3 สิงหาคม 2548 19:15 น.

กลอนเพื่อเพื่อนคนนึง(ที่ไม่ชอบ)

......~ทิ~พ~ย์~.......

วิ ป ริ ต เ กิ น เ ห ตุ
 ผิ ด เ พ ศ เ กิ น ตั ว
  ไ ม่ มี ใ ค ร ก ลั ว
   เ พ ร า ะ มั น เ ป็ น วั ว ยั ก ษ์				
25 มีนาคม 2548 17:57 น.

มนต์กวี poem

......~ทิ~พ~ย์~.......

ยังคงฝัน..เพราะหัวใจยังห่วงหา
ยังคงฝัน..ทุกครากลัวรักสลาย
ยังคงฝัน..ถึงเสมอไม่เสื่อมคลาย
ยังคงฝัน..แม้มอบใจให้แก่กัน

    แม้จะรู้ว่าเธอรักมากแค่ไหน
แม้จะรู้สี่ห้องใจมีให้ฉัน
แม้จะรู้โลกทั้งใบมีให้กัน
แม้จะรู้.ก็ยังหวั่นว่ารักตรม

   เพียงแค่นี้..ก็เพียงพอต่อคำรัก
เพียงแค่นี้..แม้อกหักรักขื่นขม
เพียงแค่นี้..ก็คิดไปใจระบม
เพียงแค่นี้..ก็ชื่นชมแม้รักลวง..ฯ				
25 มีนาคม 2548 17:49 น.

~ไม่ไหม้~กับ~ไหม้ไหม้~

......~ทิ~พ~ย์~.......

มีวัยรุ่น  คนหนึ่ง  มานั่งร้าน
กะจะสั่ง  อาหาร  เอาจานใหญ่
แต่กลัวช้า  เหลือหลาย  ไม่ทันใจ
จึงสั่งไข่  เจียวไม่ไหม้  ให้เร็วพลัน

ฝ่ายคนรับ  คำสั่ง  ไม่นั่งคิด
เขียนเร็วสุด  ชีวิต  คิดเพียงนั้น
ส่งให้กุ๊ก  ทำเลย  เฉลยกัน
เพื่อให้ทัน  ใจลูกค้า  อย่าช้าเลย

ส่วนตัวกุ๊ก  เห็นรายการ  พานปวดหัว
ตาไม่ถั่ว  แล้วเรา  เฝ้าเปิดเผย
สั่งได้ไง  ไข่เจียวไหม้ไหม้  ไม่คุ้นเคย
แต่ไม่กล้า  จะเอ่ย  เฉลยมา

จึงได้ทำ  อาหาร  แล้วผ่านส่ง
ใจยังปลง  ในจิต  คิดหนักหนา
ส่วนตัวบ๋อย  ส่งต่อ  พอทันตา
โอ๊ยไข่เจียวข้า  ทำไม  มันไหม้จัง อิอิ				
16 มีนาคม 2548 16:46 น.

รวงข้าวสุดท้าย

......~ทิ~พ~ย์~.......

มองฟ้าครามยามบ่ายช่วงปลายฝน
ช่อมะม่วงดอกหม่นหล่นเป็นสาย
เหนือตำบลข้าวหลวงรวงพลิ้วพราย
กระจัดกระจายห่มหล้าท้องนานั้น

ลมฤดูบอกข่าวหนาวจะล่วง
ดอกจานจวงบานสะพรั่งทั้งบัวผัน
ตื่นมารับแสงสรรค์รังสิมันตุ์
เกี่ยวไออุ่นแห่งวันต่อฝันไป

ต้นเดือนสามฟ้าครามไกลในลิบลิ่ว
เมฆหม่นเอยจะปรอยปลิวสู่แห่งไหน
สู่ปลายยุ้งทุ่งข้าวของสาวไพร
ฝากทายทักข้าวใหม่ใครหุงคอย

