31 กรกฎาคม 2545 21:09 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
ในโลงนั้นร่างหนึ่งซึ่งฉันรัก
เขานอนพักชีวีไม่มีตื่น
ฉันเรียกเขาเท่าไรก็ไม่ฟื้น
ฉันสะอื้นอ่อนใจเขาไม่ฟัง
เคยกล้าแกล้วแล้วไยเขาไม่ขัด
ยอมถูกมัดกายาด้วยตราสัง
ฉันเคยเรียงเคียงสู้อยู่ทุกครั้ง
กลับมานั่งดูเขาถูกเผาไฟ
เคยชนะอุปสรรคมาหนักหนา
กลับต้องมาพ่ายแพ้เกินแก้ไข
เขาไปสู่ฟากฟ้าสุราลัย
ฉันอยู่ไห้โหยถวิลเจียนสิ้นตาม
ยะเยือกคราพญาโศกพิโยคย่ำ
เหมือนเสียงร่ำลาลับให้วับหวาม
เปลวเพลิงรุ่งพลุ่งโพลงแลบโลงลาม
แล้ววอดวามแวบสั่งครั้งสุดท้าย
ในที่สุดหยุดนิ่งทุกสิ่งสูญ
เพียงกองกูณฑ์เกลื่อนเถ้าร่างเขาหาย
แม้นสุดอยู่สู้ชะตาเอกากาย
ฉันจะตายตามไปคงไม่นาน
30 กรกฎาคม 2545 20:55 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
ประพันธ์โดย อาจารย์ นภาลัย (ฤกษ์ชนะ)สุวรรณธาดา
อย่าลืมวันอันหวานปานน้ำผึ้ง
เก็บความซึ้งซ่อนใจเอาไว้ฝัน
ถึงอยู่ใกล้หรือไกลก็ใกล้กัน
สบตาพลันรู้ว่ารักประจักษ์ใจ
เราบอกกันเช่นนี้หลายปีก่อน
เมื่อยังอ่อนต่อชีวันฝันสดใส
เมื่อรักยังใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งใด
เมื่อคลั่งไคล้อุดมคติปณิธาน
แล้วต่างคนก็ต่างเดินทางโลก
ผจญโศกผจญสุขทุกสถาน
รู้รุกรับขับคี่ยวจนเชี่ยวชาญ
รู้เปรี้ยวหวานมันเค็มเข้มทุกรส
ยิ่งเพิ่มวัยใจยิ่งพร้อยรอยตำหนิ
อุดมคติต่างต่างก็จางหมด
โลกสร้างคนคนใหม่ในโลกคด
คนประชดประชันหยันชีวิต
คนคนเก่าเราไปอยู่ไหนนั่น
คนช่างฝันช่างซึ้งช่างตรึงจิต
คนตาซื่อใจซื่อดื้อนิดนิด
มาเพี้ยนผิดจนถึงตะลึงงัน
เสียดายวันอันหวานปานน้ำผึ้ง
เก็บความซึ้งซ่อนใจได้แต่ฝัน
ถึงอยู่ไกลหรือใกล้ก็ไกลกัน
สบตาพลันต่างซ่อนเสียงถอนใจ