26 ตุลาคม 2548 12:23 น.
ทะเลใจ
อ่ะแฮ่ม ...... สวัสดีทุก ทุก ท่านเจ้าค่ะ ..
อาจจะมีบางคนสงกะสัยว่าเจ้า ทะเลใจ มานหายไปไหน ตั้ง 3 - 4 วัน
( อันนี้สมมุติว่ามีคนสนใจ หุ หุ )
วันนี้ก็เลยกลับมาเฉลย ว่า ข้าพเจ้า ไประนองถิ่นคนน่ารักมาจ้า
โดยมี พี่ตูน ผู้หญิงไร้เหงา เป็นไกด์รับเชิญ หรือจะพูดอีกทีก็เจ้าของบ้านนั้นเองครับท่าน
ทะเลใจใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ระนอง ตั้งแต่ 21 นาฬิกา ของวันที่ 21 ตุลาคม
และไปถึงระนองเวลาประมาณ 05.30 กว่า ๆ ของวันที่ 22 ตุลาคม โดยมีพี่ตูน ( ผู้หญิงไร้เงา) ไปรับที่ท่ารถ
และไปเก็บกระเป๋าที่บ้านพี่ตูนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากท่ารถสักเท่าไหร่
ไปถึงบ้านได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พี่ตูนก็ได้รับโทรศัพท์ของพี่ชายทะเลใจว่า
ตอนนี้มาร่วมทัพโดยการรอที่ท่ารถทัวร์ พี่สาวใจดีของเราก็ออกไปรับ
พอพักกันหายเหนื่อย ( หลับไปครึ่งวันกว่า ๆ ) คุณพ่อและคุณแม่ของพี่ตูนน่ารักมาก ๆ
ท่านพาทัวร์ระนอง กินลมชมวิวไปให้อาหารปลาและปล่อยปลากันที่วัด ..
ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ จะนำมาเล่าให้อีกที ตอนนี้ขอพาไปชมบรรยากาศของระนองก่อนล่ะครับทั่นผู้ชม
*^____________^*
8 ตุลาคม 2548 10:21 น.
ทะเลใจ
ในบางครั้งที่คนเราไม่สบายใจ ทุกข์ใจ เครียด
กับปัญหามากมายที่ต้องเผชิญ ..
มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ถูกกลืนหายไปในความทุกข์ทั้งหลายคือรอยยิ้ม ..
แต่ฉันอาจจะเป็นคนที่แปลกอยู่สักหน่อยเพราะว่า
ถึงฉันจะทุกข์แค่ไหน ฉันก็ยังยิ้มได้
ถึงแม้จะยิ้มทั้งน้ำตาก็เถอะ ... เพราะฉันรู้สึกว่าการยิ้มทำให้คนรอบข้างเขาสบายใจ..
และฉันก็รู้สึกดีด้วย มีหลายต่อหลายครั้งที่ฉันโกรธคนที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดี
หรือว่าพูดจาแรง ๆ ใส่ แต่ว่าเขาจะผิดหวังกับการที่ฉันไม่หน้าบึ้งใส่
แต่ฉันกับยิ้มรับให้ และคำพูดติดปากเสมอ
"อื่ม แล้วไงต่อ" จนตอนนี้ไม่ว่าที่ทำงานหรือว่าเพื่อน
ก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากทำให้ฉันโกรธ เพราะเค้าจะโกรธแทน
อ้าว ! มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ ที่ยิ้ม เพราะหากว่าฉันหน้าบึ้งใส่
ในหลาย ๆ ครั้งอาจเกิดการตัดขาดความสัมพันธ์
ระหว่างฉันและคนคนนั้นได้ แต่ว่ามันก็มีบ้างที่หลุดทำปฏิกริยาโต้ตอบ
เมื่อมีออกไป ใช่ ! มันเป็นอย่างที่ฉันคิด
คือเขาจะเงียบ เพราะเขารู้ว่าฉันเอาจริง ถ้าหากได้แสดงออกแล้วว่าไม่พอใจ
คือความอดทนฉันสิ้นสุดลง แต่ว่า แห่ะ แห่ะ จะว่าไปแล้ว
นับคนได้มั้งที่แสดงปฏิกิริยาแบบบนั้นออกไป