เดี๋ยวแล้งร้อนเดี๋ยวหนาวเคล้าดอกฝน
แต่ความจนไม่เปลี่ยนเต็มเกวียนหงอย
หากทุ่งฝันบิดเบือนและเลื่อยลอย
อาทิตย์เอยอย่าเพิ่งคล้อยซบอกดิน

ฝนสั่งฟ้าลาดินใครสิ้นหวัง
เมื่อนกนาทิ้งรวงรังไปเสียสิ้น
ไปรวดร้าวข่าวว่าไม่พอกิน
ขายนาน้อยให้เหลือบริ้นถิ่นกรุงไกร

ให้คนเมืองหว่านไถในไร่สาว
ฝนเม็ดร้าวตกพรูสู่เนินไศล
สิ้นฝนหมองผองคนจนจวนสิ้นใจ
ปวดระบมตรมในไร่นาทาม

ใบกระถินแห้งเหี่ยวร่วงเกรียวกราว
ริ้วลมว่าวไล่ลอดยอดมะขาม
เห็นเมฆลอยคล้อยเกลียวใจเปลี่ยวตาม
คล้ายนิยามบ้านป่านาวิชน

ฝนหลงฤดูลาสายปลายเดือนแล้ว
ท้องนาแนวเหลืองสุกทุกแห่งหน
ลูกข้าวหลงเหลืองไสวในตำบล
หญิงชราครองตนเก็บขึ้นลาน

ไกลแสนไกลลิบลิ่วทิวฟ้าสูง
ลูกยางยูงปลิดลอยลู่สู่ห้วยหาน
กระโดนทุ่งแต่งช่อจะรอบาน
เมื่อนกเขากู่ขานสิ้นสนธยา

หญิงชราถือเคียวเกี่ยวลูกข้าว
ริ้วลมหนาวครืนสุดท้ายพัดพรายผ้า
ลึกในใจฝนหล่นคล้ายสายน้ำตา
ตกต้องฟ้าต้องดินสิ้นแรงรวง

ฝังความฝันคำนึงถึงใครหนึ่ง
ให้ลึกซึ้งจมดินสิ้นแหนหวง
เก็บรวงข้าวสุดท้ายไว้เสี่ยงดวง
เผื่อบวงสรวงขวัญค่าพาใครคืน

เมฆกระจายไม้ใบเริ่มไกวว่อน
นกคืนคอนเถิดหนาอย่าทนฝืน
สิ้นยุคทองชาวนาชะตาครืน
จะหยิบยื่นภูมิปัญญาทายาทใด

โอ้ฟ้าครามยามบ่ายปราดสายฝน
ทุกตำบลไร้รวงข้าวพราวไสว
จิตสำนึกตายถมสังคมไทย
หญิงชรากล้าสุดท้ายสิ้นใจแล้ว!				
24 มกราคม 2548 19:38 น.

~กลอนหวานๆ~

......~ทิ~พ~ย์~.......

ยามเหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
ข้างกายหามีใครไม่ เศร้า
เศร้า เหงา เหงา หัวใจ 
ไร้ซึ่ง ใคร ใคร เหลียวแล
ใกล้ ใกล้ น้ำตาไหลเอ่อ 
เผลอ เผลอ จะแอบร้องไห้ 
แสนเศร้าเพียงเขาจากไป 
ใส ใส น้ำไหลจากตา 
ใครเลยจะไม่เคยเศร้า 
ความเหงาไม่เคยมาหา 
อย่างน้อยก็มีบางครา 
ต้องมานั่งเศร้าเหงาทรวง 
ถึงแม้โลกนี้จะเศร้าแต่ 
เรายังคงมีหวัง อย่างน้อยใช่เราลำพัง
ต้องนั่งเศร้าเหงาคนเดียว				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ......~ทิ~พ~ย์~.......
Lovings  ......~ทิ~พ~ย์~....... เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ......~ทิ~พ~ย์~.......
Lovings  ......~ทิ~พ~ย์~....... เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟ......~ทิ~พ~ย์~.......
Lovings  ......~ทิ~พ~ย์~....... เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึง......~ทิ~พ~ย์~.......