31 กรกฎาคม 2545 00:43 น.
ต้ยนุ้ย
หนุ่มนาข้าวมาหลงรักลูกสาวแม่มด
แม้แม่มดจะไม่เห็นด้วยกับความรักครั้งนี้ นางอยากให้ลูกสาว
แต่งงานกับผู้ดีมีตระกูล
หรือนักธุรกิจชื่อดังมากกว่า นางขู่หนุ่มนาข้าวว่า
ยังขืนมายุ่งกับลูกสาวจะโดนสาป
หนุ่มนาข้าวไม่สน เขาไม่กลัวแม่มด แม่มดเป็นเรื่องหลอกเด็ก
สมัยนี้ไม่มีใครเชื่อเรื่องแม่มดอีกแล้ว
หนุ่มนาข้าวจึงตามรักตามจีบลูกสาวแม่มดต่อไป
แม่มดรู้ว่า คำสาปจะมีผลต่อเมื่อผู้ถูกสาปเชื่อถือในคำสาปนั้น
คนไทยทุกวันนี้มีความรู้มากขึ้น เวทมนต์ คาถา ไสยศาสตร์กลายเป็นของงมงาย
แต่ทุกสิ่งในโลกนี้ย่อมมีวิถีของมัน
...คำสาปของแม่มดก็เช่นกัน
ในวันที่หนุ่มนาข้าวแอบนัดลูกสาวแม่มด เพื่อพาหนี
บอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้แกมายุ่งกับลูกสาวของฉัน แม่มดกระโดดเข้ามาขวางทาง
แต่เรารักกัน หนุ่มนาข้าวกุมมือลูกสาวแม่มดแน่น
รักแล้วทำไมทำแบบนี้
เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเรารักกันจริงๆ
แกได้พิสูจน์แน่
แล้วแม่มดก็ร่ายคำสาป
โอมมะลึกกึ๊ก ต่อไปนี้เจ้าทั้งสองจะไม่ได้เจอหน้ากัน
เวลาตื่นของอีกคนคือเวลานอนของอีกคน
เมื่อคืนคนนึงได้มองพระอาทิตย์ขึ้น นั่นคือเวลาที่ใครอีกคน
จะได้ชื่นชมพระอาทิตย์ตก
ร่ายตำสาปจบ แม่มดกระชากลากจูงลูกสาวกลับเข้าบ้าน
....................................
รุ่งขึ้นแม่มดจัดการส่งลูกสาวไปเรียนต่อ ที่ อเมริกา
คำสาปของแม่มด สัมฤทธิ์ผลจนได้!!!!!
25 กรกฎาคม 2545 15:00 น.
ต้ยนุ้ย
ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้น แต่ความอดกลั้นน้อยลง
เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า
แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น.....
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้วแต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้ สูงขึ้นแต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
บ้านสวย ๆ กลายเป็นบ้านแตกสาแหรกขาด
ดังนั้นจากนี้ไปขอให้พวกเรา
อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ .โอกาสที่พิเศษสุดแล้ว
จงแสวงหา การหยั่งรู้
จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่โดยไม่ใส่ใจกับความ..อยาก..
จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูง คนที่รักให้มากขึ้น.กินอาหารให้อร่อย
ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุขไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า.สักวันหนึ่ง..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตาม ที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย
เราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง
20 กรกฎาคม 2545 16:20 น.
