31 มกราคม 2551 09:54 น.
ทรายกะทะเล
เดินตามทางมาคนเดียวใจมืดมิด
ให้ดลจิตไป สู่ ณ. จุดหมาย
เห็นความจริง เป็น เรื่อง ช่าง งมงาย
ยังไม่สาย แก้ทันพลัน เดินทาง
หยุดพัก นิด ชิดกาย ณ. ต้นหญ้า
แสงสว่างมาให้เห็น ยามฟ้าสาง
เห็นแนว ทาง ริบ รับ กระจ่าง แม้นเลือนลาง
โอ้ รีบ เดิน ไปในทาง สายทางธรรม
ท่านสอนให้ เราเป็น คนขยัน
ไม่เกียจครัน ให้เป็น ที่น่าขำ
เป็นคนดี ของตน และ หมู่ คนทำ
งานที่นำพาไปสู่จุดหมายปลายทางเดิน
เพื่อคนที่เรารักสมัครจิต
พ่อแม่มิตรลูกน้อยพลอยทำอย่าเคอะเขิน
แม้นลำบากอย่างไร อย่าไปเพลิน
กับแสงสี ที่ต้องเมิน เดินสายกลาง.............
29 มกราคม 2551 22:08 น.
ทรายกะทะเล
If love were the love is,
And I were like the leaf,
Our loves would grow together
In sad or singing weather
หากรักคือดอกกุหลายอาบสีสัน
ตัวของฉันเปรียบ ใบร่วมในก้าน
จะเติบโตเคียงคู่อยู่ชั่วกาล
เศร้าหรือหวานอย่างใดไม่ปรารมณ์
29 มกราคม 2551 21:51 น.
ทรายกะทะเล
Love is an ocean of emotions, entirely surrounded by expenses
ความรักคือห้วงสมุทรอันกว้างขวาง
รวมอารมณ์ต่างๆไว้หลากหลาย
แต่หากจะเข้าไปไม่ง่ายดาย
ค่าทดแทนมากมายต้องจ่ายไป.......
29 มกราคม 2551 21:46 น.
ทรายกะทะเล
If music be the food of love,
play on: Give me exceeds of it, that, surfeiting, the appetite may sicken, and so die.
หากดนตรี นี้เป็ฯเช่นอาหาร
แต่วิญญาณ ความรัก จักวอนให้
โปรดบรรเลงดนตรีนี้ต่อไป
ให้ซึมซาบอาบหทัยแห่งข้านั้น
ให้ท่วมท้นด้วยรสอมฤต
ชุบดวงจิตซาบซ่านหฤหรรษ์
ให้ความหิวกระหายในใจพลัน
พ่ายแพ้เทพคนธรรพ์แห่งดนตรี.......
29 มกราคม 2551 13:34 น.
ทรายกะทะเล
เคยมีคนบอกเราว่า
เห็นใจ น่าจะไม่เหมือนสงสาร
มันก็จริงอย่างที่เขาว่ากัน
ทำไม เรานี้ทั้งน่าสงสารและน่าเห็นใจ
ช่วยคนอื่นช่วยได้หมด
แต่ทุกหยดของน้ำใจให้เค้าไหม
ตอบว่าน้ำใจที่ให้ไปไม่เคยแล้งสักครั้งไป
อยากบอกว่า คำว่าให้ นั้นมีมากกว่าที่รับมา
น้ำตาไหล
ไม่มีใคร เห็นแก่ส่วนรวมทั้งทั่วหน้า
คิดเปรียบเทียบเหยียบกันแทบทุกครา
ทำไมหนา เราน่า จะเป็นคนเห็นแก่ตัว
ทำไม่ได้
เห็นใครใครขอความช่วยเหลือดีหรือชั่ว
ก็เห็นเป็นการมีจิตเมตตาไม่เคยกลัว
ช่วยผู้อื่นแต่ไม่มี หน้าไหนช่วยเราที่ช่วยไป
กราบแทบเท้าพ่อและแม่
ลูกเกิดมาแต่ไม่มีใครให้และสงสารต่างขับใส
ลูกจะเป็นคนที่อยู่กับพ่อแม่ตลอดไป
ทำไมหนา ใจเขาใส่เรา บ้างนะเออ....