30 มกราคม 2546 21:38 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**..ถึงฟากฟ้า สองฝั่ง ช่างเหินห่าง
เราก็ร้าง เกินกว่า หากันได้
มีความรัก ถักทอ จากห้องใจ
เพื่อฝากไว้ เป็นสัญญา ว่ายังรัก
**..ลมหนาว พริ้วมา เวลานี้
รู้เถิด คนดี พี่หนาวหนัก
เหนื่อยแรง เหนื่อยใจ ไม่ผ่อนพัก
เธออย่าทัก อย่าทาน อย่ารานร้าว
**..จันทร์เอ๋ย จันทร์ที่รัก
รู้ไหมฉัน จมปลัก กับความหนาว
หนาวกาย หนาวพร่า น้ำตาดาว
ถึงคราว หนาวใจ ใครจะมอง
**..รอคำตอบ กลับมา จากอีกฟาก
ด้วยการจาก ครั้งนี้ พี่หม่นหมอง
ณ คืนนี้ ยังฝืนท่า น้ำตานอง
เพราะไร้ คู่ครอง ปรองดองกัน
**..คิดว่า ต้องรอ ไปตลอด
เพราะยอด ดวงใจ ไม่ห่วงฉัน
ทิ้งไว้ ผ่านคืน และผ่านวัน
ปล่อยให้พี่ นั่งฝัน อย่างเดียวดาย
**..สุดท้ายแล้ว ความนัย ไม่สมหวัง
มิอาจรั้ง หัวใจ ไกลห่างหาย
ทนรับ ทนรู้ อย่างผู้ชาย
ว่าอย่าหมาย ดอกฟ้า มาครองเลย...
ด้วยความหวังดี
17 มกราคม 2546 22:55 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**..เธอรู้ไหม...
ว่าการ จากไกล นั้นแสนเศร้า
เหมือนพระจันทร์ อำไพ แต่ไร้เงา
จึงเงียบเหงา โดดเดี่ยว เปลี่ยวเอกา
**..เวลายิ่ง กระชั้น ถึงขั้นนี้
อีกกี่ปี เพื่อนรัก จักพบหน้า
ปัจฉิมนิเทศ เริ่มมีมา
พร้อมกับการ จากลา จึงเริ่มมี
**..แด่เพื่อนที่รัก...
ทั้งพวกพรรค เพื่อนใจ ในที่นี้
ยังอบอุ่น ด้วยรัก สามัคคี
ด้วยไมตรี ตรึงใจ ไว้ชั่วกาล
**.. แด่ความฝัน...
เราฝ่าฟัน ด้วยน้ำใจ ใฝ่ประสาน
มุ่งสร้างสรรค์ สั่งสม อุดมการณ์
ตามปณิธาน ที่หวัง ที่ตั้งใจ
**..ลาแล้วเพื่อนเอ๋ย...
ร้างแล้ว อย่าร้างเลย เคยฝันใฝ่
เธอจะจาก พวกเรา ไปหนใด
จงรู้ไว้ ว่าเรา ยังเฝ้าคอย
13 มกราคม 2546 21:24 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**..นิยายฝัน วันคืน อันชื่นฉ่ำ
คือลำนำ เสียงกลอน ที่อ่อนไหว
คือภาพรัก ประจักษ์แจ้ง แห่งดวงใจ
คือใครใคร คนนั้น ที่ฉันรอ
**..เล่าถึงคืน จันทรา วันฟ้าใส
ดาวละไม ล้วนเลิศ งามเกิดก่อ
แทนความหวัง ที่เรา เฝ้าพะนอ
ส่งไปง้อ ขอคำรัก จากคนดี
**..แล้วคนดี ที่ฉันรอ ก็ไม่ให้
เอาเมตตา น้ำใจ ไว้ไหนนี่
เธอหยิบยื่น คำลา มากี่ที
ฉันก็รี่ รับไว้ เสมอมา
**..พอแล้ว .. ที่รัก
ถ้าเหนื่อยนัก ก็พักผ่อน ก่อนดีกว่า
ทิ้งไว้เถิด ถ้อยคำ และน้ำตา
ปล่อยรักคร่า ใจฉัน จนวันตาย
11 มกราคม 2546 20:35 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**..เสียงขอร้อง ใสใส จากใจเด็ก
ที่นุ่มเล็ก เรียบง่าย ไม่ใส่สี
ซึ่งวอนต่อ ผู้ใหญ่ ในทุกปี
และคิดหวัง ในสิ่งที่ จะมีมา
**..เคยขอว่า อยากจะเรียน รู้เขียนอ่าน
ท่องตำรา วิชาการ งานศึกษา
ถึงจะอยู่ แสนห่าง กลางบ้านนา
ก็เชื่อว่า จะสมหวัง ที่ตั้งใจ
**..เคยบอกกับ ผู้ใหญ่ ออกไปว่า
อยากจะมี เสื้อผ้า ไว้สวมใส่
อยากจะมี เครื่องใช้ เหมือนใครใคร
อยากมียา รักษาไข้ ใช้ประจำ
**..แต่หนูคง ไม่สมหวัง อีกครั้งแน่
เพราะ..รัฐ..ไม่ เคยเหลียวแล ผู้ต้อยต่ำ
ท่านคงมี งานกองใหญ่ ไว้ให้ทำ
จึงลืมเด็ก ตาดำดำ อย่างพวกเรา
**..คำขวัญ ทุกปี มีมาใหม่
พร้อมดวงใจ เด็กน้อย แสนหงอยเหงา
รอคอยฝัน วันวาร อีกนานเนา
**..ด้วยรัฐเขา คงงานล้น ไม่สนใจ...**
ด้วยความหวังว่า คงมีฝันวันเป็นจริง
9 มกราคม 2546 15:39 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
ครับ..ผมลองไปอ่านกลอนเก่าของไคริ(นก*กระ*ดาษ* + คู่...ชีวิต)
ดูครับ ผมถูกใจเรื่องนี้มากจึงนำมาเสนออีกครั้งครับ พอดีช่วงนี้ไคริไม่รู้
หายไปไหน
*...แม้เมื่อเรายังเล็ก เป็นเด็กน้อย
เคยกล่าวถ้อย วอนจันทราว่าให้สม
ขอข้าวแกง....แหวน....ให้น้องปองนิยม
ขอเตียงตั่ง นั่งชมดาวและเดือน...*
*...เมื่อเห็นดาวล้อมเดือน กลาดเกลื่อนฟ้า
ชวนน้องนับดารา ที่เป็นเพื่อน
ระยับระยิบพริบตา ดาวพร่าเลือน
แต่ดวงเดือนเด่นสว่าง กลางโพยม...*
*...อยากตะกายว่ายฟ้า ไปหาจันทร์
และใฝ่ฝันอยากเอื้อม ให้ถึงโสม
เคยนึกตามใจชอบ ปลอบประโลม
ว่าเติบใหญ่จะได้โคม รัตติกาล...*
*...ฝันไปตามอารมณ์ ผสมโง่
ว่าเติบโตจะบินไป ด้วยใจหาญ
สอยดวงดาวพราวฟ้า มาเป็นยาน
พาเราผ่านเมฆด้น จนถึงจันทร์...*