ต้ยนุ้ย
คุณรู้จักคำๆนี้ไหมล่ะ นางฟ้าในใจฉันไงล่ะ
คนคนนี้ เธอไม่ใช่คนสวยหรือน่ารักที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แต่ไม่รู้สิ เราว่าเธอน่ะเป็นคนที่เราอยากมองมากที่สุด อยากจ้องมองตลอดเวลาเลยล่ะ
เธอนั้นไม่ใช่คนที่นิสัยดีมากหรอกนะ อาจจะขี้งอนบ้าง เอาแต่ใจตัวเองนิด แต่ไม่รู้สิ ทุกครั้งที่เราง้อบ้างเธอก็หายงอนได้ไม่นาน
เธอเป็นเหมือนคนที่เราขาดหายไปในชีวิต อะไรที่เราตึงไป เธอนั้นก็คลายให้เราเสมอ อะไรที่เราหย่อนไป เธอนั้นก็จะทำให้เราดีขึ้นเสมอ
แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่วิเศษไปทุกอย่างนะ เธอมีอะไรที่เราไม่ชอบหลายอย่างเลยล่ะ แต่เธอก็รู้ว่าอะไรที่เราไม่ชอบเธอก็จะพยายามไม่ทำ เราก็เช่นกัน อะไรที่เธอไม่ชอบเราก็ไม่ทำ เราเคารพและให้เกียรติกันเสมอ
บางครั้งเราอาจจะมีทะเลาะกันบ้าง แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเราพร้อมจะฝ่ามันออกไปเสมอ ขอเพียงเราทั้งสองคนยอมปรึกษากันไม่ปกปิดต่อกัน มันก็ไม่มีอะไรที่เราจะสู้มันไม่ได้
ตอนนี้เรารู้สึกเหมือนได้เธอมาแล้วก็ไม่อยากได้อะไรอีกเลย มันอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องโกหก แต่เราคิดว่าเธอเป็นเหมือน นางฟ้าในหัวใจ เราเลย เป็นคนที่เราอยากร่วมชีวิตด้วย ไม่ว่ามันจะมีเวลานานแค่ไหนเราก็มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน แม้ว่ามันอาจจะมีอะไรมาพรากเราทั้งสองคนให้จากกันได้ แต่เราก็ยังรู้สึกมีความสุขที่เราได้เคยอยู่ด้วยกัน ไม่ว่ามันจะเป็นเวลานานแค่ไหน เราก็มีความสุขที่ครั้งหนึ่งเราได้เจอคนที่เรารู้สึกรัก และดูเหมาะสมกับเราที่สุด แม้ว่าชีวิตนี้เราจะหาใครคนนั้นมาแทนอีกไม่ได้แล้วก็ตาม แต่มันก็เป็นได้เพียงความทรงจำครั้งนึงเท่านั้น เราคงไม่สามารถเอาสิ่งเหล่านี้มาหยุดตัวเราเองได้ ยังไงเราก็ต้องเดินไปข้างหน้าต่อไป ไม่มีทางที่จะเดินกลับหลังได้หรอก เรารู้แค่เพียงว่าเราต้องเดินต่อไป เพื่อตัวเราเอง และเพื่อความทรงจำที่ดีอยู่นั้น มันก็เป็นเหมือนกำลังใจให้เราได้เดินไปข้างหน้าได้อย่างน่าภูมิใจ ว่าสักครั้งนึงเราได้เจอนางฟ้าในใจเราแล้ว
แล้วคุณล่ะได้เจอนางฟ้าในใจคุณแล้วหรือยัง นางฟ้าของคุณนั้นอยู่สูงจนเกินเอื้อมหรือเปล่า แล้วเธอล่ะได้เป็นนางฟ้าในใจของเขาคนนั้นแล้วหรือยัง คงไม่มีใครบอกเธอได้นอกจากตัวเธอเองว่า ทำยังไงเธอจึงจะเป็นนางฟ้าของคนๆนั้นได้
ส่วนเรานั้นคงได้แต่อวยพรให้พวกคุณทั้งหลาย ได้พบเจอและได้เป็นนางฟ้าในใจที่สมปรารถนา แต่อย่าลืมว่านางฟ้าของเราอาจจะไม่ได้เป็นนางฟ้าในใจเราตลอดไป
20 กรกฎาคม 2545 16:10 น.
