9 กรกฎาคม 2546 11:48 น.
ทาโบะ
เป็นเวลาหลายวันแล้ว ที่เธอยังไม่กลับมายังที่แห่งที่นี้ ที่ซึ่งจะเป็นบ้านของเรา
ที่ซึ่งเธอเรียกมันว่า เรือนหอ ใช่แล้ว เรากำลังจะแต่งงานกัน ในอีกไม่นาน
บ้านนี้ฉันเป็นคนออกแบบ เป็นบ้านไม่มีประตู มีแต่หน้าต่าง(รู) เป็นช่องเอาไว้
เพื่อให้กระโจนเข้า-ออกเท่านั้น ตอนฉันบอกเธอ เธอยังยิ้มและพูดเบาๆว่า บ้า
ในที่สุดฉันก็ทำสำเร็จ แอบเรียกชื่อในใจว่า บ้านกระโจนพรวด
เราได้ทดลองเข้ามาอยู่ในบ้านแห่งนี้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
แต่แล้ว เมื่อกลางดึกสัปดาห์ก่อน ฉันกำลังนอนอย่างสบาย
แม้จะได้ยินเสียงโครมครามเป็นระยะๆ คาดว่าเธอคงนอนดิ้น
แต่แล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ฉันได้กลิ่นเหม็นอับ หายใจไม่ค่อยสะดวก
ได้ยินเธอตะโกนออกมาว่า ทนไม่ไหวแล้วโว้ย
แล้วเธอก็กระโจนพรวดออกจากบ้านไป
ฉันงุงงงทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วก็หลับต่อ คิดว่าเธอคงออกไปฉี่
แต่ทำไมต้องไปฉี่นอกบ้านด้วย ฉันก็ไม่รู้ ฉันเดาว่าเธอคงปวดมาก
ไม่น่าเชื่อ เธอหายนานเกินไปแล้ว เธอหายไปเลย
จนถึงวันนี้ วันที่ฉันยังเฝ้ารอเธออยู่ ณ บ้านแห่งนี้
วันนั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้เข้าไปทดลองนอนในบ้านประหลาดนั่น
เขาเป็นคนดีนะ แต่ออกจะเพี้ยนๆ ไปหน่อย ตั้งแต่คบกันมา
เขาดีกับฉันมาก ฉันเชื่อใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายฉัน
ฉันยังจำคืนนั้นได้ดี เรานอนกันตั้งแต่หัวค่ำ เขาหลับสนิท
คงแปลกที่ ฉันจึงนอนไม่ค่อยหลับ สักพักฉันได้ยินเสียง เป็นเสียงที่น่ารำคาญมาก
ใช่แล้ว เขากรน โฮกฮาก โฮกฮาก ฉันพยายามจะขยับตัว แต่ฉันทำไม่ได้
ลองยกแขนซ้าย ก็ไม่ได้ แขนขวา ก็ไม่ได้ ฉันตัดสินใจใช้แรงสุดตัว เหวี่ยงตัวเองหลุดออกมา
ใช่แล้ว ฉันนอนคว่ำนั่นเอง ตอนแรกนึกว่าผีอำเสียอีก ขนาดฉันพลิกตัวรุนแรงขนาดนั้น
เขายังหลับได้อย่างสบาย รักษาระดับเสียงกรนไว้อย่างเหนียวแน่น ฉันจึงนำถุงเท้าที่เขาถอดทิ้งไว้
มามัดต่อกันสองข้าง กางปิดปากปิดจมูกแล้วมัดพันกับหัวเขา คิดว่าคงสำเร็จ เขาเงียบไปสักพัก
ฉันจึงล้มตัวลงนอน ทว่า อีกไม่นานเขาก็กรนและเพิ่มเสียงกัดฟันขึ้นอีก โฮกฮาก โฮกฮาก ฟึดฟึด
ฉันหมดความอดทน น่าจะรู้ตั้งแต่แรกว่าคนที่เรารัก ดันนอนกรน ช่างทุกข์ทนทรมาน
ฉันลืมตัว ตะโกนออกไป ทนไม่ไหวแล้วโว้ย แล้วก็กระโจนพรวดออกไป
อาศัยนอนที่ศาลาวัดแถวๆนั้น รุ่งเช้าหลังจากตื่นนอน
ฉันนึกขึ้นได้ว่าตอนกระโจนออกมา ลืมแก้มัดถุงเท้าให้เขา
แย่แล้ว เขาคงอึดอัดน่าดู แต่แล้วพอฉันกลับเข้าไปดู มันก็สายไปเสียแล้ว .