12 สิงหาคม 2550 21:59 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
ได้พบเจอ จันทร์แจ่ม ที่แรมร้าง
ให้สุดคว้าง จันทร์เขา มีเจ้าของ
หลงรอแสง จันทร์เจ้า เฝ้าหลงมอง
โดนเขาครอง เสียแล้วจันทร์ สุดหวั่นใจ
ไม่ตั้งใจ จะร้องไห้ ดอกจันทร์เจ้า
น้ำตาพราว หยาดลง คงไม่ไหว
ด้วยแสนเจ็บ ปวดตรม ขมหัวใจ
ยามจันทร์ไกล ใจคนเหงา ยังเฝ้ารอ
ดีใจด้วย จันทร์สุข ไม่ทุกข์โศก
สายลมโบก ฟ้าคราง ยังร้างหอ
รอจันทร์แจ่ม นวลตา มาเคล้าคลอ
หวังพนอ คงต้องห่าง ยอมร้างไกล
ยังคงเฝ้า มองจันทร์ ฝันถึงฟ้า
หวังบางครา จัทร์แรมรอน ย้อนมาใกล้
รู้ไหมจันทร์ ฉันยังห่วง ยอดดวงใจ
รอยอาลัย ไม่เคยจาง แม้ร้างเลือน
ทิพย์โนราห์ พันดาว
11 สิงหาคม 2550 21:05 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
........หากได้ยินคำลาจากของฟากฟ้า
พสุธาอย่างฉันไม่หวั่นไหว
คงเก็บกลั้นกลืนน้ำตารักษาใจ
คอยฝนใหม่กลบเกลื่อนช้ำให้ฉ่ำทรวง
แต่มิได้ยินเสียงสำเนียงฟ้า
พสุธาจึงคิดฝันอันใหญ่หลวง
ว่าจะอยู่ใกล้ฟ้าใช่ว่าลวง
ใจทั้งดวงให้ฟ้าว่าจะรอ
.......เหมือนสายฟ้าฟาดลงตรงกลางอก
น้ำตาตกอกฉันพลันอ่อนท้อ
ฟ้าไม่จริงดั่งคำเคยพร่ำคลอ
ใจเลยท้ออกเลยช้ำยามย่ำเดิน
มาวันนี้พสุธาไร้ค่าแล้ว
สิ้นเสียงแว่วของฟ้าคราห่างเหิน
เจ็บปวดร้าวระบมก้มหน้าเดิน
ร้าวเหลือเกินยามก้าวย่าง.....อ้างว้างใจ
ทิพย์โนราห์ พันดาว.
11 สิงหาคม 2550 20:29 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
อวลกลิ่นอายน้ำฝนปนน้ำค้าง
พัดพาพร่างดาวแซมแต้มสีอ่อน
เย็นลมดึกพัดผวาพาสั่นคลอน
หนาวอกอ่อนเวิ้งว้างอยู่กลางจันทร์
......................................ฝากความฝันฉันไปกับใจนก
......................................กลัววิหคหลอกลวงดวงใจฝัน
......................................ขอให้ถึงแผ่นฟ้าจงฝ่าฟัน
......................................ฝากรำพันเรียงร้อยถ้อยวลี
ฉันอยากไปสนทนาภาษาเศร้า
ฟังเธอเล่าเรื่องร้าวรานผ่านวิถี
อยากชมดาวริมระเบียงเสียงกวี
กล่าวบทที่ชอกช้ำเคยคร่ำครวญ
......................................ฉันอยู่ฝั่งฟ้านี้มิมีแล้ว
......................................ไม่เหลือแววกลิ่นอายเคยไห้หวล
......................................หนาวยะเยียบเย็นย่ำน้ำค้างครวญ
......................................หากได้หวลกลับคืนคงชื่นใจ
....................................................ทิพย์โนราห์ พันดาวเ
8 สิงหาคม 2550 19:27 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
คิดถึงดาวพราวแสงแรงใจฉัน
เพียงผูกพันดาวจ๋าอย่าหวั่นไหว
ด้วยอัดอั้นปั่นป่วนรัญจวนใจ
มิเห็นใครที่คิดถึงซึ้งเหมือนดาว
ยามดาวสุขดินก็สุขไร้ทุกข์ผ่าน
ยามร้าวรานดินอาวรณ์นอนใจหนาว
ยามดาวเจ็บดินปวดเหน็บเจ็บเหมือนดาว
ยามแหลกร้าวดินอาวรณ์เฝ้าถอนใจ
ถึงวันหน้าดาวร่วงจากทรวงฟ้า
แสงอัปราก็จะยอมถนอมไว้
ขอคำมั่นสัญญารักษาใจ
เพียงอยากให้ดาวซึ้งคิดถึงดิน
ทิพย์โนราก์ พันดาว
8 สิงหาคม 2550 19:12 น.
ทิพย์โนราห์ พันดาว
........วันกลับบ้าน.....
กลับถึงถิ่นก่อร่างสร้างกำเนิด
ถึงบ้านเกิดตะวันลับดับทิวไม้
มองดูเรือนหลังเก่าเหงามิคลาย
คิดถึงยายแม่เอ๋ยเคยเลี้ยงดู
ยายเคยสอนให้งามความเป็นหญิง
แม่สอนสิ่งดีงามตามขัดถู
ลูกของแม่หลานของยายได้เป็นครู
คอยอุ้มชูเยาวชนเป็นคนดี
...............................................................
.......ศาลาริมน้ำ.........
ศาลาเก่าคราคร่ำนังขานขับ
ร่ายบทรับเพลงไพรถิ่นไกลแสน
เล่าเรื่องราวร้าวใจในต่างแดน
สุขใดแม้นไม่เหมือนเยือนบ้านเรา
ณ ศาลาหลังเก่าอยากเล่าขาน
เป็นตำนานชีวิตใครในวัยเหงา
ที่ริมน้ำแห่งนี้มีผองเรา
พี่น้องเฝ้าเล่าขานตำนานใจ
..................................................................
........และถึงวันจากบ้านเกิด..กลับสู่บ้านใหม่..
เมฆกระจายรายรุมเป็นกลุ่มก้อน
วิหคร่อนบินลับกลับเคหา
แสงตะวันเลือนดับลับสายตา
มองนภาดาวเคียงเดือนช่างเลือนลาง
.......เหมือนตัวฉันวันนี้ที่เหว่หว้า
ริมธารานั่งมองใจหมองหมาง
เหมือนวิหคปีกหักพักริมทาง
สุดอ้างว้างอาวรณ์เฝ้าถอนใจ