19 พฤศจิกายน 2551 18:52 น.
ทิพย์ญาดา , วนาศิริ
เกิดเป็นคนเคยมีไหมก้าวไม่พลาด
เพียงอย่าขลาดปล่อยใจให้ขื่นขม
หากยอมแพ้อย่าหวังให้ใครชื่นชม
ไม่เคยล้มจะลุกได้อย่างไรกัน
18 พฤศจิกายน 2551 16:51 น.
ทิพย์ญาดา , วนาศิริ
เห่เอย.......เจ้าความฝัน
ชีวิตนั้นอยากเริ่มต้น
แสวงหาเจ้าตัวตน
เสาะค้นแหล่งเอื้อเพื่ออุ่นอิง
เพียงรอพายุสงบ
รอจะพบสรรพสิ่ง
ความงามตามเป็นจริง
จะงามยิ่งเป็นสมควร
เห่เอย.......เห่สะบัด
พริ้วลมพัดสะบัดรวน
ประดับจิตประครองใจด้วยใคร่ครวญ
จิตหลงป่วนปลิวไปกับสายลม
18 พฤศจิกายน 2551 16:39 น.
ทิพย์ญาดา , วนาศิริ
เพียงละอองความห่วงใยจากใจเขา
เพียงทอดเงาฉาบฉายมาให้ฉัน
เพียงเศษความหวังดีมีให้กัน
เพียงเสี้ยวฝันซีกใฝ่จากใจเธอ
โลกคงอบอุ่นไอไมตรีจิต
กระชับมิตรสนิทในใจเสมอ
สนองรักกระซิบใจไว้นะเออ
อย่าให้เผลอร่วงหล่นบนหนทาง
17 พฤศจิกายน 2551 20:06 น.
ทิพย์ญาดา , วนาศิริ
ดวงตาพร่าอาทรภมรหนุ่ม
สองใจซุ่มเห่อเหิมเติมไฟฝัน
ศรัทธากับกลิ่นไอไฟคนธรรพ์
ทุกวัยวันเพลิงพิษติดมายา
ปล่อยความรักเบ่งบานกลางม่านหมอก
รักผลิดอกฉันเป็นเช่นบุปผา
เขาเปลียบเหมือนภุมรินบินผ่านมา
ร่อนถลาเคล้าคลึงซ่านซึ้งทรวง
หอมดอกชู้ชูก้านบนลานรัก
ซึ้งตะหนักรักแนบแอบหวงห่วง
ระเริงหลงเร้าเร่งเพลงลมลวง
หลงติดบ่วงทั้งที่รู้มีภัย
ก้าวสู่ทางหนุ่มสาวเรื่องราววุ่น
โชนกลิ่นกรุ่นแฝงมนต์จนหวั่นไหว
อำนาจลับภมรร้างรักจางไป
ทิ้งดอกไม้อับเฉาเหงาฤดี
เป็นกุหลาบกลีบช้ำสิ้นไร้กลิ่นหอม
ถูกดมดอมหมดสิ้นทั้งกลิ่นสี
ดอกซ่อนชู้ตายเห็นเป็นราคี
ภมรหนีหลงไพรดอกไหนกัน
สมน้ำหน้าบุปผาว้าเหว่หนาว
ภมรห้าวเอมอิ่มยิ้มเยาะหยัน
จะให้ง้อขอรักคืนยังตื้นตัน
คนอย่างฉันหยิ่งพอไม่ง้อเธอ
17 พฤศจิกายน 2551 19:37 น.
ทิพย์ญาดา , วนาศิริ
ระริกระรื่น ชื่นฉ่ำคำเขาอ้าง
จะเสริมจะสร้าง ต่อไปให้กล้าเก่ง
สนับสนุนใ ห้ชั่วเพื่อตัวเอง
จะเร้าจะเร่ง บทใคร่ให้ชินชา
โชว์บทบาท มิพลาดมิพลั้ง ดังสนั่น
เก่งถึงขั้น มิหวั่นมิไหว ให้กังขา
เผยส่วนสัด อร้าอร่าม งามล่อตา
เป็นดารา เสนอสนอง ผองผู้ชาย
อยากเด่นดังเร็วก็ มิท้อมิถอย
เอาก้นคอยลอยรับ ขยับขยาย
ถึงใครรู้ความลับ มิอับมิอาย
หนึ่งในหลายข้อคิด สะกิดสะเกา