ต้ยนุ้ย
คุณจะทำอย่างไร ถ้าทุกๆครั้งที่คุณมีความรัก คนที่คุณรักมีความจำเป็นต้องจากคุณไป คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณต้องการใครซักคน แต่เขาไม่เคยอยู่ตรงนั้นกับคุณเลย
คุณจะทำอย่างไร ถ้าในวันพรุ่งนี้เพื่อนที่คุณรักที่สุดได้ตายจากคุณไป โดยที่คุณยังไม่เคยบอกความรู้สึกดีๆ ของคุณให้เค้ารู้เลย
คุณจะทำอย่างไร ถ้าคุณรักใครซักคนอย่างสุดหัวใจ แต่เขาไม่เคยสนใจไยดีคุณแม้แต่น้อย
คนบางคนได้พบกับความรัก แต่คนบางคนกลับได้พบกับความสูญเสีย ฉันอยากจะบอกกับคุณตรงนี้เลยว่า ฉันรักคุณมากที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไป คุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน และถ้าพรุ่งนี้ฉันต้องตายจากคุณไป ขอให้คุณรู้ไว้เลยว่า คุณจะยังอยู่ในใจของฉันเสมอ แล้วถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆ ฉันจะยังอยู่ในใจคุณหรือเปล่า.. ถ้าคุณมีความรู้สึกดีๆ กับคนที่ส่งข้อความนี้มาให้คุณ
16 กรกฎาคม 2545 22:16 น.
ต้ยนุ้ย
ฉันรู้จักเขาในห้องๆ หนึ่ง บนโลกออนไลน์
ตอนนั้นฉันมีแฟนอยู่ในโลกของความเป็นจริง หากแต่เขามีแฟนอยู่ในโลกออนไลน์
แต่เราก็คุยกันบ่อยๆ แลกเปลี่ยนความรู้ในเรื่องการศึกษาต่อ และการใช้ชีวิต
ในช่วงเวลาที่ฉันมีปัญหากับแฟน ฉันมักจะโทรไปหาเขาเพื่อขอความปรึกษา
เขาก็มักจะบอกกับฉันว่าให้ใจเย็นๆ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข
จนมันถึงวันหนึ่งที่ ฉันเห็นแฟนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าฉันเหมือนถูกตบหน้า ฉันทำอะไรไม่ถูก นอกจากจะเดินออกมาเงียบๆ
และโทรไปหาเขา เพียงเพื่อต้องการคุยกับใครสักคน ต้องการระบายเท่านั้นเอง
หลังจากนั้นเราก้อคุยกันบ่อยขึ้น โทรหากันทุกวัน คุยกันทั้งๆ
ที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ฉันก็รู้สึกว่า
เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของฉัน
จนฉันแอบคิดไม่ได้ว่าเขาเข้ามาอยู่ในใจของฉันเกือบครึ่ง
เมื่อครั้งที่เขามีเรื่องระหองระแหงกับแฟน เขามักจะโทรมาหาฉัน และมักถามฉันว่า
ควรทำอย่างไรดี ฉันก็ได้แต่บอกเขาว่าใจเย็นๆ ทำให้ดีที่สุดแล้วกัน ทั้งๆ ที่
ในใจแล้ว ฉันอยากให้เขาเลิกกับแฟนแทบขาดใจ จนในที่สุดเขาก็เลิกกับแฟน
และนั่นมันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นเหมือนนางมารร้ายที่ทำให้เขาและแฟนต้องเลิกกัน
เพราะว่าถ้าฉันกับเขาไม่คุยกัน ไม่สนิทกันมากกว่านี้
ก็คงจะไม่ทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้ หลักจากที่เขาเลิกกับแฟนแล้ว
เขามักจะโทรหาฉันบ่อยขึ้น และโทรแทบทุกวัน จนมันทำให้ฉันรู้สึกว่า
