30 ตุลาคม 2548 11:38 น.
ทัดหทัย
หัวใจเต้นตึ้กตั้กเกินหักห้าม
แอบข่มความประหม่าต่อหน้าขวัญ
นึกเรียงร้อยถ้อยคำเพื่อจำนรรจ์
กลับตีบตันจนต้องแค่มองตา
จะเอ่ยปากออกไปอย่างไรหนอ
ทั้งใจฝ่อหวาดหวั่นเสียงสั่นพร่า
ลืมไปหมดทุกคำท่องจำมา
เหลือ เอ้อ..อ้า..อ้ำอึ้งกึ่งเขินอาย
คนเดิมพันด้วยหัวใจไม่อาจเสี่ยง
โอกาสเพียงหนึ่งหนห้ามหล่นหาย
ในยิ่งกว่าช่วงนาทีชี้เป็น-ตาย
ยังไม่วายก้มหน้าหลบตาเธอ
ฝากความหวังทั้งหมดกับบทนี้
เผยเหตุที่ฉันทำเหมือนป้ำเป๋อ
แม้ยามหลับทุกครั้งยังละเมอ
คำที่เพ้อ ? ที่รักจ๋า..มาฟังเอง
24 ตุลาคม 2548 19:59 น.
ทัดหทัย
อ่านแววตาของฉันให้มันแจ้ง
มันแจกแจงบึ้งใจแบบไม่เฝือ
ไม่ฟุ่มเฟือยถ้อยคำทำคลุมเครือ
คลุมครบเนื้อควรเน้นว่าเช่นไร
เช่นรอทัก รักเธอ มิเพ้อพล่าม
เห็นแววความอาทรสะท้อนไหม
แค่สบตาเปิดหน้าต่างเผยกลางใจ
ก็เงาใครชัดแจ๋วกลางแววตา
รักจริงจังจริงใจไม่ซ่อนเงื่อน
ไม่บิดเบือนปนเปเล่ห์ภาษา
ทุกแง่งามความหมายฉายออกมา
จะมีค่าแค่ไหน....โปรดใคร่ครวญ
22 ตุลาคม 2548 08:34 น.
ทัดหทัย
แน่ะ..ความรักกวักมือเห็นหรือไม่
แล้วหัวใจยังว่างบ้างหรือเปล่า
ลองทบทวนความรู้สึกอย่านึกเอา
คนแสนเหงากำลังคอยฟังเธอ
ด้วยจิตใจไหวหวั่นจนขวัญผวา
อยากบอกว่าหวาดนักกลัวรักเก้อ
เป็นเพราะบุญหรือกรรมนำมาเจอ
รักจนเพ้อจนพร้อมยอมจำนน
แน่ะ..ความรักกวักมือเห็นหรือไม่
อย่าปล่อยให้คอยกับความสับสน
โอบอุ้มทาสความรักไว้สักคน
แค่แทรกบนที่ว่างกลางใจเธอ
16 ตุลาคม 2548 09:20 น.
ทัดหทัย
อยากทอทิพย์ถักคำที่ฉ่ำฝัน
แขวนตะวันจันทร์ดาวจนพราวสรวง
เจือทะเลด้วยรักให้ตักตวง
แล้วเชิญดวงดอกไม้ร้อยไมตรี
เอาน้ำผึ้งแทนหมึกจารึกถ้อย
แต่งแต้มรอยรุ้งรายระบายสี
รินความหวังความหวานสายธารกวี
เอื้อนวลีฉะอ้อนร่ำคอยกำนัล
แทรกรู้สึกลึกสู่วิญญูภาพ
พร้อมเอิบอาบอาทรเว้าวอนขวัญ
กระซิบเสียงเจรียงคำคล้องสัมพันธ์
ว่าหมายมั่นสม่ำเสมอเธอผู้เดียว
อัปสรแห่งอักษรฟ้อนลีลาศ
ปล่อยกระดาษหัวใจไร้ใครเหลียว
ใครหนอมีเมตตามากลมเกลียว
ลบทุกเสี้ยวส่วนหมองของอารมณ์
ฤดูหนาวเริ่มกรายทอสายหมอก
หนาวทั้งนอกทั้งในเกินใจข่ม
ยิ่งดึกนี้น้ำค้างช่างพร่างพรม
ใครจะห่มเยื่อใยให้อุ่นทรวง
อยากทอทิพย์ถักคำที่ฉ่ำฝัน
แขวนตะวันจันทร์ดาวจนพราวสรวง
แต่ในห้วงคำนึงใจหนึ่งดวง
มันเปล่ากลวงฝันเก้อเพราะเธอไกล
7 ตุลาคม 2548 14:48 น.
ทัดหทัย
พอระบำโมบายกรีดกรายฟ้อน
คีตกรเปลือกหอยคอยกล่อมฝัน
เสียงซึ้งซึ้งใสใสใต้แสงจันทร์
คล้ายดนตรีที่คนธรรพ์ร่วมบรรเลง
แล้วลำนำบทหนึ่งจึงถูกเขียน
ทำนองเนียนละมุนละไมไม่เร้าเร่ง
แทรกเสียงจากหัวใจในบทเพลง
เพื่อจะเปล่งคำเรียกร้องของหัวใจ
วานโมบายบอกเธอว่าเพ้อถึง
เฝ้าคำนึงปรารถนามาอยู่ใกล้
ระหว่างวันเวิ้งว้างความห่างไกล
นานแค่ไหนกันหนอการรอคอย
"รักแล้วนะ..รักแล้ว" เพลงแว่วหวาน
ทุกลมผ่านรำเพยเหมือนเอ่ยถ้อย
โมบายร่ำจำเรียงเพียงใจลอย
เผลอละห้อยโหยหา......น้ำตาคลอ