บางครั้งที่ใครหลาย ๆ คนถามฉันว่า ทำได้ไง เครียดจะตาย
ยังยิ้มอยู่อีก เห่อ ! ถ้าหากสถานะการณ์ตึงเครียด
ฉันไม่ยิ้มแล้วใครจะเป็นคนทำลายบรรยากาศอันแสนโหดร้ายไปได้
ฉันก็เลยถามเขาไปว่า ระหว่างฉันยิ้มกับร้องไห้
จะเลือกให้ทำสิ่งไหนในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าจะให้ร้องไห้ได้เดี๋ยวจะร้องให้ดูเพราะว่าฉันเองก็อยากร้องไห้เหมือนกัน
ใครบ้างที่อยู่ในภาวะที่อัดอัดและตึงเครียดแล้วไม่อยากร้องไห้ แต่ในเมื่อไม่มีใครทำลายบรรยากาศอันหน้ากลัวนี้ไป ฉันก็ต้องเป็นคนทำ
หรือเป็นเพราะว่าด้วยความเป็นลูกคนโต สัญชาตญาณการปกป้อง
ไม่ว่าคนที่วุฒิภาวะสูงกว่าหรือว่าน้อยกว่าฉัน ฉันก็จะพยายามที่จะเข้าไปดูแล
ความรู้สึก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ขอสักนิดทำให้เขายิ้มได้
แต่จะว่าไปมีคนคนนึงที่โชคร้ายมาก ๆ ที่ฉันร้องไห้และระบายความไม่สบายใจ
ออกไปให้ฟังบ่อย ๆ แต่เค้าก็ไม่บ่นหรือว่าสักคำ
กับเป็นห่วงซะด้วยซ้ำไป เขาเป็นคนเดียวจริง ๆ นะ ให้ตายสิ! คนอะไรก็ไม่รู้
ทนให้เราพูดฝ่ายเดียวเป็นชั่วโมง ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคย
ที่จะพูดให้ใครฟัง แต่กับเขา เขารู้ในความเป็นฉันมากที่สุดในตอนนี้
เขาเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายที่แสนดีของฉัน
และเขามีรอยยิ้มให้กลับฉันเสมอ เหมือนกับสิ่งที่ฉันให้คนอื่นกำลังกับมาหาฉัน
โดยให้เค้าเป็นตัวแทน ..
และรอยยิ้มที่ฉันมี จะมีเสมอ แม้ว่าจะน้ำตาไหลเอ่อ ก็ตามที
ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากมายกับเพื่อนที่ฉันคบอยู่ ...
ฉันขอเพียงแค่ รับรอยยิ้มที่มีความเป็นห่วงเป็นใยที่ฉันมีให้เขาก็พอ
ถึงแม้เขาจะไม่ยิ้มตอบให้ฉันก็เถอะ ....
6 ตุลาคม 2548 13:55 น.
ทะเลใจ
คำถามที่ดังก้องอยู่ในความทรงจำยามคิดถึงใครคนหนึ่งเกิดขึ้นกับใจเสมอคือ
ที่ผ่านมา "เรา....รักกันหรือเปล่า" มันเป็นคำถามที่ฉันไม่อยากได้คำตอบ
เพราะกลัวคำตอบจากปากของเขาว่า "พี่ไม่ได้รักเรา" มันจะยิ่งมาทำให้ใจที่เจ็บ
จะยิ่งทวีความเจ็บเข้าไปอีก ฉันเลยต้องจบคำถามนี้ไว้จนกระทั่ววันหนึ่ง
เดินเข้าร้านหนังสือไปสะดุดตาหนังสือ " หรือเรา......ไม่ได้รักกัน
เลยซื้อติดมือกับบ้านไปด้วย นั่งอ่านไปเรื่อย ๆ ยอมรับว่าชอบทุกบทและทุกตัวอักษร
ประทับใจมาก ๆ อย่างบท "ภาพเงาที่ฉายชัด เขาเขียนไว้ว่า
" บางเวลาที่ท้องฟ้ากว้างกว่าเก่า และบรรยากาศรอบตัวอ้างว้างเงียบเหงามากกว่าเดิม
มันเป็นเวลาที่หัวใจมักเพรียกพร่ำเอ่ยชื่อเขา อยากให้เขามาอยู่ใกล้ ๆ กุมมือ.........
โอบกอด...... เหมือนอย่างในวันเก่า"
บ่อยครั้งที่อยากเจอหน้าเขา.....อยากไปหา...
