16 พฤษภาคม 2554 14:04 น.
ทุเรศ
เรื่องมันมีอยู่ว่า เรา หมายถึงกระผม ข้าพเจ้านีแหละ วันนั้นเราเองสวมกางเกงลายทหารแบบสามส่วน แล้วขับรถอยู่ดีๆ ก้อมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถเราไป เราตกใจมากเหยียบเบรคจนมิด หัวทิ่มหัวตำ ของที่วางไว้หล่นกระจัดกระจายไปทั่ว เราใจหายวาบคิดว่าคงจนเธอเข้าให้แล้ว พยายามมองไปรอบๆรถว่าจะมีอะไรผิดสังเกตบ้างมั้ย แต่เวลาผ่านไปพอสมควรเราไม่เห็นมีสิ่งผิดปกติ เราค่อยเปิดประตูรถแล้วก้าวขาขาวออกมาวางที่พื้น เพื่อที่จะลงรถจากรถมาดู แต่แล้ว คุณพระช่วย มีมืออะไรสักอย่างมาจับที่ข้อเท้าของเรา โอ๊ะแม่เจ้า หัวใจของเราแทบจะหยุดเต้น จะร้องก็ร้องไม่ออก พยายามรวบรวมความกล้าที่มีอยู่แล้วก้มลงมองดู พิโถ่เอ้ย แค่ถุงก๊อบแก๊บมันปลิวมาติดที่ข้อเท้าเท่านั้นเอง ตกใจหมดเลย ขอเวลาไปนั่งทำใจก่อนนะ เดี่ยวจะกลับมาเล่าใหม่
16 พฤษภาคม 2554 13:46 น.
ทุเรศ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภพระจักขุปาลเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ ถ้าบุคคลมีใจร้ายแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ทุกข์ย่อมตามไปตามเขา เพราะเหตุนั้น ดุจล้ออันหมุนไปตามรอยเท้าโค ผู้นำแอกไปอยู่ฉะนั้น
ครั้งหนึ่ง พระจักขุปาลเถระ ผู้มีจักษุบอดเพราะปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดจนไม่ยอมหลับนอน ได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระศาสดาที่วัดพระเชตวัน กรุงสาวัตถี ในคืนหนึ่งขณะที่พระเถระเดินจงกรมอยู่นั้น ก็ได้เหยียบแมงเม่าตายโดยไม่มีเจตนา ในตอนเช้าพวกพระภิกษุที่ไปเยี่ยมพระเถระพบแมงเม่าที่ตายนั้นเข้า มีความคิดว่าพระเถระทำสัตว์ให้ตายโดยเจตนา จึงนำความขึ้นกราบทูลพระศาสดา พระศาสดาได้ตรัสถามภิกษุเหล่านั้นว่า เห็นพระเถระฆ่าแมงเม่าเหล่านั้นโดยเจตนาหรือไม่ เมื่อพระภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่าไม่เห็น จึงตรัสว่า พวกเธอไม่เห็นจักขุปาลฆ่าแมงเม่าฉันใด จักขุปาลก็ไม่เห็นแมงเม่าเหล่านั้นฉันนั้น นอกจากนั้นแล้ว พระจักขุปาลนี้ก็เป็นพระอรหันต์แล้ว จึงไม่มีเจตนาที่จะฆ่าสัตว์และเป็นผู้บริสุทธิ์ เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลถามว่า พระจักขุปาลเถระนี้เป็นถึงพระอรหันต์ แต่เพราะเหตุใดจึงตาบอด พระศาสดาได้นำเรื่องในอดีตชาติของท่านมาตรัสเล่าว่า
