12 มิถุนายน 2548 21:38 น.

ที่รักของฉัน(บันทึกหน้า1)

ที่รักของฉัน

" มีเศษเหล็ก ขวดเปล่าๆ หนังสือพิมพ์เก่าๆ มาขาย "
เสียงประกาศที่ดังฟังชัด จากอาแป๊ะ ซื้อของเก่า ใกล้เข้ามา
ชายคนหนึ่ง กับหนังสือเก่าๆมัดหนึ่ง มีทั้งหนังสือพิมพ์
มีทั้งกระดาษบันทึกเก่าๆ หนักประมาณ 15 กิโล โดยประมาณ
"หยุดก่อนครับ อาแป๊ะ" 
"ผมเอาหนังสือเก่าๆมาขายครับอาแป๊ะ"
"กิโลเท่าไหร่ครับ อาแป๊ะ ช่วงนี้"
"กิโล 2 บาท ว่ะ อาตี๋"
"ช่วงนี้ก็อย่างงั้นๆ เศรษฐกิจมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
"เอาเลย ลื้อเอาของลื้อมาชั่งได้แล้ว  เดี๋ยวอั้วได้ไปต่อ"
"ครับ อาแป๊ะ"  ว่าแล้วชายคนนั้นก็หยิบกระดาษหนังสือเก่าๆมัดนั้น
ขึ้นตาชั่ง
" 16 กิโล ว่ะ แต่อั้วขอลื้อ 15 กิโลแล้วกันนะ ลื้อคงไม่ว่าอะไร"
"ได้ครับอาแป๊ะ..ดีกว่าปล่อยให้มันรกบ้านนะครับ"
"อั้ว ขอบใจ ลื้อมาก"
ขณะที่กำลังยกกระดาษมัดเก่าๆนั้นลงจากตาชั่ง ชายคนนั้นเกิดเสียหลัก 
กระดาษมัดเก่าๆนั้น...มีสมุดบันทึกเล่มหนึ่งร่วงหลุดลงมา...
มันเป็นสมุดบันทึกที่ครั้งหนึ่งเป็นสมุดที่น่าหยิบน่าอ่านมากที่สุด
...หน้าปกเป็นรูปพระจันทร์กำลังตกน้ำ...เขียนข้อความเอาไว้ว่า...
.....ที่รักของฉัน....9 กันยายน 2535
ชายคนนั้นหยิบขึ้นมาดูแล้วยืนคิดอะไรอยู่ชั่วขณะ
"อาตี๋  ลื้อเป็นอะไรหรือเปล่า" เสียงอาแป๊ะร้องถามมา
"ไม่เป็นอะไรหรอกครับ อาแป๊ะ"
"ผมขอสมุดบันทึกเล่มนี้คืนนะครับ ไม่ขายพร้อมกับหนังสือและกระดาษ
เก่าๆมัดนี้แล้วนะครับ"
"เอาซี..ลื้อไม่ขาย อั้วก็ไม่ว่าอะไร... เอานี่เงินค่าหนังสือมัดเก่าๆของลื้อ"
ชายคนนั้นรับเงินค่าหนังสือกระดาษเก่าๆ ซึ่งมันเป็นราคาเพียง 30 บาท
เป็นการเพียงพอแล้วที่สามารถซื้ออาหารได้หนึ่งจานกับน้ำลำไยอีกหนึ่งแก้ว
สำหรับคนหนึ่งคน...
"ขอบคุณครับอาแป๊ะ..วันหลังผมจะเอามาขายอีกนะครับ"
แล้วเสียงร้องประกาศ " มีเศษเหล็ก ขวดเปล่าๆ หนังสือพิมพ์เก่าๆ มาขาย "
ก็ค่อยๆ ห่างออกไป
ชายคนนั้น...เดินกลับเข้ามาในบ้าน พร้อมกับสมุดบันทึกในมือเล่มนั้น
....ที่รักของฉัน....แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ที่นั่งทำงานส่วนตัว...ฟังเพลงบ้าง..ดูหนังบ้าง
แต่...ขณะนี้เขากำลังใช้เก้าอี้ตัวนี้  เปิดดูบันทึกที่เขียนไว้