หรืออย่างน้อย แค่โทร.ไปให้ได้ยินเสียงก็ยังดี
แต่ฐานะ "คนของอดีต" เป็นดั่งโซ่ตรวนพันธนธนาการ
ความรู้สึกของหัวใจได้หักห้ามเอาไว้ ด้วยเหตุผลที่ว่า "มันไม่ควร"
เราไม่ควรจะต้องพบกันอีก
ไม่ควรแม้แต่จะโทร.ไปหาให้เขาระคายหู
ด้วยฉันเองก็รู้ดีว่า ความคิดถึงและโหยหา
เป็นเพียงฉันฝ่ายเดียวที่รู้สึก
และเขาก็ไม่เคยมารู้สึกอะไรด้วยแม้สักนิด
จึงจำต้องเก็บทุกความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในอก
เก็บ...และกด...มันลงไปให้ลึก...จนร้าว... ไปหมดทั้งหัวใจ
ฉันโศกกับความเศร้า แต่ก็ไม่อาจบอกใครได้
เพราะคงไม่มีใครเข้าใจ
ฉันแอบรอ....แอบหวังว่าสักวัน....เขาจะกลับมา ที่รู้ดีว่าไม่มีวันนั้น
หลายครั้งที่ความรู้สึกฉันพูดคุยกับเขา
เล่าเรื่องราวความเป็นไปของชีวิตฉันให้เขาฟัง
รำพึงรำพันถึงความเหงาในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตให้เขาฟัง
ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่อยู่....ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ได้ยิน
ทุกคนกล่าวย้ำกับฉัน....ว่าเขาจากไปแล้ว
ใช่ ..... ฉันรู้ดคว่าเขาจากไปนานแล้ว และฉันก็รู้เหมือนที่คนอื่นรู้
ว่าการกระทำที่เขามีต่อฉัน มันเป็อาการของคนที่หมดรัก
แ ล ะ ไ ม่ เ ห ลื อ เ ยื่ อ ใ ย
อ่านก็รู้ว่านี่แหล่ะฉัน .... ในวันเก่า ....
มาวันนี้ก็ต่างไปเพียงเพราะว่าฉันทำใจอยู่กับความจริงว่าเขารักคนอื่น
ตอนนี้ถึงแม้ไม่สุขมากมายแต่ก็ไม่ได้ทุกข์เช่นวันเก่า ๆ ...
หลาย ๆ เรื่องราวที่อยากเขียนแต่ไม่กล้าเขียน เพียงเพราะว่ามันกระทบใจ
แต่พอนานเข้าก็เริ่มชินกับการที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ วันนี้หยิบหนังสือเล่มนี้
ติดมือมาอ่านที่ทำงานด้วย ... อ่านแล้วก็ยิ้ม เพราะอย่างน้อย ๆ ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่
เคยรู้สึกว่าการจากไปของคนที่รักมันทรมาน และอย่างน้อย ๆ ทอฝันและฉันรู้สึกเช่นเดียวกัน
คือ เมื่อวานทุกข์เพราะรักจากไป แต่วันนี้สุขกับการอยู่กับความรักที่จากไปเพียงเพราะ
ทำใจอยู่กับความรักของตัวเองโดยไม่มีเขาอยู่ และคำพูดพี่สาวที่น่ารัก "ผู้หญิงไร้เงา"
"ก็อย่าคิดว่าเขาจากไปสิ ให้คิดว่าตอนนี้เขาไปเที่ยวหรือไปทำงานที่ไกล ๆ แล้วยังไม่กลับมา
หากเหงาก็คิดว่าเขายังอยู่ข้าง ๆ แล้วเราก็จะมีความสุขในแบบของเรา"
ฉันเชื่อ และเชื่ออย่างที่สุด ทุกวันนี้ถึงเขาจะไป แต่ไปเพียงแค่ตัวและหัวใจ
แต่เงาของเขายังอยู่ข้าง ๆ ใจ ของฉันเสมอ
....และหากวันนั้นคุณไม่ได้เดินไปจากชีวิต วันนี้ฉันก็ยังไม่สามารถโตและก้าวไปด้วยตัวเอง
ขอบคุณที่จากไปพร้อมกับการสอนให้ฉันได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง จากขึ้นรถเมล์
รถแท็กซี่ ไม่เป็น กับทำซะมันกลายเป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน และพี่ปราย กอกก ...
ปลอบใจในช่วงที่แย่ว่า สิ่งที่เลวร้ายย่อมมีสิ่งดี ๆ ซ่อนไว้เสมอ ฉันเชื่อค่ะว่าเป็นความจริง ...
24 กันยายน 2548 12:22 น.
