสียงเพลงเศร้าเคล้าแซมแต้มน้ำตา เสียงเพรียกว่าคนไกลไม่มาเยือน ค่ำคืนนี้มีฝนร่วงหล่นฟ้า ไม่อาจเห็นดวงดาราเมฆาเกลื่อน เสียงฝนกลบพิณข้าจนพร่าเลือน ฟ้าฟั่นเฟือนลมคลุ้มคลั่งยากยั้งใจ โหมบรรเลงเพลงพิณฝ่าฟ้าฝน คิดถึงคนคอยเคียงข้างอย่างหวามไหว มาบัดนี้กลับร้างคู่คนรู้ใจ ทอดอาลัยกับหยาดฟ้าน้ำตาพราว พิณนี้เจ้าเคยบรรเลงเพลงไพเราะ เสียงเสนาะยิ้มบางบางข้างแก้มสาว สองสายตาเร้ารุกสุกสกาว ข้าต้องมนต์เสียทุกคราวเมื่อเคียงกัน ณ หอน้อยฟังเสียงฝนคนร้างคู่ ดีดพิณคอยโฉมพธูมาร่วมฝัน หมื่นทิวาไม่ย่อท้อยังรอวัน ขอวสันต์บอกหยาดฟ้า...ข้ายังคอย... ...ขอวสันต์หอบหยาดฟ้ากลับมาเคียง...
เขาสอยดาวคราวสอยใดเคยใฝ่หา อยากเอื้อมคว้าดาวเดือนมาเปื้อนฝัน เขาสุดสูงฟ้าสูงกว่าเกินฝ่าฟัน เจ้าแจ่มจันทร์จึงจำพรากลาจากไกล หลายปีผ่านจันทราเจ้าเศร้าหรือสุข ยังมีทุกข์..หรือสุขสันต์ เลิกหวั่นไหว ถามจากคนที่ห่วงหายังอาลัย เจ้าแจ่มใจยังแจ่มจ้าหรือล้าแรง งานหนื่อยหนักหรือไม่ใคร่อยากรู้ โฉมพธูเจ้าอยู่ไหนไม่เปล่งแสง ปล่อยเพียงจันทร์บนนภามาสำแดง เจ้ากลับแฝงหลบอยู่เพียงผู้เดียว ที่เชิงเขาริมลำธารผ่านมาพัก แว่วเสียงทักนึกว่าน้อง..พี่มองเหลียว มีแต่ลมหนาวพรูมากรูเกลียว ใบไม้เหี่ยวก็ปลิดขั้ว..โอ้ตัวเรา หยิบขลุ่ยไผ่ขึ้นผิวเพียงพลิ้วแผ่ว หวังเพลงเแว่วผ่านเขินข้ามเนินเขา ยินเสียงเพลงรำพันแล้วแม้แผ่วเบา เจ้าพริ้มเพราจงโปรดตอบจะขอบคุณ เขาสอยดาวมาคราวนี้ยังมีห่วง ขอดาวดวงอย่าเพิ่งลับโปรดสนับสนุน ทั้งเจ้าเขาเจ้าป่าด้วยช่วยการุณ ส่งข่าวสารอันอบอุ่น..ถึงแจ่มจันทร์
ได้แค่เอ่ยปาก "ฝากความคิดถึง" ผ่านใครคนหนึ่ง เพื่อให้ถึงเธอ เคยคิดเคยฝัน ถึงขั้นพร่ำเพ้อ อยากบอกรักเธอ เผลอรักหมดใจ ขอบฟ้าไกลห่าง อ้างว้างฝันใฝ่ ใจไม่ถึงใจ จึงไร้สัมพันธ์ เจอะเธออีกครั้ง เหมือนดั่งความฝัน แม้ยังรักมั่น บีบคั้นจิตใจ ขออยู่ตรงนี้ ตรงที่ห่างไกล ไร้กายชิดใกล้ เพียงใจตราตรึง ได้แค่เอ่ยปาก "ฝากความคิดถึง" หวังเพียงแวบหนึ่ง เธอซึ้งสัมพันธ์