5 ตุลาคม 2545 20:39 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
...ด้วยมาลัย...ร้อยใจ...ในคุณครู...
บทประพันธ์โดย อาจารย์นภาลัย สุวรรณธาดา
**...จากดวงใจดวงหนึ่งซึ่งอ่อนล้า
พบดวงตาดวงหนึ่งซึ่งอ่อนใส
ในความเรียบเงียบงำไร้คำใด
เห็นน้ำใจชุ่มฉ่ำในน้ำตา...
**..หยาดน้ำตาอาวรณ์นั้นอ่อนหวาน
แทนคำขานร้อยคำที่ล้ำค่า
บอกความดีเมื่อวานที่ผ่านมา
และบอกว่าเมื่อวานไม่ผ่านไป...
**..ในคืนวันอันนานด้วยงานหนัก
สร้างความรักความอาทรความอ่ออนไหว
ถึงวันจากโจมจู่จึงรู้ใจ
ความอาลัยโจมจู่จึงรู้ตัว...
**..ชีวิตผ่านร้อนเย็นยากเข็ญสรรพ
รู้รุกรับท่าทีทั้งดีชั่ว
หัวใจแข็งแกร่งฉกาจไม่หวาดกลัว
มาอ่อนรัวแพ้ใจในวันลา...
**..ฝากดอกไม้ไว้วางข้างข้างหมอน
ฝากอาทรไว้วางวันข้างหน้า
วันที่ไร้ใครรับซับน้ำตา
จงกลับมาที่นี่ยังมี...ครู..
5 ตุลาคม 2545 20:21 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
กลอนเรื่องนี้ผมใช้เวลาและความสามารถเท่าที่มีอยู่ในตอนนั้นแต่งขึ้น แต่ก็มีความสามารถแต่งได้เท่านี้แหละครับ ไม่หวังว่าเพราะอะไรมากมาย แต่เน้นความรู้สึกและน้ำใจเท่านั้นครับ
**..เมืองวันนี้ มีพร้อม ทุกสิ่งสรรพ์
แต่ร้อยพัน ฝันร้าย อยู่ไกลบ้าน
เมืองค่ำนี้ มีเพลง บรรเลงลาน
คนไกลย่าน ชายแดน เจ็บแสนทน..**
**..คนในเมือง มือถือ โทรศัพท์
คนอยู่ไกล มือจับปืน ยืนตากฝน
เฝ้าเวรยาม คืนค่ำ ทำเพื่อชน
แสนล้านคน หลับนอน ผ่อนกายา
**..เสียงปืน เสียงสนั่น ไม่พรั่นหวาด
ไม่คิดขลาด หดหัว กลัวหนีหน้า
มีปืนแกร่ง เคียงอยู่ คู่ชีวา
มีแผ่นฟ้า แผ่นดิน เป็นถิ่นนอน
**..มีทางมืด ลิบไกล ในเบื้องนั้น
มีชีวัน ลับลา อุทธาหรณ์
มีเลือดริน ไหลหลั่ง บนทางจร
มีภาพซ้อน เป็นตาย คล้ายคล้ายกัน
**..ชีวิตอยู่ กึ่งกลาง ทางสองฟาก
ทางหนึ่งจาก ลาโลกไกล ดับใฝ่ฝัน
ทางหนึ่งรอด ชีพยง คงกระพัน
เกิดมานั้น ชีพนี้ เพื่อพลีกาย
**..คือโลหิต ปิดตา ครั้นลาโลก
คือความเศร้า โศกหวั่น พลันใจหาย
คือผืนดิน ปิดร่าง บนทางตาย
คือความหวัง มุ่งหมาย กำชัยมา
**..ทองคำ ปิดลง หลังองค์พระ
ชัยชนะ ฝากไว้ ด้วยใจข้า
ทองคงเต็ม องค์พระ ปฏิมา
แล้วโลกหล้า จะยกย่อง ผองคนดี
*******.......นักรบ คงรบ ศึกจบสิ้น
เมื่อชีวินแจ้งประจักษ์เปี่ยมศักดิ์ศรี
ถ้ารอดตายหมายหอบกอบชีวี
คืนสู่ถิ่นธรณีที่รักเอย
มอบแด่ทหารหาญ นักรบทั้งหลายที่ยอมตาย
เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
และประชาชนตาดำๆอย่างพวกเรา
ขอบคุณมากครับ
ด้วยความหวังดี
ก.นพดล รักษ์กระแส
5 ตุลาคม 2545 10:21 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**..จากแรง เป็นรวง ล่วงลุ
ระอุ ร้าวอก รออิ่ม
หยาดเหงื่อ กี่หยด จึ่งชิม
ได้ลิ้ม รสข้าว ชาวนา..**
**..ไม่เคย พร่ำเพรียก เรียกร้อง
กู่ก้อง ขอลาภ ยศฐาฯ
เลี้ยงคน ทั้งเมือง ทั่วมา
ใครหนา รำลึก นึกคุณ..........