ทะเลใจ
เมื่อวานช่วงเที่ยง ๆ เอมเปิดหาข้อมูลทำงานแล้วเกิดไปเจอเวปเกี่ยวกับตัวการ์ตูนต่าง ๆ
หนึ่งในนั้นเอมเห็นอัศวินที่เอมชื่นชอบในสมัยเด็กอยู่เลยคลิกเข้าไปดู
เห็นแต่ละภาพ ความทรงจำเกี่ยวกับอัศวินของเอมมันปรากฎมากมาย
การ์ตูนเรื่องนี้ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อความคิดของเอมพอสมควร
เพราะเขาคือแบบอย่างของเอมในตอนนั้น
และนิสัยส่วนหนึ่งของเอมติดมาจากตัวเซเลอมูน
คือความรู้สึกที่มีต่อคนรอบข้างเขาค่อนข้างจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี
ซุ่มซ่าม ขี้ลืม เรียนไม่เก่ง ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ( แต่เอมชอบนะคะ )ในด้านความรักเขามั่นคงกับคนรักเขามาก ๆ
แต่ก็หวงสุด ๆ เหมือนกัน งอแงบ่อย ๆ เวลามีใครเข้ามาใกล้คนรักของเขา
ส่วนอัศวินของดาวต่าง ๆ เอมจำไม่ค่อยได้ที่จำได้อีกคนนึงก็คือ วีนัส วีนัสจะเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในบรรดาหมู่อัศวินด้วยกัน
ยิ้มน่ารักมาก ๆ เป็นคนจิตใจดี มองโลกในแง่ดี ละเอียดรอบคอบ ค่อนข้างอ่อนไหว ขี้อาย
เห็นแล้วเอมสบายใจจังค่ะ....
และเอมเชื่อว่า .... ทุกคนมีตัวการ์ตูนที่เป็นอัศวินในใจกันทุกคน ....
มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะว่าใครมีอัศวินในใจเป็นใครบ้าง
*^____________________________ ^*
17 กันยายน 2548 16:33 น.
ทะเลใจ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ... เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้นทำให้ฉันต้องลืมตา
แล้วคว้านหามือถือ กดปุ่มปิดนาฬิกาปลุก
"เช้าไวจัง" ฉันบ่นพรึมพรำก่อนจะเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าไปอาบน้ำ ....
ผ่านไป 20 นาทีเดินตัวเปียกโชกก่อนปลุกพี่สาวที่ยังหลับซุกตัวในผ้าห่ม
"พี่การ พี่การ ตื่นได้แล้วจะตีห้าครึ่งแล้วนะ"
"อือ......" เสียงอู้อี่ของพี่สาวดังขึ้นก่อนสะบัดผ้าห่มออกจากตัว
"กิ่ง เดี๋ยวรอพี่ด้วยนะเดี๋ยวพี่ไปส่ง" เสียงพี่การพูดก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ
"จ๊ะ" ตอบก่อนจะเดินไปแต่งตัว ....
- - - - - -
"พี่การ หกโมงแล้วพี่เร็ว ๆ มานี่เดี๋ยวกิ่งมัดผมให้" เสียงกิ่งเร่งพี่สาวพร้อม
สาละวนรวบผมให้มองหาโบว์ผูกผมสีชมพูเส้นโปรดของพี่สาว
"พี่การพิงค์ไปไหนแล้วล่ะ" เสียงกิ่งถามขึ้นเมื่อหาโบว์ผูกผมไม่เจอ
"พี่ขอยืมของกิ่งก่อนได้หรือเปล่าพอดีพี่ไม่ได้เอามาจากที่ทำงาน"
"ได้ค่ะ" กิ่งตอบรับก่อนจะหยิบโบว์ผูกผมสีฟ้ามามัดให้พี่การ
"ป๊ะ กิ่งเสร็จแล้ว วันนี้ดูท่าทางฝนจะตกนะ เอาร่มไปด้วยนะกิ่ง" พี่การพูด
พร้อมลุกจากโต๊ะเครื่องแป้งหยิบกระเป๋า และร่ม จับมือกิ่งเดินลงไปในลานจอดรถ
"กิ่งวันนี้อย่ากลับดึกมากนะ เดี๋ยววันนี้เราไปหาอะไรกินกัน" พี่การหันมาพูด
กับกิ่งเมื่อขึ้นไปนั่งในรถฝั่งคนขับพร้อมสตาร์สรถ