....หน้าแรก...มีข้อความเขียนบอกไว้ว่า...สุขสันต์วันเกิดจ๊ะพี่หนุ่ย..ที่รักของฉัน
และของคนอื่น....28 สิงหาคม 2535
เมื่อได้อ่านแล้วก็อดนั่งยิ้มคนเดียว...นี่เรามีค่าถึงเพียงนั้นเชียวหรือ...ไม่ล่ะ..
คงเป็นแค่อารมณ์เป็นเพียงแค่ความรู้สึกในขณะนั้นของคนเขียน...
แล้วภาพวันเก่าๆก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น  เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่สามารถทำให้
จิตใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  ในยามที่เผลอคิดถึง  อยากได้ยินเสียงหัวเราะ
อันสดใส  
...หน้าที่การงาน  เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งสำหรับคนพิเศษที่เคยได้หยอกล้อ
(ไม่แน่ใจว่าเป็นคนที่เรารักมากหรือเปล่า) ในขณะนั้น แต่นั่นแหละคงใช่
เพราะเราเองก็ไม่มีใครคบหากันเป็นพิเศษเหมือนเธอคนนั้น 
"พี่ต้องไปแล้วนะ วันที่ 2  กันยายน  นี้แหละ"
"ไปไหนเหรอ" เสียงที่ถามมามีน้ำเสียงที่ตกใจนิดหนึ่งแล้วก็ถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะ
"พี่ไปหลายวัน" เสียงที่ล้อตามหลังจากที่คำถาม "ไปไหนเหรอ" จบ
"ใช่ครับ และอาจจะไปอยู่ที่โน่นเลย"
"แล้วแม่พี่ล่ะ"
"ก็คงอยู่ที่นี่ ต่อไป  แต่พี่จะหมั่นกลับมาหาท่านแล้วกัน"
"แล้วพี่จะไปไหนเหรอ"
"ไปอำเภอพระแสง ครับ"
"พี่ได้บรรจุที่นั่นเหรอ"
"ครับ"
"มีพนักงานกี่คนค่ะ"
" สามคนครับ"
"แล้ววันเกิดของพี่ปีนี้ที่สัญญาว่าจะพาน้องไปดูหนังล่ะ"
เป็นคำถามที่คนฟังต้องอึ้งอยู่พักใหญ่ ก่อนตอบออกไปด้วยความไม่แน่ใจว่า
"พี่จะพยายามมาให้ได้แล้วกันน่ะ"
ระยะทางจากบ้านดอน(อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี)กับอำเภอพระแสง...แม้จะประมาณ
75 กิโลเมตร จะว่าไกลก็ไกลเพราะการเดินทางในขณะนั้น อาศัยเพียงรถยนต์โดยสาร
ประจำทาง กระบี่-สุราษฎร์ธานี ซึ่งเที่ยวสุดท้ายมาถึงพระแสงประมาณเวลา 16.50 น.
ถ้าเสร็จภาระกิจหน้าที่ทันก็ขึ้นรถทัน....ถ้าไม่ทันก็ไม่ได้กลับ
....วันที่ 28 สิงหาคม 2535  วันนั้นเป็นวันที่สมุดบันทึกเล่มนี้....ที่รักของฉัน...ซึ่งถูกบรรจุ
อยู่ในกล่องพร้อมกับห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญ ซึ่งสวยแบบเรียบง่ายถูกส่งให้
