6 เมษายน 2552 19:31 น.
ทรายกะทะเล
พระนามเดิม สิน (จากพระราชสาส์นที่ทรงมีไปถึงพระเจ้ากรุงจีนใน พ.ศ. 2324 ทรงลงพระนามว่า แต้เจียว) ทรงเป็นบุตรชายของขุนพัฒน์ตำแหน่งนายอากร ชื่อหยง มารดาชื่อนกเอี้ยง ประสูติเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2277 ในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ บ้านของขุนพัฒน์(หยง) อยู่หน้าบ้านของเจ้าพระยาจักรี ขุนพัฒน์นำบุตรชายไปไว้ในความอุปการะของเจ้าพระยาจักรี ซึ่งเจ้าพระยาจักรีได้นำเเด็กชายสินไปฝากให้รับการศึกาาอบรมอยู่ในสำนักพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส จนอายุได้ 13 ปี มีความรู้อ่าน เขียน หนังสือไทยเป็นอย่างดี เจ้าพระยาจักรีจึงนำเข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ในระหว่างนี้นายสินได้ศึกษาวิชาหนังสือเพิ่มเติม จนสามารถอ่านเขียนพูดภาษาต่างๆ ได้หลายภาษานอกจากภาษาไทย เช่น จีน ญวน บาลี และนายสินสนใจ ศึกษากฎหมาย เป็นพิเศษ ได้ศึกษาอยู่จนถึงระยะอุปสมบท
ก็กราบถถวายบังคมลาไปอุปสมบทที่วัดโกษาวาส ซึ่งเป็นระยะเดียวกับนายทองด้วง (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ) อุปสมบทอยู่ที่วัดมหาทลาย ครั้นเมื่อลาสิกขา ออกมาแล้ว ทั้งนายสินและนายทองด้วงเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กต่อไปในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ต่อมาในรัชกาลพระเจ้าเอกทัศน์(พ.ศ.2301-2310) นายสินซึ่งมีความรู้ทางกฎหมายเป็นอย่างดีได้รับการแต่งตั้งเป็นหลวงยกกระบัตร อันเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาทางกฎหมายไปประจำอยู่ที่เมืองตากทำหน้าที่นั้นอยู่จนพระยาตากถึงแก่อสัญกรรม หลวงยกกระบัตร(สิน) จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตากต่อมา(คนนิยมเรียกกันว่า พระยาตากสิน จนแม้กระทั่งทรงเป็นกษัตริย์แล้ว ก็ยังเรียกว่า พระเจ้าตาก หรือพระเจ้าตากสิน หรือขุนหลวงตาก) ครั้นเมื่อพม่าล้อมกรุงฯ ในปี พ.ศ.2308 พระยาตาก(สิน) ก็ถูกเรียกตัวเข้ามาช่วยป้องกัน(ซึ่งขณะนั้นเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็น พระยาวชิรปราการ ตำแหน่งเจ้าเมืองกำแพงเพชร) ท้อใจว่า ถ้าอยู่สู้กับพม่าในกรุงศรีอยุธยาคงต้องเสียชีวิต เพราะข้าศึกเข้ามาฆ่า หรือไม่ก็เพราะต้องพระราชอาญาเป็นแน่แท้ จึงตัดสินใจพาทหารคู่ใจราว 1,000 คนโจมตีพม่าไปตั้งตัวที่เมืองจันทบุรี
ครั้งต่อมาเมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในเดือนเมษายน พ.ศ. 2310 แล้ว พระยาตากรวบรวมกำลังคนได้เพียงพอแล้วก็นำทัพเรือ จากจันทบุรีเข้าขับไล่พม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาได้ทั้งหมด หลังจากที่เสียกรุงไปเพียง 7 เดือนเท่านั้น หลังจากนั่งช้างตรวจสภาพความเสียหายของบ้านเมืองแล้ว พระยาตากก็เห็นว่าไม่สมควรจะใช้กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางของไทยในสมัยนั้นและได้เล็งเห็นว่า กรุงธนบุรีเหมาะที่จะใช้เป็นเมืองหลวงต่อไป การสถาปนากรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวงและพิธีพระบรมราชาภิเษก กระทำขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2310 ทรงตั้งนามเมืองหลวงว่า กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร ส่วนพระองค์เองนั้นมีพระนามปรากฏหลายพระนาม เช่น สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวบรมหน่อพุทธางกูรบ้าง สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 บ้าง ขุนหลวงตากบ้าง พระเจ้ากรุงธนบุรีบ้าง ขณะที่ทรงครองราชย์นั้น พระชนม์ได้ 34 พรรษา พระองค์ครองกรุงธนบุรีอยู่จน พ.ศ. 2325 จึงสวรรคตเมื่อ 6 เมษายน 2325 อันเป็นปีเดียวกันกับที่พระพุทธยอดฟ้าขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
6 เมษายน 2552 19:19 น.
