24 กันยายน 2549 22:32 น.
ทวารวดี
ตอนที่ 11 คำเตือนจากองค์เทพแห่งแผ่นดิน..
วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
เป็นการเตือนสติคนไทยทั้งหมด
ว่า......
เวลาแห่งความสุขสนุกสนานไกล้หมดแล้ว
คนไทยจากทั่วทุกถิ่น รู้ตัวและเตรียมตัวหรือยัง......
เริ่มจากตัวเอง
รับผิดชอบชีวิตตนเองได้ด้วยตนเอง....
ประหยัดอดออม
ใช้ทรัพยากรของประเทศและของโลกเท่าที่จำเป็น.....
ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
ดูแลครอบครัวและคนรอบข้าง.....
ดูแลพัฒนาจิตใจตนเองและครอบครัว
อยู่กับศาสนาและการภาวนา.......
ดูแลญาติพี่น้อง ด้วยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่.....
ดูแลเพื่อนฝูงและสังคม
เพื่อสร้างสรรสังคมไทยที่งดงาม.....
อยู่ร่วมกันในความคิดที่เหมือน
ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง.....
รักษาคุณธรรม จริยธรรม และ ศีลธรรม
ด้วยความเข้มแข็ง....
ถึงเวลาแห่งการร่วมอุดมการณ์ ภาวนา
ประเทศชาติ.....
ขจัดความชั่ว ออกจากสังคมไทย....
ฟุ่มเฟือย ขาดศีล ๕ เห็นแก่ตัว
เอาเปรียบสตรีเพศ....
เลี้ยงลูกด้วยเงิน และ ขาดความอบอุ่น
เลี้ยงลูกชายและลูกสาวอย่างลำเอียง...
ดื่มเหล้ามากกว่าน้ำและนม
ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ตรงต่อเวลา
ขาดสัจจะวาจา ติดหวย ติดการพนัน
ชอบของนอกเมินของไทย
เที่ยวต่างประเทศ มากกว่าเมืองไทย.....
นินทาว่าร้ายลับหลัง ประจบสอพลอต่อหน้า.....
เห็นแก่พรรคพวก
ร่วมกันคอรัปชั่น กินบ้านกินเมือง....
เอาชนะกันเพื่อผลประโยชน์แอบแฝง.......
ณ บัดนี้ ประชาชนคนไทยทุกคน
ขอจงร่วมกันภาวนาทุกวัน
ให้ชาติไทยรักและสามัคคีกัน.....
ให้อภัยต่อกัน รวมกันเหมือนพี่น้อง
อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน
ให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ให้จงได้...
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้คือ.....
น้ำท่วม พายุโหมกระหน่ำภาคใต้ ซึนามิ
แผ่นดินถล่ม ภูเขาในภาคเหนือจะยุบไปเป็นลูกๆ....
ขอจงเตรียมตัว เตรียมใจ
ลงมือทำอย่างทุ่มเทเพื่อประเทศชาติ
เพื่อชะลอภัยธรรมชาติให้เบาบางลง...
มิฉะนั้น ประเทศจะเข้าสู่กะลียุค ปั่นป่วน แตกแยก
สงครามกลางเมือง
และ ....
สุดท้าย...ถึงคราวสิ้นชาติ....!!
21 กันยายน 2549 23:23 น.
ทวารวดี
ตอนที่ 10 ถ้าจะทำความดี ขออีกสักนิด
จิตอันเป็นประภัสสรที่อยู่ข้างในจิตของทุกๆคน จะคอยเหนี่ยวนำให้ทำความดี
แต่เป็นความดีเพียงเล็กน้อย จนแทบจำไม่ได้เลย จริงไหม เพราะ
เราเฝ้ากังวลกับชีวิตประจำวันเพื่อให้มีปัจจัยในการดำรงชีวิต เพื่อการยอมรับของผู้อื่น
รถ บ้าน การงาน ตำแหน่งหน้าที่ เครื่องประดับ เงินสะสม การท่องเที่ยว สุขภาพดี และ ชื่อเสียงในสังคม
จนลืมทำความดี ที่ดีเพียงพอ จนจดจำได้อย่างแม่นยำ
หนึ่งหญิงที่ได้รู้จัก ผู้เสียสละ ผู้ทำประโยชน์ต่อผู้อื่นเสมอโดยไม่เคยคิดถึงตนเอง
ให้ทานได้เหนือกว่าคนทั่วไป ทุ่มเททั้งกำลังกายและใจ ช่วยเหลืออย่างยาวนานต่อเนื่อง โดยไม่เคยคิดทำเพื่อประโยชน์ชองตนเอง
หญิงผู้เมตตา กรุณา ทั้งฉลาดหลักแหลม ละเอียดละออ นุ่มนวล และ อ่อนโยน
ใครพบ ใครได้สนทนา ก็จะชอบและรัก และ มีความสุข ไปกับจิตที่ผ่องใสงดงามยิ่ง
หญิงผู้ทำดีได้ยิ่งกว่าความดีธรรมดา จนสัมผัสได้กับความรู้สึกว่าเป็นความดีที่ล้ำเลิศกว่า
หญิงผู้เป็นพลังขับเคลื่อนแห่งการละวางกิเลส ไม่ให้ตระหนี่เหนียวแน่น
หญิงผู้เป็นแบบอย่างแห่งความเมตตา กรุณา สัมผัสได้ถึงความรักอันบริสุทธิ์ ไม่เร่าร้อน ไม่ยึดมั่น ไม่ยึดเป็นของตนเอง
หญิงผู้เชื่อมั่นในการสร้างสรรสิ่งดีๆที่งดงาม และ แตกต่าง
หญิงคนนั้นเป็นใคร
หญิงคนนั้นเป็นคุณหรือเปล่า
15 กันยายน 2549 02:49 น.