"น้องให้พี่หนุ่ย"
"แต่เอาไว้เปิดวันที่ 9 กันยา น่ะ ห้ามเปิดก่อน ถ้าน้องรู้น้องโกรธด้วย"
"อ้าว! แล้วทำไมต้องเปิดวันที่ 9 กันยา ด้วยล่ะ"
"เผื่อพี่ไม่ได้มาตามสัญญาที่ให้ไว้"
....เมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละวัน...วงจรชีวิตซ้ำๆ  ตอนเช้าตื่นนอน ทำภาระกิจส่วนตัว
อาบน้ำ ทานข้าว   ได้เวลาทำงานก็ทำงาน  ตอนเที่ยงก็พักกลางวัน  ตอนบ่ายเริ่มทำงานต่อ
ตอนเย็นเมื่อถึงเวลาเลิกงานก็หยุดทำงาน เป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน
...วันนี้เป็นวันที่ 9 กันยา มีเพิ่มมาอย่างหนึ่งคือ...การเปิดห่อของขวัญที่ได้มาเมื่อ
วันที่ 28 สิงหาคม  ....สิ่งที่ได้เห็นเป็นสมุดบันทึกรูปพระจันทร์กำลังตกน้ำ....
และเป็นวันที่ได้ให้สัญญากับคนๆหนึ่งไว้เป็นพิเศษ....และเป็นวันที่รู้สึกว่าเวลาของเข็ม
นาฬิกาเดินช้าเป็นอย่างมากที่สุด
....และแล้วเมื่อถึงเวลาเลิกงาน..."เดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะพี่ วันนี้ผมมีนัด"
"ได้เลยไอ้น้อง...มีนัดกับสาวซิท่า...รีบร้อนอย่างนั้น"
ช่วงเวลาที่รอรถโดยสารเพื่อเดินทางกลับบ้านและเดินทางไปตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้
"หนุ่ย กลับเข้าสำนักงานด่วน มีรถชนเสาหัก..เดี๋ยวพี่จะออกไปแก้ไขกันสองคน...หนุ่ย
คอยประสานงานที่สำนักงานด้วยเผื่อดับไฟปฏิบัติงาน"
"ครับ" เป็นคำที่ตอบไปแล้วรู้สึกว่าห่อเหี่ยวในชีวิต
มันเป็นกรรมอะไรกันนักกันหนา ทำไมวันอื่นไม่เกิด...มาเกิดเอาวันนี้ด้วย
....ตลอดเวลาที่ผ่านไป  หลายอย่างที่ผ่านมา ผู้ชายคนนั้นยังจำได้ ในวันที่ 9 กันยา ของทุกปี
ไม่ใช่เป็นวันคล้ายวันผู้ให้กำเนิดของชายคนนั้น....แต่มันเป็นวันผิดคำสัญญาครั้งแรกในชีวิต
ของผู้ชายคนนั้น...ซึ่งวันนี้ เดี๋ยวนี้ ยังไม่สามารถแก้ตัวได้.....ไม่ใช่ไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัว
...แต่มันหมดโอกาสที่จะแก้ตัว....
......เพราะเธอคนนั้น ผู้หญิงคนแรกที่ก้าวเข้ามาในชีวิตของผู้ชายคนนั้น ....เธอจากไปแล้ว....
......เพราะผู้ชายคนนั้น  คือ คนๆนี้ที่ไม่มีโอกาสแก้ตัว  ซึ่งก็คือ...ตัวผมเอง...ที่รักของฉัน...				
11 มิถุนายน 2548 12:28 น.