.................หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน..................
5 ตุลาคม 2545 10:12 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
แด่ ข้าราชการที่เกษียณอายุการทำงาน
**..ผ่านหนาวผ่านร้อนมาหลากหลาย
ผ่านดีผ่านร้ายมาหนักหนา
แต่วันแรกจนถึงวันจากลา
ซึ่งคงคาความหลังอยู่รอบราย
**..เคยคิดว่าหน้าที่คือชีวิต
แต่หวนคิดขึ้นใหม่ก็ใจหาย
เพราะคือการเดินทางครั้งสุดท้าย
ก่อนจะหมดความหมายแห่งสายงาน..**
**..เหลือไว้เพียงความทรงจำให้รำลึก
เก็บไว้เป็นความรู้สึกให้สืบสาน
ว่าความเคลื่อนไหวของวันวาน
จะหายไปในธารกาลเวลา..**
**..ที่เคยเป็นตำนานแห่งกาลสมัย
จะค้างรอยอาลัยให้หวนหา
ค้างความภูมิใจในแววตา
ค้างความอ่อนล้าที่เคยมี..**
**..ด้วยว่างานเลี้ยงจะเลิกรา
ตามกฎกติกาแห่งหน้าที่
จึงมีดอกไม้แห่งไมตรี
มอบให้ในวิถีแห่งการลา.....**
**.. ซึ่งสูงสุดจะคืนสู่สามัญ
เคยฝันจะดับฝันวันข้างหน้า
ซึ่งเป็นไปตามธรรมดา
คือการเดินทางมาเพื่อจากไป..**
**..อาจเคยฝากรอยเท้าไว้แทบพื้น
ที่เคยหยัดเคยยืนร่วมยุคสมัย
ฝากความเป็นคลื่นลูกเก่าให้เข้าใจ
เมื่อคลื่นลูกใหม่ไล่มาทัน..**
**..ไว้เป็นความงามของความหลัง
ไว้แฝงไว้ฝังและไว้ฝัน
ไว้เป็นสัจธรรมที่สำคัญ
ว่าชีวิตนั้นเป็นฉะนี้..**
**..โดยตำแหน่งหน้าที่เคยมีอยู่
ก็กลายเป็นผู้หมดหน้าที่
โดยวาสนาบรรดามี
แต่ละปีแต่ละปีก็หมดไป..*
****... .....ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหนักหนา
ผ่านวันเวลาโดยเคลื่อนไหว
จึงต้องรู้ต้องรับต้องปรับใจ
เพื่อชีวิตใหม่ในพรุ่งนี้
5 ตุลาคม 2545 09:54 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
ขอมอบเรื่องกลอนนี้ให้แด่ ผู้ที่เล่าเรียนมาทุกๆคนครับ
บทประพันธ์ของอาจารย์ นภาลัย สุวรรณธาดา
**..บัณฑิต
ผลผลิตแห่งสถานการศึกษา
หลายปีก่อนมือเปล่าเธอก้าวมา
ถึงเวลาก้าวไปรับใช้คน..**
**..ศึกษาศาสตรบัณฑิตคิดให้มาก
งานเธอยากแต่ยิ่งใหญ่ได้กุศล
ตาดำดำทำเธอสุขและทุกข์ทน
ถ้ากลัวจน แล้วอย่า มาเป็นครู..**
**..นิติศาสตรบัณฑิตคิดไหมว่า
โชคชะตาคนทั้งผองเธอครองอยู่
พิทักษ์สิทธิ์พิชิตโศกให้โลกรู้
เชิดตราชู ยุติธรรม์ จนวันตาย..**
**..วิทยาการจัดการงานผลิต
ธุรกิจสูงสุดใช่จุดหมาย
ต้องสร้างสรรค์งานประชาที่ท้าทาย
รับแล้วจ่าย คืนกำไร ให้สังคม..**
**..แพทย์ศาสตร์พยาบาลเธองานหนัก
ใช้ความรักความรู้คู่ประสม
เธอยึดมั่นจรรยาจึงน่าชม
อย่านิยม อามิส ชีวิตใคร..**
**..นิเทศศาสตรบัณฑิตคิดให้กว้าง
ใช่หนทางดาราน่าพิสมัย
เธอจงเป็นนกพิราบคาบใบไม้
สื่อหัวใจ สู่สวน แห่งมวลชน..**
******.....บัณฑิตเอยบัณฑิตใหม่จงได้คิด
อย่ายึดติดแต่กระดาษขาดเหตุผล
ชีวิตจริงยิ่งต้องเข้มต้องเต็มคน
พร้อมผจญปลดครุยลงลุยโคลน..........