ทวารวดี
ตอนที่ 9
วันแรกเกิด คุณไม่มีอะไรที่เป็นสมบัติติดตัวมาเลย จริงหรือไม่
มีเพียง ตาเห็นสีสรรที่แตกต่างกันไป
หูได้ยินเสียง
จมูกได้กลิ่น
ลิ้นรับรส
กายรับรู้สัมผัส
เท่านั้นที่คุณมี เพื่อเรียนรู้โลก เรียนรู้เพื่ออะไร?????????
ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ได้รับสัผัสผ่าน ตา หู จมูก ลิ้น กาย เกิดมา ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
เป็นอยู่เช่นนี้ ตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้ามีเท่านี้ ก็ไม่อาจทำให้เกิดความทุกข์ หรือ สุข ขึ้นมาได้
แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ โลก ปรากฎขึ้น เรียกว่า ใจ หรือ ธรรมารมณ์ เกิด อดีต และ อนาคต ขึ้นมา
สร้างสรรตัวตน เพื่อเปรียบเทียบกับคนรอบข้างว่า เรา ดีกว่า เราเก่งกว่า เรารวยกว่า เราสำเร็จมากกว่า
เพื่อการสร้างสรรตัวตน เริ่มตั้งแต่ อายุ 4 ขวบ ถึง อายุ 35 ปี
สร้างอย่างไร?????????
ความกลัว ความผิดปกติที่ไม่เคยพบมากอ่น ความดีใจที่ได้รับการยอมรับ คำชื่นชม
ผัสสะ(สัมผัส ผ่าน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) เป็นสาเหตุให้เกิด เวทนา(ทุกข์ สุข ทางกายและใจ)
เป็นเหตุให้เกิด ตัณหา(ความอยากได้อีกครั้ง) เป็นสาเหตุให้เกิด อุปาทาน(การยึดว่าเป็นของเรา)
และบัดนี้ ตัวตน หรือ อัตตา ก็ปรากฎขึ้น ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เป็นอยู่เช่นนี้
เมื่อมีตัวตน หรือ อัตตา เกิดขึ้น ก็จำเป็นต้องหาที่ และ เหตุการณ์ เพื่อแสดงความเป็น อัตตา ตัวตน เรียกว่า ภพ และชาติ
การกระทำ หรือ กรรม ที่ก่อขึ้น ย่อมนำมาซึ่ง ความทุกข์ที่ยาวนานต่อเนื่อง จวบจนสิ้นวาระ(โสกะปริเทวะ มรณา)
ทั้งหลาย ทั้งปวง เรียกว่า การเกิดแห่ง กิเลส
ถ้าเช่นนั้น เราจะไถ่ถอนกิเลสได้อย่างไร?????????
เริ่มต้นที่การ เจริญ สติ และ สมาธิ
ความรู้ขั้นพื้นฐาน ที่พึงรู้คือ " จิตเดิมนั้นเป็นประภัสสร แต่ที่เศร้าหมองเพราะมีกิเลสบดบัง "
หมายความว่า ความรู้ หรือ ผู้รู้ อยู่ในจิตเดิมก่อนที่จะมีกิเลสหรือตัวตนปรากฏขึ้น
ดังนั้น ถ้าอยากรู้แจ้ง ต้องไถ่ถอนกิเลสทั้งปวงออกไป
แต่ในโลกปัจจุบัน เห็นว่าจิตเดิมนั้นมีแต่ความว่างที่ไม่รู้อะไรเลย จึงจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อสั่งสมตัวตน เพื่อ ความดีกว่า
กลายเป็ฯการเพิ่มพูนกิเลส ซึ่งเป็นสาเหตุแห่งการเกิดทุกข์ในโลกนี้ ไม่มีวันจบสิ้น วนเวียน เวียนว่าย ตาย เกิด
การละกิเลส โดยการใช้สติ พิจรณา สัมผัส ผ่าน ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ว่าไม่ปรุงแต่ง
เพราะ ทั้งหลาย ทั้งปวง เป็น อนิจจัง(ไม่เที่ยง) ทุกขัง(เป็นทุกข์) อนัตตา(ไม่อาจบังคับบัญชาได้)
ทำอยู่เช่นนี้ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนกิเลสถูกถอดถอน สู่การบรรลุ รู้แจ้งเห็นจริง
และโลกนี้ ก็สักแต่ว่า ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส ไม่ต้องรวมลงที่ ใจ หรือ ธรรมารมณ์ ไม่มี อดีต อนาคต ไม่มีตัวตน ไม่มีกิเลส อีกต่อไป
การเรียนรู้ก็มาถึงจุดสิ้นสุด เพราะจิตเดิมนั้นเป็นประภัสสร อีกครั้งหนึ่ง ภพชาติ หมดสิ้นแล้ว