24 กันยายน 2547 21:19 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. แม้มิใช่ ดวงเดือน ลอยเลื่อนฟ้า
หวังเพียงหนึ่ง ดารา พาเฉิดฉันท์
มิอาจเป็น ห้วงนภา อันลาวัณย์
เป็นเมฆน้อย คล้อยฝัน นิรันดร์ไป
**.. มิใช่ดวง ตาวัน อันเจิดจ้า
ซึ่งทอดทอ จากฟ้า อันกว้างใหญ่
เป็นหนึ่งดวง หนึ่งแสง หนึ่งแรงไฟ
เพียงเทียนไข สว่างเห็น ก็เป็นพอ
**.. มิอาจเอื้อม คว้าดาว เด่นพราวแสง
เพราะอ่อนแรง คว้าไขว่ อย่างใดหนอ
สิ่งที่ซ่อน ความเรียบง่าย ไม่รั้งรอ
อยู่ในกอ หญ้างาม คือความจริง
**.. มิใช่ทุก ความร่ำรวย หรือสวยสรรค์
มิใช่พัน ร้อยหมื่น ดาษดื่นสิ่ง
มิใช่บ้าน หลังใหญ่ ให้พักพิง
เป็นเพียง.. ฉัน .. ให้แอบอิง พิงพักกาย
**.. ฉันนั้นคือ ความงาม ในความเรียบ
เป็นความเงียบ แต่งาม ในความหมาย
เป็นความเสีย- สละให้ ด้วยใจสบาย
เป็นความหมาย เป็นความหวัง เป็นทั้งมวล
**.. แม้มิใช่ ดวงเดือน ลอยเลื่อนฟ้า
หวังเพียงหนึ่ง ดารา อย่าเหหวน
อยู่อย่างเห็น เป็นอย่างง่าย จงใคร่ครวญ
แม้ค่าล้วน จากฟากฟ้า สู่ .. สามัญ ..
ปล. จากสูงสุดคืนสู่สามัญ บางครั้งก็อย่าไปใฝ่ฝันอะไรที่เกินความจริง
ฝันและทำดีที่สุด... ทุกๆคน
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร
11 กันยายน 2547 17:19 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**.. ในท่ามเสียง ร้องดัง ทั้งสี่ห้อง
เสียงใครพ้อง เพ้อไป ใจห่วงหา
ไม่พบพักตร์ นานแล้ว หนอแก้วตา
เพียงวันลา ร้างโรย โหยรำพัน ......
**.. ประโยคย้ำ เตือนตรึง คำนึงว่า
ถ้ามิหมด วาสนา นำพานั่น
จะกลับหวน ทวนหา พบหน้ากัน
อยู่อย่างฉัน รักใคร่ ใจยินดี ......
**.. เมื่อวันหวัง หวานในจิน- ตนาการ
เพื่อพบพาน พบพ้อง พักตร์น้องพี่
ยังแรมรอน นอนร้าง ห่างนานปี
ยังห่างหัน จวบวันนี้ กี่ปีแล้ว ......
**.. จึงส่งสาร เสียงใจ ในสี่ห้อง
ให้กึกก้อง ให้รู้ว่า ข้าแน่แน่ว
หากใยดี ไม่มีซึ้ง จึงสิ้นแนว
อย่าให้ใจ ไร้แวว เลยแก้วตา ......
**.. เพียงเพื่อฝัน เป็นจริง สิ่งที่หวัง
เพียงเพื่อฝัน เป็นดัง ที่หวังว่า
เมื่อมิหมด ผลบุญ จักหนุนพา
วาสนา พาสองใจ ให้พบกัน ......
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
ก.ประแสร์ ศิษยาพร