มีใครบางคนเฝ้ามองดูฉันจากที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลเหลือเกิน
เป็นคนที่ฉันคิดว่าคงเอื้อมไม่ถึง แต่เขาก็คอยเป็นห่วงฉันอยู่เสมอ
และวันหนึ่ง ฉันมีปัญหากับทางบ้าน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว
ฉันก็เป็นเด็กรักดีคนหนึ่ง ดูเหมือนไม่มีเรื่องที่ต้องนำมาคิดมากให้เปลืองสมอง
แต่เมื่อความรู้สึกถูกกดดันมากขึ้น ทำให้ฉันทนไม่ได้
ฉันจึงขับรถออกจากบ้านทั้งน้ำตา ทั้งๆ ที่จุดหมายปลายทางของฉันยังมืดมน
ฉันโทรศัพท์หาเขา เพียงเพื่อต้องการเพื่อน
แค่ต้องการระบายว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเท่านั้นเอง
ฉันรู้สึกว่าเขาตกใจมากที่ฉันร้องไห้ ฉันเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง
เขาบอกให้ฉันเข้าบ้าน เป็นผู้หญิงออกจากบ้านกลางคืนมันอันตราย
เขาคุยกับฉันจนฉันรู้สึกดีขึ้น แต่มันก็แค่ช่วงเวลานั้นเท่านั้น
ฉันตัดสินใจขับรถกลับบ้าน ไม่มีใครเฝ้ารอการกลับมาของฉัน
นั่นมันทำให้ฉันน้อยใจมากขึ้น บวกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ทำให้ฉันตัดสินใจกินยาประชดชีวิตไปเกือบครึ่ง ฉันโทรหาเขาอีกรอบ
บอกว่าฉันทำอะไรอยู่ ความรู้สึกตอนนั้น ฉันไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากเขาเลย
แต่ฉันคิดว่าเขาเข้าใจฉันในสิ่งที่เกิดขึ้น เข้าใจว่าฉันทำไปเพราะอะไร
เขาโกรธฉันที่ฉันไม่รักชีวิต เขาบอกว่า ถ้าตอนนี้เขาอยู่ใกล้ๆ
เขาคงจะอุ้มฉันไปโรงพยาบาลเพื่อล้างท้อง และคงไม่ปล่อยให้ฉันทำอะไรโง่ๆ
ตกกลางคืนร่างกายของฉันเริ่มมีปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น เริ่มกระสับกระส่าย
ภายในร่างกายเริ่มปั่นป่วนและเริ่มรู้สึกว่าฉันกำลังจะตายใช่ไหม
ฉันเริ่มคิดถึงแม่ คิดถึงน้องชาย คิดถึงพ่อ คิดถึงเพื่อน และคิดถึงเขา
ฉันอาเจียนไปเป็นสิบๆ รอบ จนฉันแน่ใจว่า ฉันอาจจะไม่ตาย
เพราะว่าเคยอ่านหนังสือว่า การกินยาฆ่าตัวตาย ต้องทำให้อาเจียนออกมา
และกินนมเยอะๆ จะบรรเทาลงได้ วินาทีนั้น ฉันคิดว่า ตัวฉันเองไม่ตายแล้วล่ะ
ฉันลากสังขารไปเปิดตู้เย็น เพื่อหานมสด แต่ฉันก็ไปไม่ไหว เริ่มตาลาย
ฉันจึงตัดสินใจตะโกนเรียก แม่ ทั้งๆ ที่ตะโกนแทบไม่ไหว แม่ออกมาหาฉัน
และตกใจในสภาพที่เห็น เพราะว่าฉันร้องไห้ ร่างกายฉันเริ่มดิ้น แม่มองไปข้างๆ
เห็นขวดยาตกอยู่ แม่เริ่มร้องไห้ และบอกกับฉันว่า คิดอะไรโง่ๆ
แม่จะพาฉันไปโรงพยาบาล แต่ฉันทักท้วงเอาไว้ เพราะคิดว่าคงไม่เป็นไรแล้ว
เพียงแต่ร่างกายต่อต้านเท่านั้นเอง แม่เอานมสดมาให้ฉันกินเป็นลิตร
ฉันเริ่มอาเจียนอีกหลายครั้ง จนแม่เริ่มสบายใจว่าคงไม่เป็นไรแล้ว
แม่นั่งเฝ้าฉันทั้งคืน แม่ลูบหัวแล้วบอกฉันว่า อย่าทำอย่างนี้อีก ไม่มีพ่ออยู่
เราก็อยู่กันได้นี่นา ถ้าหนูเป็นอะไรไปแล้วแม่จะอยู่อย่างไร
ฉันเริ่มร้องไห้อีก ร้องไห้เวทนาตัวเองที่ทำอะไรโง่ๆ
ร้องไห้ที่ทำให้แม่ไม่สบายใจ และเป็นครั้งแรกที่แม่ร้องไห้เพราะฉัน
และตั้งแต่ครั้งนั้น ฉันสัญญากับแม่ว่าจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีก
เขาโทรมาหาฉันแทบทุกชั่วโมง ถามถึงอาการที่เกิดขึ้น
จนเขามั่นใจว่าฉันคงไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันรู้สึกว่าเขาเอาใจใส่ฉันมากขึ้น
เขามักจะถามถึงอาการค้างเคียงที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เขาบอกให้ฉันดื่มน้ำเยอะๆ
ดื่มนมเยอะๆ เขาทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นคนพิเศษของเขา
คนที่เขาต้องดูแลปกป้อง แต่ว่าฉันกับเขาอยู่บนโลกออนไลน์
มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันและเขาจะคบกัน โดยที่ไม่เจอหน้ากัน
เขาบอกให้ฉันเข้ามาหาทำงานในกรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้กัน
ฉันก็ได้แต่บอกเขาว่า ฉันไปไหนไม่ได้หรอก ฉันทิ้งบ้าน ทิ้งแม่
ทิ้งถิ่นเกิดไปไหนไม่ได้ กรุงเทพฯไม่ใช่อนาคตของฉัน อนาคตของฉันคือที่ๆ ฉันอยู่
เขาบอกว่าจะมาหาฉัน ฉันบอกเขาว่า ฉันไม่สวยอย่างที่คิดหรอกนะ
ในรูปกับตัวจริงมันคนละเรื่องกัน เขาบอกว่า หน้าตาไม่สำคัญเท่าจิตใจดีหรอก
ฉันรู้ว่าเขาคงพูดปลอบใจตัวเอง แต่ฉันก็คิดว่า มันก็ดีเหมือนกันนะ คุยกันมานาน
หมดค่าโทรศัพท์ก็ไม่น้อย มาเจอกันก็ดี จะได้รู้ว่าเขาและฉันมีนิสัยอย่างไร
จะคบกันได้มั้ย ? แต่ฉันก็ไม่ได้คาดหวังไว้ว่าเขาจะต้องมาเป็นแฟนฉัน
เพราะถึงเป็นแฟนกันไม่ได้ เราก็เป็นเพื่อนกันได้ ไม่มีอะไรจะต้องสูญเสียเลย
ดีซะอีกที่จะได้มีเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งไว้เป็นความทรงจำในชีวิต
เขาคงค่อนข้างผิดหวัง ว่าฉันไม่เป็นอย่างที่คิด ฉันไม่ใช่คนสวยสะดุดตา
และฉันก็ไม่ใช่คนเรียบร้อยอย่างที่เขาต้องการ ฉันเริ่มผิดหวังในตัวเขา
ผิวหวังที่เขาคาดหวังในตัวฉัน ผิดหวังที่เขาดูถูกความรู้สึกของตัวเขาเอง
ผิดหวังที่ใจเขาไม่กว้างพอสำหรับคำว่าเพื่อน เพราะฉันรู้สึกว่า
มิตรภาพระหว่างเพื่อนมันจะยั่งยืน และ เนิ่นนานกว่า
แต่เขาก็ไม่ได้คิดมุมเดียวกับฉัน เขาคาดหวังในชีวิตเกินไป
แต่ฉันก็ไม่โกรธเขาหรอก
กลับต้องขอบคุณเขามากกว่าที่เขาได้มาทำให้ชีวิตช่วงหนึ่งของฉันมีคุณค่า
เขาทำให้ฉันคิดอะไรได้มากขึ้น และเขาก็ทำให้ฉันเข้าใจคนโลกออนไลน์ได้ดีกว่าเดิม
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันเกลียดโลกไซเบอร์หรอกนะ
เพียงแต่มุมมองของโลกออนไลน์กับโลกของความเป็นจริงมันต่างกันเท่านั้นเอง