26 มกราคม 2549 18:00 น.
ทัดหทัย
เหลืองสุพรรณิการ์จ้าอีกครั้ง
บานสะพรั่งพิมพ์ตาปลายหน้าหนาว
อวดกลีบฉ่ำน้ำค้างจนพร่างพราว
เริ่มเรื่องราวของวันฝันสวยงาม
พร้อมแดดสายปรายแสงมาแต่งสี
คือนาทีแห่งรักมาทักถาม
คนที่เฝ้าห่วงหามาทุกยาม
ส่งเสียงข้ามโค้งฟ้ามาโลมใจ
รินความหวานเติมวันอันอบอุ่น
ยิ้มละมุนจึงแต้มสองแก้มใส
แววตาเพียงดาวพร่างอยู่ข้างใน
คอยเงาใครทอฉานเต็มม่านตา
กระซิบจากฝ้ายคำย้ำว่าห่วง
แม้กลีบร่วงก็ไม่โรยแรงโหยหา
ฝากเยื่อใยโยงขวัญสุพรรณิการ์
เป็นสัญญาหัวใจเชื่อมไมตรี
เชื่อมแม่ปิงถึงฝั่งวังตะไคร้
ธารน้ำใจเราสองคนรักล้นปรี่
เหลืองลออทุกช่อนั้นเติมฝันดี
ปลอบใจที่แทบท้อการรอคอย
24 มกราคม 2549 10:33 น.
ทัดหทัย
พอรำเพยแผ่วพรมสายลมผ่าน
กังสดาลโมบายร่ายมนต์ขลัง
เป็นเพลงทิพย์แว่วไหวในภวังค์
ที่ยิ่งฟังยิ่งซึ้งเคลิ้มถึงเธอ
คิดถึงเสียงใสใสใครช่างอ้อน
กระซิบตอนหนุนตักว่ารักเสมอ
เปี่ยมความหวานแววตาเวลาเจอ
จนเฝ้าเพ้อโหยหาเวลาไกล
ฟังโมบายบรรเลงบทเพลงหวาน
ชดเชยการห่างกันลบหวั่นไหว
บอก รักนะ ยืนยันจนมั่นใจ
เพียงพอให้ดาวพร่างกลางแววตา
คำ รักนะ..รักนะ.. จะไม่เปลี่ยน
ช่วยกันเขียนและร่วมกันฝันเจิดจ้า
เสียงหวานจากโมบายเธอให้มา
ซาบซึ้งกว่าเสียงสวรรค์ร่ำบรรเลง
21 มกราคม 2549 08:18 น.
ทัดหทัย
แค่สะพานผุพังเชื่อมฝั่งฝัน
ที่เธอนั้นหยุดยืนในคืนเหงา
รอจนความเหนื่อยอ่อนผ่อนทุเลา
ก็ย่างเท้าจากไปไม่เหลียวแล
คือเส้นทางที่เผอิญต้องเดินผ่าน
จึงป่วยการคอยเธอเผลอแยแส
กับรอยเท้าจางจางกลางดวงแด
คงอยู่แค่เพียงวันฉันสิ้นใจ
อย่างสะพานเก่าเก่าเฝ้ารอเก้อ
เผื่อว่าเธอย้อนมาเวลาไหน
บางทีความทรงจำอันรำไร
อาจบอกให้เธอหยุดตรงจุดเดิม
8 มกราคม 2549 11:49 น.
ทัดหทัย
ฉันเป็นเศษไม้ซีกกระผีกริ้น
ที่ชาชินการต้องถูกมองข้าม
รออวดไฟอวดฝันอันงดงาม
หนึ่งวาบวามของชีวิตอุทิศตน
เผื่อประกายที่ก่อสานต่อเนื่อง
จะรุ่งเรืองโรจน์แรงสักแห่งหน
เมื่อแสงเทียนส่องทางกลางมืดมน
คงมีคนหวนคิดสะกิดใจ
เธอคือโคมที่อาจเคยขาดแสง
โลกกลั่นแกล้งคราวก่อนจนอ่อนไหว
ผ่านทุกข์ท้อรันทดเลยหมดไฟ
ซุกซ่อนในมุมอับหลืบลับเร้น
ไม้ขีดไฟก้านนี้ยอมพลีชีพ
จุดประทีปแห่งรักขะมักเขม้น
ทุ่มศรัทธาทั้งใจไม่เบี่ยงเบน
ให้เธอเด่นเพียงดาวพร่างพราวตา
ฉันก็เหมือนไม้ขีดไฟที่ใช้แล้ว
เพื่อเธอคือโคมแก้วเพริศแพรวจ้า
หากสมเพชเศษไม้ไร้ราคา
ช่วยย้อนมาเผาให้ไหม้เป็นจุณ