ในอดีตชาติ พระจักขุปาลเคยเกิดเป็นแพทย์ ครั้งหนึ่งไปรักษาตาให้แก่คนไข้หญิงคนหนึ่ง คนไข้หญิงคนนี้ได้ให้สัญญากับนายแพทย์ว่านางกับลูกๆจะยอมเป็นข้าทาสรับใช้หากว่าดวงตาที่บอดทั้งสองข้างของนางแพทย์สามารถรักษาให้หายได้ แต่ต่อมานางกลัวว่านางพร้อมกับลูกๆจะต้องตกเป็นทาสของนายแพทย์จริงๆ จึงได้พูดโกหกนายแพทย์ไปว่าดวงตาทั้งสองข้างของนางมีอาการแย่ไปกว่าเดิมทั้งๆที่ได้รับการบำบัดจนหายขาดไปแล้ว ข้างนายแพทย์ก็รู้ว่าคนไข้ของเขาหลอกลวงจึงได้แก้เผ็ดด้วยการผสมสารพิษลงในยาหลอดตาให้คนไข้นางนั้นหยอด พอนางหยอดเข้าไปคราวนี้ก็เลยทำให้ตาบอดสนิททั้งสองข้าง เพราะผลของอกุศลกรรมในครั้งนั้นทำให้นายแพทย์ต้องตาบอดหลายครั้งในภพชาติต่างๆ
เมื่อพระศาสดาได้ตรัสเล่าความในอดีตชาติของพระจักขุปาลเถระจบลงจึงสรุปว่าแพทย์คนนั้นก็คือพระจักขุปาล(โส เวชฺโช จกฺขุปาโล)และตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย กรรมที่บุตรของเราทำแล้วในกาลนั้น ได้ติดตามเธอมาหลายภพหลายชาติ เพราะขึ้นชื่อว่าบาปกรรมนั้น ย่อมติดตามผู้ทำไป เหมือนล้อเกวียนอันหมุนตามรอยเท้าโคที่เขาเทียมเกวียนบรรทุกสินค้าไปฉะนั้น และได้สรุปลงท้ายด้วยการตรัสพระธรรม พระคาถานี้ว่า
มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา
มนสา เจ ปทุฏฺเฐน ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ ทุกฺขมเนฺวติ จกฺกํว วหโต ปทํ ฯ
ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ
ถ้าบุคคลมีใจร้ายแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำอยู่ก็ดี ทุกข์ย่อมไปตามเขา
เพราะเหตุนั้น ดุจล้ออันหมุนไปตามรอยเท้าโค ผู้นำแอกไปอยู่ฉะนั้น ฯ
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ภิกษุ 3,000 รูป ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย พระธรรมเทศนามีประโยชน์แม้แก่บริษัทที่มาประชุมกันแล้ว.
13 พฤษภาคม 2554 07:50 น.
ทุเรศ
วันนั้น วันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร ฉันจำไม่ได้แล้วหล่ะ ฉันรู้แต่ว่ามันเป็นวันที่ฉันผิดหวังและเศร้าใจอย่างมาก
ฉันถูกเธอตัดเยื่อใย ทั้งๆที่ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายผิด
ฉันถูกเธอตราหน้าว่าเป็นฝ่ายเปลี่ยนไป ทั้งๆที่ฉันไม่รู้เรื่องเลย
ฉันอยากร้องตะโกนให้ก้องฟ้าว่าฉันไม่รู้เรือง แต่คงไม่มีประโยชน์อันใด ฉันคงอยู่ของฉันคนเดียวเช่นนี้เรื่อยไป ฉันคงไม่ไปเที่ยวอธิบายให้ใครต่อใครฟังหรอกว่าฉันไม่ผิด เหมือนที่เธอกำลังเที่ยวพูดให้ใครๆฟังว่าเธอนั้นถูก ฉันไม่ได้หวังอะไรหรอก วันนี้ที่ออกมาเขียนในที่นี้แค่อยากระบายความในใจให้หายอึดอัดเท่านั้น
หากมีใครบางคนมาเจอะเจอข้อความนี้แล้ว คิดว่าเป็นเรื่องของตนเองแล้วหล่ะก้อ ฉันขอบอกว่า ฉันไม่ขอโทษเธอหรอกนะ เพราะว่า ฉันไม่ผิด