3 ธันวาคม 2547 00:32 น.
ทรายกะทะเล
ทำกันได้นะคนดี
อย่ามีวันหน้าอีกนะ
ให้อภัยกันได้ละ
กิเลสนะ ผละไป ให้ ไกล
3 ธันวาคม 2547 00:00 น.
ทรายกะทะเล
Thanks to you here
I beleive that
you are one good man
If you are better
Im glad
with you
You told me all
and I kept them in mind
I will do as the way as best I can
Even .........others said whatever?????
I dam care!
and I beleive that
I will DARE TO BE MYSELF COS I DIDNT DO ANYTHING WRONG,RIGHT PETER
2 ธันวาคม 2547 22:35 น.
ทรายกะทะเล
การสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructionism)
ผู้เรียนสามารถสร้าง ความคิด ของตนเองออกมาเป็นรูปธรรม โดยใช้สื่อการสร้างความรู้ด้วยตนเอง และถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจในความคิดของตนเองได้ ตลอดจนนำความคิดเดิมไปสร้าง ความรู้ ใหม่ต่อไปไม่สิ้นสุด
+++++++ความคิด ต้องมีขอบเขตและอยู่ในกรอบของศีลธรรม กล่าวคือเป็นความคิดที่ไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของกิเลส ตัณหา อัตตาของตน เป็นความคิดที่อยู่ในมิติของการเสียสละ (disadventage) เช่น ได้มา เป็นบาป หรือขาดทุน เสียสละไป เป็นบุญ หรือกำไรอาริยะ (กรอบความคิดนี้ สมณะโพธิรักษ์ แห่งสำนักสันติอโศกเรียกว่า
+++++++++++++++++ ระบบบุญนิยม) และอยู่ภายใต้กฏแห่งความจริง 5 ประการ คือ ความคิดนั้นต้อง ดี ถูกต้อง เป็นประโยชน์ แก้ปัญหาหรือทำให้คลายทุกข์ได้ และเป็นสิ่งที่คนทั่วไปปฏิบัติได้ เป็นได้ ไม่เพ้อฝัน จะเห็นว่า ความคิด และ ความรู้ เป็นเหตุและเป็นผลต่อกัน
+++++++++หากความคิดมีรากเหง้ามาจากมิติของความทะยานอยาก (consume หรือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า the fourth dimension อันเป็นมิติของความไม่มีที่สิ้นสุด) หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของระบบทุนนิยม-บริโภคนิยม ความรู้ที่ได้จะอยู่ในระดับ ความรู้ในความรู้ เท่านั้น ความรู้ชนิดนี้นี่เองมีแต่จะ สร้าง วัตถุเพื่อตอบสนองกิเลส ตัณหา และความต้องการของมนุษย์อย่างไร้ขอบเขต ผลที่ตามมาคือ ขยะ มลพิษ และความสูญเสียสมดุลทางธรรมชาติ
+++++++++++++++++ ในทางตรงกันข้ามหากความคิดมีรากเหง้ามาจากมิติของความเสียสละ (disadventage หรือ diminution) ความรู้ที่ได้จะอยู่ในระดับ ความรู้ในความจริง หรือในระดับที่สูงกว่านี้ เป็นความรู้ที่มีปัญญา คือรู้ว่าควรจะทำหรือควรจะ สร้างสรร อะไร คือจะเลือกสร้างแต่ในสิ่งที่เป็นสาระ ประหยัดสุดประโยชน์สูง และทำธรรมชาติให้สมดุลอยู่เสมอ
2 ธันวาคม 2547 22:29 น.
ทรายกะทะเล
ให้เธอนะ จากใจ
เราจะทำบุญให้มากขึ้น
2 ธันวาคม 2547 22:27 น.
ทรายกะทะเล
-----ความรู้ในความจริง (สัจจญาณ - truth) หมายถึงความรู้ที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่จะแยกแยะ สัจจะอาริยะ ออกจาก สัจจะโลกียะ ให้ได้ เพื่อเลือกที่จะพัฒนาตนให้อยู่เหนือ อำนาจของ กิเลส ตัณหา และอัตตา ผู้เรียนเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเอง และมี ความมั่นใจ (เกิดสมาธิ) ในวิถีชีวิตที่พึ่งตนเองได้ ยินดีที่จะ ลดละ ขัดเกลา สิ่งที่ไม่ดีของตัวเองให้บริสุทธิ์ยิ่งๆ ขึ้น
------ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่า สุข มีแต่ความทุกข์ (ทุกข์ แปลว่า สิ่งที่ทนอยู่ไม่ได้ มันเกิดขึ้น ดำเนินอยู่แล้วก็สูญสลายไปในที่สุด) ความจริงแล้ว สิ่งที่เรียกว่าความเย็น ก็คือ สิ่งที่ร้อนน้อยนั่นเอง ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่เรียกว่าร้อน ก็คือ สิ่งที่เย็นมาก
---------- ดังนั้น สิ่งที่เรียกว่า สุข จึงไม่มีตัวตน คนต่างหากที่ไปหลงยึดมันว่าเป็นตัวเป็นตน ทุกครั้งที่ตั้งใจลดละ ขัดเกลาความอยาก จะทำให้เกิดความเจ็บปวดบ้างในตอนแรก หากแต่เป็นความเจ็บปวดที่เกิดจาก ความเคยชินของจิตใจที่ถูกครอบงำจากอำนาจของสิ่งชั่วร้าย (กิเลส ตัณหา อัตตา) ดังนั้น ความทุกข์ที่เกิดขึ้น จึงเป็นเพียงภาพมายา ที่หลอกให้ผู้คนเกลียดชัง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืน เมื่อคนผู้นั้นอยู่เหนือ หรือพ้นจากทาสของกิเลส ตัณหา อัตตาดังกล่าวได้มากเพียงใด ตนก็จะไม่ต้องทุกข์ (ตามที่รู้สึก) มากขึ้นเท่านั้น และก็จะเกิดภาวะอย่างหนึ่ง (ที่ไม่ต้องทนยากทนลำบากอีกต่อไป) เรียกว่า สุข ความจริงไม่ใช่ ความสุข
-------------ที่แท้จริง (ความสุขไม่มีตัวตน ดังที่กล่าวไปแล้ว) แต่เป็นภาวะอย่างหนึ่งของคนผู้นั้น คนผู้นั้นย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง ใครก็รู้แทนไม่ได้ และก็ไม่มีใครจะเอา มาตรา ใดไป วัด ได้ เพราะแม้แต่สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นเจ้าของทฤษฏียังไม่ทรงตัดสินใจด้วยพระองค์เองเลย
------------ทรงตรัสว่า เอหิปัสสิโก โอปนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ แปลว่า ผู้นั้นย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง (ว่าตนพ้น ทุกข์ ได้มากน้อยเพียงใด) ก็เป็นความจริงของผู้นั้นเอง
-ขออนุญาตินำมาเป็นวิทยาทานให้กับคนที่เป็นทุกข์นะคะ
เผื่อ จะได้มีความสุขกันในวันขึ้นปีใหม่ที่จะถึงนี้ทุกคนนะคะ
อย่าลืมนะคะ
แม่และพ่อ เป็นพระในบ้าน
รักท่านให้มากที่สุด