16 ตุลาคม 2550 19:58 น.
ทาสกวีแลเทพธิดากวี
คำหนึ่งของจินตหรา
๑ รู้ทั้งรู้ว่าความรักจักเจ็บปวด
ไม่อาจอวดอ้างออกขึ้นเป็นหนึ่ง
แต่รักแล้วแล้วก็รักอย่างลึกซึ้ง
ใจจึงตรึงอยู่กับรักและระทม
๒ จะร้าวรานปานไหนไม่อาจหยุด
แม้สิ้นสุดเพียงร้างราในขื่นขม
มิใช่แล้ว ดวงแก้ว น่านิยม
ก็จะเป็นเพียงลมที่ผ่านเลย ฯ
๓ ไม่ใช่เพราะรักท่านหมดชีวิต
ไม่ใช่เพราะฟ้าลิขิตมิอาจเย้ย
ไม่ใช่เพราะจารีตอันคุ้นเคย
แต่เพราะใจขอสังเวยแด่ความรัก ฯ
๔ ให้ท่านรู้ว่ารักนี้ค่าสูงยิ่ง
ให้ผู้หญิงรู้ค่ารักนี้สูงศักดิ์
ให้ทั้งโลกรู้ค่าแห่งความรัก
ให้หัวใจข้าตระหนักค่า รัก ตน ฯลฯ
แด่ผู้รู้ 'ค่า' รัก
1 ตุลาคม 2550 00:44 น.
ทาสกวีแลเทพธิดากวี
๑ โอ...สาวเอ๋ย
บ่แม่นพี่บ่เคยฮักไผมาก่อน
บ่แม่นจะเฮ็ดสำออยให้ออนซอน
หรือกระเซ้าเว้าวอนให้ปลงใจ ฯ
๒ ตัวพี่บ่แม่นบ่าวบ้านนา
หนังสือหนังหาก็อ่านออกเขียนได้
จึงบ่เฮ็ดให้หลูโตนไผ
แต่มาเว้าอย่างจริงใจด้วยใจจริง ฯ
๓ พี่บ่แม่นบ่าวเมืองกรุง
สิได้มุ่งปรนเปรอบำเรอหญิง
ขอน้องเจ้าบ่ต้องหวั่นประวิง
อย่าฟ่าวทิ้งถอนใจไปจากกัน ฯ
๔ ความฮักพี่บ่แม้นฮักเพียงแรกพบ
แต่บวกลบพูนเพิ่มบ่แปรผัน
จากเป้นหมู่จนมากลายเป้นฮักกัน
สุคืนวันจนยากถอนเต็มที ฯ
๕ เจ้าว่าเจ้าบ่งามปานนางฟ้า
แต่ว่าเจ้างามกว่าไผในใจพี่
เจ้าว่าเจ้าบ่แม่นกุลสตรี
แต่เจ้ามีค่าล้ำจำนรรจา ฯ
๖ พี่บ่หมายให้เจ้าปลงใจมัก
แต่ให้รู้ว่าพี่รักเจ้าหนักหนา
ฮักที่บ่ต้องการตอบแทนมา
เพียงบอกเล่าเว้าว่าความหัวใจ ฯ
๗ หากน้องเจ้าสิอยากได้เดือนและดาว
พี่ก็สุดสิสาวหามาให้
เพราะพี่นี้มีแต่ดวงใจ
อยากให้เจ้าเก็บไว้นะแก้วตา ฯลฯ
ปล. ๑ เฮ็ด = ทำ
๒ สำออย = อ่อนแอ,น่าสงสาร
๓ ออนซอน = ห่วงใย,ห่วงหา
๔ หลูโตน = สงสาร
๕เว้า = พูด
๖ ฟ่าว = รีบ
๗ หมู่ = เพื่อน
๘ สุ = ทุก
1 ตุลาคม 2550 00:16 น.
ทาสกวีแลเทพธิดากวี
๑ แม้นความรักหนักหนาระอาอก
พี่ยอมตกเป็นของให้ลองเล่น
แม้นน้องน้อยหมายใจให้ตายเป็น
พี่ไม่เว้นยอมรับทั้งเป็นตาย ฯ
๒ หวังแต่เพียงเจ้าผูกรักสมัครตอบ
จะยอมมอบใจรักไม่หักหาย
จะอยู่คู่ค้ำฟ้าชีวาวาย
จงอย่าหายรักพี่นะขวัญตา ฯลฯ
11 สิงหาคม 2550 00:48 น.
ทาสกวีแลเทพธิดากวี
๑ ทุกถ้อยคำ พร่ำเผดียง เสียงลึกซึ้ง
เผยอารมณ์ จากก้นบึ้ง อันอ่อนไหว
เคลือบความหวาน ผสานรัก จากดวงใจ
เคลือบความนัยน์ ให้ใจเห็น เช่นใจรัก
๒ จะเปลือยใจ ไขอารมณ์ ให้ชมเล่น
จะแปลงถ้อย ร้อยประเด็น ให้ประจักษ์
จะเปลี่ยนทาส เป็นไท เปี่ยมใจภักดิ์
แปลงทุกข์หนัก เป็นทำนอง สนองใจ
๓ แต่ใจนี้ ราคา ไร้ค่านัก
ไร้คนรัก ไร้คนอ่าน มาขานไข
คำจะหวาน ความจะสูง สักปานใด
แต่ไร้ใจ ผสานใจ ก็ไกลเกิน.....
30 กรกฎาคม 2550 23:39 น.
ทาสกวีแลเทพธิดากวี
๑ ม่านน้ำเริงระบายเป็นสายฝน
ลมบนเริงระบำบนฟ้าหนา
หยาดทิพย์กลั่นรวงร่วงมา
กอดหล้าพ้อพลอดออดอ้อนกัน
๒ ลมฝนกอดเกี้ยวเรียวใบไม้
ซบไซร้ซาบซ่านหวานวสันต์
กระซิกกระซี้กับมาลีจู๋จี๋กัน
ผกาพรรณเผยอดอกหยอกพิรุณ
๓ หยาดน้ำตานางฟ้ามาอ่าโลก
โบยโบกหยาดทิพย์อบอุ่น
ประโลมเล้าเย้าหญ้าอย่างการุณ
สมดุลแต่นภาลงมาตฤณ
๔ หยาดพิรุณโอบอุ้มความชุ่มชื้น
รื่นรื่นรำเลบงเพลงถวิล
สุหร่ายรดหมดหล้าทั้งฟ้าดิน
ละเลงรินรากหญ้าอินทราลัย
๕ ฝนเอยคือหทยาสุดาแก้ว
เพริศแพร้ววิจิตรพิศมัย
โฉมงามทรามสงวนนวลละมัย
สถิตในแท่นทิพย์ฉิมพลี