25 กุมภาพันธ์ 2552 23:22 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. หากมิใช่ แสงจันทร์ อันกระจ่าง
เป็นหลอดไฟ รายทาง อย่างที่เห็น
หากมิใช่ เหมันต์ อันชื่นเย็น
เป็นร้อนเร้น เร่งรุก ทุกทิวา..
**.. หากมิใช่ ดอกไม้พลิ้ว งามทิวทัศน์
เป็นป่าปก รกชัฏ อันทึบกว่า
หากมิใช่ สายน้ำ ฉ่ำอุรา
เป็นแอ่งครา ฝนพรำ ก็ฉ่ำใจ..
**.. แม้มิใช่ นภา ท้องฟ้ากว้าง
เป็นลูกรัง สรรสร้าง เส้นทางใกล้
แม้มิใช่ มิ่งเมือง เรืองวิไล
เป็นภูธร แสนไกล ในผู้คน..
**.. แม้มิใช่ สะพานดาว สู่ราวฝัน
ยังยืนยัน สองเท้า ก้าวถนน
แม้มิใช่ สรวงสวรรค์ ชั้นเบื้องบน
ขอวางตน บนโลกงาม ตามพอดี..
**.. แม้มิเป็น เช่นเธอ เผลอดวาดไว้
ที่สดใส งามพักตร์ สมศักดิ์ศรี
ฉันเป็นฉัน เช่นเก่า เท่าที่มี
เพียงแค่นี้ รับได้ หรือไม่เอย...
ด้วยรักและหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร
21 กุมภาพันธ์ 2552 21:17 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. แลเห็นนก ว่ายน้ำ กลางลำห้วย
ปลาสีสวย ว่ายฟ้า เวหาหาว
ตะลึงโลก หมุนรอบ ขอบดวงดาว
ดอกไม้กร้าว โลดเล่น เด่นท้าลม..
**.. กลางวันดับ รัศมี รวีส่อง
ดาวลอยล่อง ท่องกระแส เป็นแพรห่ม
กลางคืนจ้า กระจ่างใส นัยน์ตาคม
อาทิตย์กลม แย้มถึง อีกหนึ่งคืน..
**.. หิ่งห้อยน้อย ขันขรม ระงมป่า
เตือนเวลา สายัณห์ จงพลันตื่น
ออกเก็บซาก กากไม้ ใช้ทำฟืน
จุดไฟชื้น เร่งรับ ซับไอเย็น..
**.. หุงข้าวปลา อาหาร จากชั้นสรวง
ให้โรยร่วง งอกงาม ตามที่เห็น
ดื่มโคลนตม เกลื่อนกลาด สาดกระเซ็น
ลืมประเด็น โลกหมอง ครองหทัย..
.................................................................................................
**.. โลกเช่นนี้ เธอพลาด อาจลืมหลง
และงันงง ว่ามิเห็น เป็นไปได้
โดยราตรี จักกระจ่าง ได้อย่างไร
ข้าวที่ไหน จากฟากฟ้า ร่วงมาดิน..
**.. ภาพวาดวาง ขีดเขียน ใช่เพี้ยนหลง
เจตจำนง ใคร่อยาก ฝากถวิล
โลกกวี ขับร่าย ให้ยลยิน
มิสุดสิ้น จินตนาการ ผ่านเวลา...
( เป็นอะไร จักเป็นได้ ในพริบตา
ด้วยภาษา อักษร กลอนกวี )
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร