28 ตุลาคม 2553 09:05 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ชอบคุณสายน้ำใจทุกเส้นสาย ที่ไหลหลั่งมาดับทุกข์ ถึงแม้ว่าจะไม่มากมาย
มหาศาลแต่ก็มีคุณค่า แล้วก็ขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ มาตลอด ตอนนี้
น้ำเริ่มลดลงแล้ว คาดว่าอีกไม่นาน คงเข้าสู้สภาวะปกติ แต่คงต้องใช้เวลา
เป็นเดือน สำหรับรายชื่อผู้ที่บริจาคมา ทิพย์โนราห์จะนำไปเขียนลงใน บันทึกริมน้ำ คอยอ่านนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
จากใจ ทิพย์โนราห์ พันดาว
28 ตุลาคม 2553 08:57 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ลมพัดยอด ยางขรม ระงมเสียง
แว่วสำเนียง น้ำหลาก จากฝากฝั่ง
ระคนกลิ่น อวลไอ ในภวังค์
พลิ้วใบบัง แสงตะวัน หลั่นร่มเงา
ใบตองพริ้ว ก้านใบ ไหวกับคลื่น
ไทรย้อยยื่น รากวน ปนความเหงา
ระยับพราย สายน้ำ งามเป็นเงา
ลมบางเบา เคล้าระริน กลิ่นสาปโคลน
มองสายน้ำ เชี่ยวกราก ที่หลากหลั่ง
รอยความหลัง สลักลาย คล้ายหัวโชน
ยามสวมใส่ บทบาท ผงาดทะโมน
ร้องตะโกน ก้องฟ้า ว่าดีใจ
ยามถอดหัว คืนเขา เอาไปเก็บ
แม้เพียงเล็บ เคยศรัทธา หามีไม่
แม้ยามผ่าน ไม่รู้เงา เขาหรือใคร
สำแดงใด ไม่ปรากฎ หมดสัมพันธ์
ในยามนี้ เธอแกล้ง แสดงหรือ
ให้คนลือ ว่าห่วงใย อาลัยฉัน
นี่ความจริง หรือหลอก ช่วยบอกกัน
หรือเพียงปัน ห่วงใย มาให้ยืม
ทิพย์โนราห์ พันดาว
22 ตุลาคม 2553 09:27 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ธาราคลั่ง หลั่งพรู สู่เคหาส์
สายฝนสาด กระเซ็นสาย หมายตอกย้ำ
มองผืนน้ำ ให้ตระหนก อกระกำ
โธ่ฉันทำ กรรมปางไหน จึงไถ่ทวง
เร่งเก็บของ ชั้นล่าง ให้ห่างน้ำ
คิดยิ่งช้ำ ตัวเราไซร้ ใครห่วงหวง
ตนพึ่งตน เป็นแน่ ยอมแพ้ดวง
ชลทะลวง ลิ่วทะลัก ชักช้าใย
แทบหมดแรง ขนของหนึทางน้ำ
เหลือเก็บงำ ลอยเอื่อยรอ ทั้งหม้อไห
แค่ในครัว ยังท่วมทั่ว ยันอกใจ
มองออกไป บ้านข้างเคียง เสียงอื้ออึง
ป่าสักคลั่ง ไหลระคน ล้นทะลัก
ไม่ผ่อนพัก ขนของหนี ตีสี่ครึ่ง
ในยามสาง แวดระวัง นั่งรำพึง
หวั่นชลตรึง ขึงโกรธ พิโรธราน
ตราบวันนั้น ผ่านมา ห้าวันแล้ว
ยังไร้แววองค์กรหน่วย ช่วยประสาน
แถมจะ ตัดน้ำไฟ ให้ร้าวราน
จะว่ายทาน แรงชล ยังหม่นใจ
เพราะน้ำแรง มากมาย สายน้ำหลาก
พร้อมกระชาก ชีวี ลี้ไม่ไหว
ได้แต่นั่ง เขียนกลอน เพ้อวอนไป
หวังปลอบใจ คลายเครียด จึงเจียดความ
ทิพย์โนราห์ พันดาว
15 ตุลาคม 2553 17:10 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ฝนรำพึง ว่าลา แล้วฟ้าเอ๋ย
คืนก่อนเคย เชยฟ้า วนาสวรรค์
ในยามนี้ ฝืนจาก ฝากรำพัน
บ่งจำนรร ว่าห่วง เจ้าดวงตา
ฟ้าระทม ข่มตอบ ขอบคุณนัก
ที่ฝนภักดิ์ ดูแลทรวง ยามห่วงหา
เมื่อฤดู กาลเวียน เปลี่ยนอีกครา
วสันต์ลา เหมันต์ห่ม สุดตรมตรอม
ยามฟ้าหนาว ร้าวใน ใครจะเห็น
กรุ่นไอเย็น ลูบไล้ ใครถนอม
ฝนจะลา มิอาจฝืน สะอื้นยอม
ฟ้าคงตรอม ยามไร้หยาด ต้องขาดกัน
ต่อนี้ไป ต้องหนาวเนิ้อ เถือในจิต
ค่อนชีวิต ที่เหลือไว้ ใครร่วมฝัน
ไร้แม้เงา ความสุข ทุกวานวัน
เหมือนกับจันทร์ นวลดับ ลับราตรี
ฝนรำพัน ว่าลา แล้วฟ้าเอ๋ย
ก่อนได้เชย คล้ายเหมือน เบือนหน้าหนี
สายฝนลวง พร่างพรม ไม่สมฤดี
หยาดนที แห่งความหลัง ยังฝังใน
ทิพย์โนราห์ พันดาว
14 ตุลาคม 2553 16:00 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
อุ่นเอยเคยกก กับอกอุ่น
หอมละมุน ไอสวาท ที่ปราถนา
ท่ามตะวัน ดวงร้อน อ่อนในตา
ขนำนา หลังน้อย เฝ้าคอยชาย
ลมหนาวโลม ฟางข้าว ร้าววูบไหว
กรุ่นควันไฟ แผ่วผสม ลมเป็นสาย
เจ้าเอี้ยงน้อย กระโจนเลาะ เกาะหลังควาย
หนาวเนื้อกาย ใต้ผ้าห่ม ยามลมครวญ
ไออดีต ลอยกรุ่น ละมุนอก
หวาดระทก ยามตรึก ลำรึกหวล
หอมดอกจาน บานผสม พรมรัญจวน
คลับคล้ายชวน อดีตชม เคยสมใจ
ผืนนาแห้ง แล้งร้าง เคียงฟางข้าว
ใจคนเศร้า ทั้งร้าวตรม ข่มไม่ไหว
เห็นเคียวคม เกี่ยวรวง ยิ่งหน่วงใจ
เหมือนเกี่ยวใย สวาทขม ด้วยคมเคียว
ในวันจาก เธอ พ้อ ว่ารอหน่อย
หลับหลังคล้อย ลืมสิ้นแท้ ไม่แลเหลียว
ปล่อยสาวนา หนาวลม ข่มผู้เดียว
มองรอยเคียว เกี่ยวฟาง ยิ่งว้างใจ
อุ่นอกเอยเคยกก กับอกอุ่น
ไอละมุน ขวัญชู้ เธออยู่ไหน
ท่ามตะวัน ดวงร้อน ยังอ่อนใจ
หรือคนไกล ลืม คำพ้อ ที่ล่อลวง
ทิพย์โนราห์ พันดาว