13 ธันวาคม 2550 18:46 น.
ทองหยิก
สักกะวาหน่าหนาวบ่าวนอนเถียง
บ่มีคูมาเคียงเทิงเถียงน้อย
ผ้าขาวม้าหนุนคอถ่ารอคอย
สาวซ่ำน้อยย่างกายยามกลางคืน
นอนคนเดียวเปลี่ยวใจอี่หลีแท้
มีเพียงแต่ควายบักตู้อยู่ดึกดื่น
เป็นหมู่ข้อยคอยยิ้มให้สดซื่น
ทุกค่ำคืนหัวใจข้อยเศร้าระทม
หลับบ่หลับกะคุมหลับจนว่าหลับ
เอาความเมื่อยคอยดับความขื่นขม
นอนหมุ่นไปหมุ่นมาย้อนทุกข์ตรม
มันระทมแท้แท้ใจผู้บ่าวน้อย
สาวบ่มาย่างกายให้ได้เห็น
หนาวจนเย็นฮอดใส้จนท้อถอย
อยากแท้เด้มีผู้สาวมาสำออย
นอนเคียงข้อยอยู่เทิงเถียงจนซอดแจ้ง
สักวาหน่าหนาวสาวบ่มี
นอนบ่ดีจักกะหน่อยข่อยหน่ายแหนง
เถียงนาน้อยคอยผู้สาวมาเบิ่งแงง
จนสอดแจ้งกะบ่มีเงาผู้สาวเลย
เดี๋ยววันหลังมาแปลให้ฟังนะครับบบบบ.... งงกันเล่นๆไปก่อน หรือใครมีฌาณวิเศษก็เชิญแปลเป็นกลอนม่วนๆ(เพราะๆ)ให้คนอื่นฟังไปก่อนก็ได้ ไม่ว่ากัน :)
4 ธันวาคม 2550 21:33 น.
ทองหยิก
หอมอรุณกรุ่นกลิ่นระรินหลา แผ่ลงมาจากสรวงทบวงสวรรค์
แทรกกระทบบริวารบวรบรรณ์ เจิดจรัสจัดสรรทั่วถิ่นแดน
ผิจะกล่าวหนาวนี้หนาหน้าหนาว เหล่าหนุ่มสาวเหงาหงอยเศร้าสร้อยแสน
คราคนรักจักต้องห่างไปต่างแดน หนาวสุดแสนเศร้าสร้อยหงอยหทัย
เสียงไก่โห่รับขวัญตะวันรุ่ง แต่หัวใจข้าเหงางุ้งเจ้ารู้ไหม
สายตะวันแทรกสอดลอดฟ้าไกล แสงตะวันปาดหัวใจด้วยไฟเปลว
ลมแห้งแห้งพริ้วโพกโบกทิวสน หัวใจคนจักสลายละลายเหลว
อยากจะฉุดหยุดสาวเจ้าคนเลว จะจากจรหนุ่มเอวบางไปทางใด.
there is the short story i've written here--- http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story8802.html