"ไม่อยากรับปากเลยค่ะ พี่การก็รู้ว่าพักนี้กิ่งยุ่ง" กิ่งหันไปพูดกับพี่การด้วยน้ำ
เสียงอ่อย ๆ
"กิ่งก็เป็นซะแบบนี้หน่ะ รู้หรือเปล่าพักนี้เราดูโทรม ๆ นะรู้ไหม หึ พักสักหน่อย
ก็ได้นะ" พี่การพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"ก็รู้ค่ะพี่การ แต่งานก็คืองานนะคะพี่" กิ่งตอบด้วยน้ำเสียงเบากว่าเดิม
"อื่ม ให้มันได้อย่างนี้สิน้องฉัน ตามใจแล้วกัน" พี่การพูดด้วยน้ำเสียงงอน ๆ
"อ่ะนี่พี่มีอะไรให้ฟัง" พี่การพูดพร้อมเอื่อมมือไปเปิดซีดี
http://music.siamza.com/music.php?k=64K&id=1520
กิ่งอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าพี่การจะค้นหาเพลงนี้มาเปิดอีกครั้ง เพราะหลายต่อหลายเดือนที่พี่การล้นวาจาไว้ว่าเพลงนี้จะเป็นเพลงต้องห้ามสำหรับกิ่ง
"พี่การ...." กิ่งเรียกชื่อพี่สาวเบา ๆ ก่อนหันหน้าไปมองด้วยน้ำตาเอ่อขอบตา
"กิ่ง พี่รู้แต่พี่มาคิดดูอีกทีถ้าหากว่าพี่ไม่ให้กิ่งเผชิญกับมันกิ่งก็จะร้องไห้แบบนี้เรื่อย ๆ พี่รู้นะที่กิ่งโหมทำงานเพราะว่าไม่อยากมีเวลาว่างคิดถึงคนคนนั้นหน่ะ" พี่การพูดจบก็เอื้อมมือมากุมมือกิ่งไว้ให้กำลังใจ กิ่งพยักหน้ารับ
"ค่ะพี่การ แต่ฟังทีไรมันก็ทำให้คิดถึงทุกทีนะ แต่ไม่เป็นไรค่ะกิ่งจะพยายามทำให้เป็นเรื่องปกติ งั้นเย็นนี้กิ่งจะไปกินข้าวเย็นกับพี่นะ"
"จ๊ะ" พี่การยิ้มให้ ก่อนจะพูดต่อซะยืดยาว
"ต้องแบบนี้สิน้องสาวพี่ เอ้าน่าอกหักดีกว่ารักไม่เป็น ไหน ไหน ก็ไหน ไหน แล้วก็ลองครบกับใครที่ตามตื้ออยู่ดูพี่ว่าก็ดีเหมือนกันนะกิ่งจะได้ไม่เหงาแล้วอีกอย่างกิ่งจะได้ไม่ต้องโดนถามเมื่อไหร่จะมีแฟน เห็นหน้างอทุกทีล่ะเวลาคนถาม"
"พี่การก็" กิ่งหันมาค้อนให้ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา
"ไม่เอาหรอกค่ะ พี่การก็รู้ว่ากิ่งเป็นยังไง ตัวอย่างก็เห็นมาแล้วไม่ใช่หรอคะว่าผลมันออกมาเป็นไง ไม่สงสารเขาม้างหรอ" กิ่งพูดพร้อมรอยยิ้ม..
"จ๊ะสงสารก็ได้ค่ะสาวน้อยของพี่ เดี๋ยวเอาซีดีแผ่นนี้ไปด้วยนะเพราะแผ่นนี้มีแต่เพลงนี้อ่ะพี่ขี้เกียจฟัง" พี่การพูดไปยิ้มไป
"โห๊..... พี่การจะให้กิ่งฟังแต่เพลงนี้อ่ะนะ เดี๋ยวเกิดอาการโรคเพลงย้ำกำเริบมองอะไร ๆ ก็มีแต่เพลงย้ำล่ะทำไงละงานนี้" กิ่งอุทานเสียงดัง
"อ้าว มันก็เรื่องของกิ่งไม่เกี่ยวกับพี่ซะหน่อย" พี่การทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ก็ได้ ๆ ๆ ๆ ยังไง ๆ เย็นนี้นะกลับไปกิ่งก็จะเปิดแต่เพลงนี้ให้พี่การฟัง"
"เฮ้ยไม่เกี่ยวกะฉันนะ ไม่เอา ไม่เอา" พี่การส่ายหน้าปฏิเสธ
"จะเปิด"
"ไม่เปิด"
"จะเปิด"
"ไม่เปิด"
กิ่งและพี่การผลัดกันพูดจนในที่สุดก็หัวเราะพร้อมกันด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งกว่าทุกวันที่ผ่านมา
กิ่งมองออกไปนอกรถด้วยหัวใจที่พร้อมจะสู้กับความรู้สึกข้างในที่หนีมานาน กิ่งหันหน้าไปยิ้มให้พี่การ
พร้อมคำขอบคุณเบา ๆ ๆ
..........