12 กุมภาพันธ์ 2546 13:50 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**..ไปด้วย หน้าที่ ที่ได้รับ
ไปเพื่อปรับ วิสัย ให้ใจกล้า
ไปรู้ลึก ถึงคำ ว่าชีวา
ไปค้นหา ประสบการณ์ ด้านชีวิต
**..เราต่างเป็น นักศึกษา วิชาทหาร
พร้อมทำการ ตามหน้าที่ ที่มีสิทธิ์
ทำอะไร ต้องใช้ ซึ่งความคิด
รู้ว่าถูก ว่าผิด เป็นอย่างไร
**..บทพิสูจน์จิตใจให้หาญกล้า
จึงย่างมาถึงบนเขาชนไก่
ให้รับรู้ถึงชีวิตด้วยจิตใจ
แล้วจะรู้ถึงสิ่งใหม่ในพรุ่งนี้
**..ว่าความ ลำบาก เป็นไฉน
ถึงทหารไทย ที่ตาย ในหน้าที่
เพื่อชาติ แล้วพร้อม จะยอมพลี
เอาชีวี แลกไว้ เพื่อไทยเรา
**..จึงรับรู้ และเข้าใจ ในครูฝึก
จึงรู้ฮึก รู้เหิม เพิ่มหลายเท่า
รู้ถึงคำ ว่า เพื่อนแท้ แม้นานเนา
รู้เศร้า รู้สุข ทุกเวลา
**..ประสบการณ์ เสี้ยวหนึ่ง ของชีวิต
ฝากรอยคิด จิตใจ ให้หาญกล้า
ภาพแห่งวัน คืนวาร ครั้งผ่านมา
ทุ่งลาดหญ้า ยังฝังใจ ไม่ลืมเลือน
**..จากนักศึกษาวิชาทหาร..โรงเรียนเทพศิรินทร์
ผลัดวันที่7-11ก.พ.2546 กองพันปกครองที่ 34
3 กุมภาพันธ์ 2546 22:17 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**..ในโลกแห่ง ความมืดมิด ชีวิตนี้
ไม่เห็นที่ ไม่เห็นทาง จะวางขา
ผู้คนต่าง ขวักไขว่ เดินไปมา
เขาเมินหน้า หลีกลี้ แล้วหนีไกล
**..ในโลกมืด แห่งดวงตา ไร้ค่าเหลือ
แสนจะเบื่อ เหลือทน อย่างหม่นไหม้
เป็นขอทาน คนที่ ไม่มีใคร
คอยสนใจ ช่วยเหลือ แลเจือจาน
**.. ลูกหลาน เคยมี ก็ทิ้งหาย
จึงกลาย เป็นคน ร้องขับขาน
ขอเศษเงิน เศษน้ำใจ ไว้เป็นทาน
มือก็คอย กราบกราน ต่อผู้คน
**.. ไร้บ้าน ไร้ช่อง ไร้ถิ่นที่
ทุกวันนี้ อยู่ไม่ต่าง ข้างถนน
กลางแสงแดด แผดเผาร่าง ช่างร้อนรน
หรือตากฝน ทนร่ำ ทั้งน้ำตา
**.. โอ้ชีวิต ว่าจะเห็น เป็นฉะนี้
ตัดพ้อ ต่อชีวี ที่ไร้ค่า
ไม่มีลูก ไม่มีหลาน คอยพึ่งพา
ทนเขาด่า ว่าขอทาน ทุกวารวัน
ผมไม่ได้ต่อว่าหรือเย้ยหยันผู้ที่เป็นขอทานนะครับ แต่กลับสงสารพวกเขา
ด้วยซ้ำไป นี่ละมั้งครับที่เขาว่า ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้
ถึงเลือกเกิดไม่ได้ แต่ก็เลือกที่จะทำความดีได้
2 กุมภาพันธ์ 2546 19:51 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
บทประพันธ์นี้ประพันธ์โดย คุณอัคนี หฤทัย
วันที่ดอกไม้แดงแห่งความหลัง
บานสะพรั่งอยู่ที่โน่นและที่นี่
คือประมวลความหมายอันมากมี
ให้ย้อนทวนภาพที่เคยรบรา
ดอกไม้แห่งทวยหาญผู้ผ่านศึก
เป็นจารึกวีรกรรมอันหาญกล้า
แห่งผู้ซึ่งผ่านการศึกมา
เพื่อรุกรานหรือรักษามาตุคาม
เกิดศึกกี่ศึกก็ไปสู้
รู้ทั้งรู้ว่าเบื้องหน้าคือดงหนาม
แต่วีรบุรุษนิรนาม