ทรายกะทะเล
ค่าหัวใครบอกหนาว่าจับได้ให้หนึ่งล้าน
แม้นกี่ล้าน ก็ไปจับเขาไม่ได้
เก่งจริงต้องมีเอกสาร รอบโลกไป
อย่าไปว้ำช้ำเติมเขาด้วยเลย
กับอกีว่า ตัวเองอยากเกาะติดเป็นรัฐบาล
สร้างอ้างข่าวว่าเพิ่งสามเดือนยังไม่ได้ผลเฉย
ส่วนรัฐบาลเก่า ยังอยู่ ไม่กี่เดือนเตือนนะเอย
หน้าตาเฉยหน้าด้าน ปิดข่าว หลายอย่างพลัน
เก่งจริงก็อย่าไปปรึกษานายากเก่าแก่ก่อน
ที่แท้ตอนเอาตำแน่งถือว่ามีเลือดเป็นเจ้านั้น
แต่กับคนธรรมดาที่รวยมาได้นั้นอิจฉาพลัน
เอากาวตาช้างมาติด.....คงไม่ไป
ทำไมสิ่งที่สำคัญไม่ทำก่อน
เรื่องทหารตายไป เป็นเป็นผักปลาไฉน
ทำไมต้องมาแก้ตัวตื่นตูมชูตัวใคร
โอ้...ชาติไทย ขอให้พระสยามธรรมมาธิราชย์ ....ปกป้องกัน
3 เมษายน 2552 00:12 น.
ทรายกะทะเล
อุ้มท้องพวกเธอมาตั้งเก้าเดือน
รักษาไม่เอื้อนเอ่ยใจมีแต่จะรักษา
พวกเธอทำฉันยังกะไม่มีชีวิตจิตใจเลย
เหนื่อยนอนก็ไม่ได้เหมือนตายทั้งเป็น
เคยดีใจที่เคยเกิดพวกเธอมา
อยากรักษาต่อไปแต่ไม่ไหว
พวกเธอทำให้ฉันระกำใจ
สอนทุกอย่างพูดก้แล้วไม่เชื่อฟัง
ไม่เชื่อฟังไม่ว่า ...คงสังวรณ์
นึกว่าอาวรณืถึงแม่บ้างให้ใจฝัง
ทำเป็นเหมือนไม่มีฉันอยู่ในโลกนี้จัง
ไม่ไหวพลังจากใจน้อยลงทุกที
พ่อของเธอนึกว่าเหรอจะเล่นเกมส์
อยากจะเค็มชนะคนอย่างฉันทำไมนี่
เมื่อใจเธอไม่มีแนอยู่ตรงนี้
อยากให้การที่ฉันดีต่อพวกเธอ...พอกันที
ร้องไห้...เมื่อไรจะต้องถึงตอนจบ
ฉันพยายามพบสิ่งที่ดีดีให้เข้าไปในผ้าขาวนี้
แต่พ่อเธอนี้ดาวดหลดข้อมูลแม่เธอว่าไม่ดี
ขอชาตินี้จบวันนี้ไม่มีอีกแล้วเอย
จากวงจร..เคยอยากจะเลี้ยงลูกให้ได้ดี
มันไม่มีสิทธิแล้วไม่แคล้วเฉย
ฉันขอเดินจากลาอย่างเฉยเมย
ไม่อยากเล่นเกมสืปัญญาอ่อน...อีกต่อไป....
ฉันเป็นคนไม่มีสามีและลูก..........
เสียใจที่สุด