ที่รักของฉัน

ที่รักของฉัน

....ที่รักของฉัน....

          คำพูดจำนวนสี่คำ ที่เธอคอยพูดคอยเตือนฉันในวันที่ผ่านมา เป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเตือนยามที่ฉันท้อ ยามที่ฉันเหนื่อย อยากยอมแพ้ทุกๆสิ่งที่อยู่รอบตัวฉันพร้อมกับปัญหา ไม่ว่าเล็กน้อยหรือว่าใหญ่เพียงไหน
          อยากให้เข็มเวลาของนาฬิกาหมุนไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ปัญหานั้นๆ
มันผ่านเลยไป  แต่...ฉันกลัวว่าเวลาข้างหน้าฉันจะเจอปัญหาที่ใหญ่กว่านี้
          อยากให้เข็มเวลาของนาฬิกาหยุดหมุน เพื่อให้ปัญหานั้นๆหยุดอยู่แค่นี้
แต่...ฉันกลัวว่าเวลานั้น ปัญหาจะทำให้ฉันทรมานอยู่อย่างนั้นไม่รู้จบ
          อยากให้เข็มเวลาของนาฬิกาหมุนถอยหลังไป เพื่อให้ปัญหานั้นๆ มันมา
ไม่ถึง  แต่...ฉันกลัวว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง ฉันจะต้องสูญเสียทุกอย่าง แม้กระทั่ง
คนที่รักของฉัน และคนที่ฉันรัก
          ฉันไม่อยากเห็นน้ำตาของคนที่ฉันรัก...และ...ที่รักของฉัน  อย่ากลัวไปนะ
เธอ..ที่รักของฉัน จะต้องมีเวลาต่อไป เพื่อวันใหม่ที่ดีกว่า
          ฉันอยากให้เข็มเวลาของนาฬิกาหมุนไปอย่างรวดเร็ว เพื่อจะให้เวลาพา
ความเศร้าในวันนี้ผ่านเลยไปให้ไวที่สุด
          ฉันอยากให้เข็มเวลาของนาฬิกาหยุดหมุน เพื่อจะได้อยู่ใกล้กับคนที่ฉันรัก...
และ...ที่รักของฉัน นานๆ
          ฉันอยากให้เข็มเวลาของนาฬิกาหมุนถอยหลังไป  เพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ฉัน
ต้องการทำแต่ยังไม่ได้ทำให้กับคนที่รักของฉัน..และ...ที่ฉันรัก
          ความเป็นจริง...ฉันเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะหมุน หรือจะหยุด
และถอยหลัง เข็มของเวลาได้  เพียงขอให้เธอรับรู้ไว้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่
เธอ...ยังคงได้ชื่อว่าเป็น...ที่รักของฉัน
          ความเป็นจริง...ฉันเป็นเพียงคนธรรมดา ที่ยังเวียนว่ายในกองกิเลสที่เกิดขึ้น
ในใจ ในเวลาขณะนั้น...ฉันเป็นเพียงคนธรรมดา ที่ เกิด แก่ เจ็บ ตาย   เหมือนใน
ตอนนี้ตอนที่ฉันนอนบนเตียงคนไข้ รอเวลาที่ทุกอย่างจะเกิด กับการเจ็บในร่างกายถึงขั้นสาหัส
ไม่แน่ใจผลว่าจะเป็นอย่างไร  คงปล่อยไปตามการหมุนของเข็มเวลา
          ความเป็นจริง...เธอก็เป็นเพียงคนธรรมดา ที่ยังมีน้ำตาให้กับฉันได้เห็น 
แต่...เธออย่าลืมว่า...ประโยคนี้เคยเป็นประโยชน์ในการกระตุ้นเตือนยามที่ฉันท้อ
ยามที่ฉันเหนื่อย อยากยอมแพ้ทุกๆสิ่งที่อยู่รอบตัวฉัน พร้อมกับปัญหาไม่ว่าเล็กน้อย
หรือว่าใหญ่เพียงไหน  ที่เธอคอยบอกฉันอยู่ทุกครั้งที่ฉันท้อ ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อย  
ทุกครั้งที่ฉันอยากยอมแพ้กับปัญหา  เธอควรจะเอามาบอกและคอยเตือนตัวของ
ตัวเธอเองด้วย  สำหรับฉัน...จะขอเก็บเอาไว้ในใจตลอดที่ฉันยังมีลมหายใจ    
          เธออย่าลืมนะอย่าลืม.....ที่รักของฉัน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟที่รักของฉัน
Lovings  ที่รักของฉัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟที่รักของฉัน
Lovings  ที่รักของฉัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟที่รักของฉัน
Lovings  ที่รักของฉัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงที่รักของฉัน