ต้องเขียนประวัติงดงามด้วยความตาย
อาจมีธงชาติคลุมเหนือหลุมศพ
ให้ผู้มาเคารพรู้ความหมาย
ว่าเหล่านักรบที่เรียงราย
ทำหน้าที่สุดท้ายก่อนท่าวทบ
อาจมีเหรียญตราเหรียญกล้าหาญ
เล่าสู่ลูกหลานไม่รู้จบ
เรื่องราวแห่งผู้ไปสู้รบ
ซึ่งพบซึ่งผ่านกาลเวลา
ถึงเลือดถึงเนื้อเพื่อชีวิต
ถึงพร้อมความคิดของการฆ่า
ที่เจ็บที่ตายก็เต็มตา
ที่รอดชีวิตมาก็พอมี
อาจเดียวดายกลางดงดอกไม้ป่า
มีสุสานทหารกล้าเป็นวิถี
ซึ่งจะปิดเปลือกตาในธาตรี
ได้โดยคำสดุดีแห่งสีดำ
ว่าคือทวยหาญผู้ผ่านศึก
สู้รบเป็นจารึกไว้รินร่ำ
ว่าคือผู้พิทักษ์สันติธรรม
สร้างมหาวีรกรรมไว้เตือนใจ
เตือนความทรงจำให้รำลึก
ย้อนความรู้สึกร่วมสมัย
ว่าผ่านศึกสงครามแล้วยามใด
ก็ต้องเร่งปลูกดอกไม้แห่งไมตรี
.... เป็นดอกไม้ขึ้นแซมหว่างหลุมศพ
แห่งนักรบผู้ตายในหน้าที่
เป็นโศลกรินร่ำคำกวี
ก่อนพรุ่งนี้...ที่จะไม่...มีใครจำ
.........ขอเป็นกำลังใจมอบแด่ผู้ปิดทองหลังพระทุกคน...........
30 มกราคม 2546 21:38 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**..ถึงฟากฟ้า สองฝั่ง ช่างเหินห่าง
เราก็ร้าง เกินกว่า หากันได้
มีความรัก ถักทอ จากห้องใจ
เพื่อฝากไว้ เป็นสัญญา ว่ายังรัก
**..ลมหนาว พริ้วมา เวลานี้
รู้เถิด คนดี พี่หนาวหนัก
เหนื่อยแรง เหนื่อยใจ ไม่ผ่อนพัก
เธออย่าทัก อย่าทาน อย่ารานร้าว
**..จันทร์เอ๋ย จันทร์ที่รัก
รู้ไหมฉัน จมปลัก กับความหนาว
หนาวกาย หนาวพร่า น้ำตาดาว
ถึงคราว หนาวใจ ใครจะมอง
**..รอคำตอบ กลับมา จากอีกฟาก
ด้วยการจาก ครั้งนี้ พี่หม่นหมอง
ณ คืนนี้ ยังฝืนท่า น้ำตานอง
เพราะไร้ คู่ครอง ปรองดองกัน
**..คิดว่า ต้องรอ ไปตลอด
เพราะยอด ดวงใจ ไม่ห่วงฉัน
ทิ้งไว้ ผ่านคืน และผ่านวัน
ปล่อยให้พี่ นั่งฝัน อย่างเดียวดาย
**..สุดท้ายแล้ว ความนัย ไม่สมหวัง
มิอาจรั้ง หัวใจ ไกลห่างหาย
ทนรับ ทนรู้ อย่างผู้ชาย
ว่าอย่าหมาย ดอกฟ้า มาครองเลย...
ด้วยความหวังดี
17 มกราคม 2546 22:55 น.
ต่อง (ต้อง) ksg
**..เธอรู้ไหม...
ว่าการ จากไกล นั้นแสนเศร้า
เหมือนพระจันทร์ อำไพ แต่ไร้เงา
จึงเงียบเหงา โดดเดี่ยว เปลี่ยวเอกา
**..เวลายิ่ง กระชั้น ถึงขั้นนี้
อีกกี่ปี เพื่อนรัก จักพบหน้า
ปัจฉิมนิเทศ เริ่มมีมา
พร้อมกับการ จากลา จึงเริ่มมี
**..แด่เพื่อนที่รัก...
ทั้งพวกพรรค เพื่อนใจ ในที่นี้
ยังอบอุ่น ด้วยรัก สามัคคี
ด้วยไมตรี ตรึงใจ ไว้ชั่วกาล
**.. แด่ความฝัน...
เราฝ่าฟัน ด้วยน้ำใจ ใฝ่ประสาน
มุ่งสร้างสรรค์ สั่งสม อุดมการณ์
ตามปณิธาน ที่หวัง ที่ตั้งใจ
**..ลาแล้วเพื่อนเอ๋ย...
ร้างแล้ว อย่าร้างเลย เคยฝันใฝ่
เธอจะจาก พวกเรา ไปหนใด
จงรู้ไว้ ว่าเรา ยังเฝ้าคอย