3 พฤศจิกายน 2550 21:31 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. ผืนผ้าขาว บริสุทธิ์ ดุจปุยเมฆ
ย่อมเปรียบเฉก เช่นกมล ไร้หม่นหมอง
เยาวชน เด็กน้อย ละห้อยมอง
ชีวิตของ เธอจะงาม ตามวัยวัน..
**.. แต่เส้นสี เส็งเคร็ง สังคมเถื่อน
ทาเปรอะเปื้อน กลิ่นโชย โหยกระสัน
สันดานดิบ หวังคืบ แค่สืบพันธุ์
เหี้ยมมหันต์ โหดหื่น ทะมึนมาร..
**.. บ้างเส้นสี ตีกรอบ ชอบกำหนด
เขียนทุกบท ชีวี ชี้ให้อ่าน
ให้เป็นนู่น เป็นนี่ ที่ต้องการ
จนลูกหลาน ลืมตอบ ฉันชอบอะไร ..
**.. จนผ้าขาว ขาดวิ่น เหม็นกลิ่นสี
เธอป้ายที สองที สิหม่นไหม้
คราบเลอะเทอะ เปรอะคล้ำ สำราญหทัย
แต่แล้วใคร ชอกช้ำ แอบคร่ำครวญ..
**.. อนาคต ผ้าหลายชิ้น อาจสิ้นสลาย
ตราบลวดลาย เน่านัก กระอักกระอ่วน
จึงสังคม หันหน้า มาทบทวน
สั่งการด่วน ซักผ้า อีกคราเอย..
( ทุกปัญหา ปล่อยปละ มัวละเลย
เด็กน้อยเอ๋ย จะดีได้ อย่างไรกัน ... )
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร
**.. บทกวีชิ้นที่ 4 ของชุด " วิสาสะนิยม " ชี้ให้เห็นว่า เด็กตัวน้อยๆก็เปรียบเสมือนผืนผ้าสีขาว ถ้าเส้นสีที่วาด-ระบายลงไปเป็นสิ่งที่สวยงาม ผืนผ้าก็จะดูดี แต่ตราบใดสีที่ระบายลงไปเลอะเทอะไม่น่าดู ก็เปรียบเสมือนเด็กที่รับแต่ปัญหาต่างๆในชีวิต บ้างถูกสังคมทำร้าย บ้างถูกที่บ้านกำหนดทางเดินชีวิต ได้เวลาแล้วหรือยังที่เราจะหันมามองว่า ปัญหาของเด็กมีความสำคัญมากเท่าๆกับปัญหาบ้านเมือง ขอขอบคุณ ....... **