13 เมษายน 2550 22:30 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีบางอย่างผิดปกติไป นั่นคือการคิดและย้อนมองตัวเอง จึงทำให้ผมพบว่า ตัวผมนั้นมีอะไรที่ค่อนข้างด้อยไปเสียมากกว่าคนอื่น ความสามารถพิเศษของผมแทบไม่มีอะไรโดดเด่น เป็นบางอย่างก็แค่งูๆปลาๆ ( หรือที่คนทั่วไปชอบพูดว่า SNAKE SNAKE FISH FISH ) เรื่องนี้ทำผมปวดหัวไปกับมันไม่น้อย ถ้าวันนี้ผมยังเป็นเด็กวัยรุ่นนักศึกษาทั่วไปที่สนุกไปวันๆความคิดเช่นนี้ก็คงไม่มาสะกิดทักทายผมอยู่นาน หากแต่วันนี้ชีวิตวัยรุ่นของผมกำลังก้าวไปสู่วัยผู้ใหญ่ รับผิดชอบตนเองและครอบครัวมากยิ่งขึ้น ประกอบกับช่วงที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยมาก็ว่างๆจนอยากคิดจะหาอะไรทำ แต่........ ผมจะทำอะไรได้ก็ผมแทบไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย อยากร้องเพลงเล่นกีต้าร์ ก็เล่นไม่เป็น ....... อยากวาดรูปก็วาดไม่เก่ง ............อยากนู่นอยากนี่สารพัดแต่ก็ไม่ได้สักอย่าง
แต่แล้วไม่นานความคิดจากอีกห้วงหนึ่งก็ดึงผมกลับมาสู่โลกแห่งสัจธรรมที่ว่า " ไม่มีใครเก่งไปเสียทุกอย่าง " อีกทั้งช่วงนี้ผมได้อ่านหนังสือ ฅ.คน เรื่องราวเกี่ยวกับ อ.เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ที่อาจารย์ไม่ปรารถนาที่จะยึดติดในอัตตา นั่นเองก็คืออีกหนึ่งคำตอบสำคัญที่เตือนสติผมให้ตื่นเสียทีว่า " เราจะอยากไปเพื่ออะไร " เราจะมีอะไรแค่ไหนเราก็จงพอใจกับสิ่งที่เรามีแค่นั้น แม้วันนี้ผมจะวาดรูปไม่เก่ง เล่นกีต้าร์ไม่เป็น กีฬาก็ไม่ถนัด แต่ผมยังมีครอบครัวที่อบอุ่น มีเพื่อนพี่น้องที่รัก มีบทกวีที่ผมรักและยังเขียนมันอยู่เสมอ ผมยังชอบกีฬายิงปืน และผมยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ตัวผมเองมีแค่นั้นก็สุขใจแล้ว บ่อยครั้งที่ผมมองความสามารถผมบางอย่างว่ามันด้อย แต่จริงๆแล้วนั่นเป็นการที่ผมมองและคิดมันไปเอง และถึงแม้มันจะด้อยจริงๆในสายตาของคนรอบข้างก็ตาม แต่ทำไมเราไม่รักมันให้มากและภูมิใจกับตัวเองที่มีความสามารถเหล่านี้เป็นเพื่อนของเราตลอดมา
วันนี้ถึงแม้ผมจะยังอดไม่ได้เวลาเหงาๆ ที่จะดูตัวเองว่าด้อยเกินไป แต่ในช่วงเวลาขณะเดียวกันนั้นผมก็พยายามเตือนตนและหักห้ามตัวเองเสมอๆว่า " พอใจในสิ่งที่มีและเป็น เท่านี้ก็เป็นสุขได้ " สิ่งสำคัญ " เลิกยึดติดและยึดถือ ใจจะได้สบาย "
เพียงแค่คิดในแง่ที่ดีเพียงเท่านี้ ความเครียดและปวดสมองของผมมันก็ค่อยๆหายไปจนลืมมันไปเอง !!?
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร