28 เมษายน 2546 19:39 น.
ตู่นุดี
ยามอาทิตย์อัสดง เฝ้ามองไปตรง
ยอดพระเจดีย์เสียดฟ้า
แห่งกรุงศรีอยุธยา ผ่านรอยน้ำตา
แห่งความอาดูรโศกศัลย์
ฟากฟ้าที่ข้าเห็นนั้น คงเป็นแผ่นเดียวกัน
กับยามที่กรุงชะตาขาด
เห็นนิมิตรวิปลาศ ดั่งสายฟ้าฟาด
ลงที่กลางหัวใจข้า
พระราชวังอลังการ์ สลายลงพริบตา
วัดหลวงราษฎร์ถูกทำลาย
เปรียบประดุจดังฝันร้าย ชาวบ้านล้มตาย
กรุงศรีรามเทพสิ้นลง
แต่ตอนนี้ที่มองตรง สิ่งที่เหลือคง
คือความงดงามไม่เสื่อมคลาย
25 เมษายน 2546 20:13 น.
ตู่นุดี
ไม่ต้องรีบต้องลุกเช่นทุกเช้า
เสื้อนักเรียนตัวเก่าแขวนข้างฝา
ได้ปิดเทอมก็ดีแล้วนี่นา
อุตส่าห์รอวันนี้มานานเป็นปี
แต่เหตุใดหัวใจฉันกลับเหงา
เสื้อนักเรียนตัวเก่าเปรอะเปื้อนสี
ลายมือใครเป็นใครจำได้ดี
เมื่อวานนี้ร้องไห้กันวันอำลา
กลายเป็นเช้าที่เปล่าเปลี่ยวกว่าทุกเช้า
เสื้อนักเรียนตัวเก่าเหงาหนักหนา
เคยหยอกล้อเล่นสนุกสุดเฮฮา
จึงได้รู้เมื่อวันลาว่าผูกพัน
จะเก็บไว้ตลอดไปนะรูปถ่าย
ที่เพื่อนเพื่อนแจกจ่ายให้กับฉัน
ที่ข้างหลังเขียนไว้ว่า...อย่าลืมกัน...
แม้ไม่เขียนอย่างนั้น...ไม่ลืมเธอ
จะให้ลืมเพื่อนลงได้อย่างไร
เพื่อนมีค่าในใจฉันเสมอ
ไม่จำเป็นที่เราต้องพบเจอ
เพราะจดจำว่า..รักเธอ..เสมอเอย
25 เมษายน 2546 18:39 น.
ตู่นุดี
เหลืองเอ๋ยใบยอ หอมช่อกระดังงา
ปีนี้ใครเอ็นท์ฯ ใจเย็นเย็นเถอะหนา
จะได้รู้กัน อีก 10 วันข้างหน้า
ม.ธรรมศาสตร์ หรือไม่พลาด จุฬาฯ
แล้ว ม.เกษตรฯ หมอมีเกรด รามาฯ
เอาน่า..สู้ทน อดรนฟันฝ่า
เอ๊ะ..นั่นอะไร ? แสงไฟลอยมา
ว้าย! เปลวเทียนนี่หว่า เศร้าเอย
4 เมษายน 2546 16:10 น.
ตู่นุดี
ชีวิตของนักเรียนชั้น ม.ปลาย
เมื่อต้องกลายจากเด็กเป็นผู้ใหญ่
ต้องเติบโตเป็นนิสิตมหาวิทยาลัย
ก้าวเดินไปตามเส้นทางที่ผูกพัน
อนาคตต่อไปในภายหน้า
ใครจะมาลิขิตชีวิตฉัน
คงไม่มีแน่แท้ใครคนนั้น
ต้องสร้างสรรค์ลิขิตชีวิตเอง
ชีวิตใหม่ใช่มีแต่ความสุข
อาจมีทุกข์อุปสรรคมาข่มเหง
เปรียบดังท่วงทำนองของบทเพลง
ที่บรรเลงสุขเศร้าเคล้ากันไป
ก้าวเดินตามเส้นทางที่มุ่งหวัง
ด้วยพลังแห่งฝันอันยิ่งใหญ่
แม้หนทางข้างหน้าอีกยาวไกล
แต่หัวใจหมายปองต้องลองดู
เฝ้ารอคอยวันถือช่อดอกไม้
พร้อมสวมใส่เสื้อครุยที่สวยหรู
แทนพระคุณพ่อแม่และคุณครู
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความฝันเรา
26 มีนาคม 2546 11:05 น.
ตู่นุดี
มองฟากฟ้ารัตติกาลผ่านคืนนี้
ท้องฟ้ามีแสงดาวและเดือนฉาย
ทำให้ฉันเห็นเรื่องราวอยู่มากมาย
ต่างเรียงรายเล่าผ่านม่านดวงดาว
ทางช้างเผือกเรียวยาววาวระยับ
ต้องคอยรับฟังก่อนทั้งร้อนหนาว
เรื่องมนุษย์สุดเข็ญเป็นข่าวคราว
ทั้งยินดีทั้งปวดร้าวปนกันไป
อันชีวิตคนเรานี้ที่ได้เกิด
คิดดูเถิดจะมีสุขทุกคนไหม
ไหนใครบ้างไม่เคยมีทุกข์อะไร
ได้สุขกายสุขใจอยู่ทุกวัน
อันความสุข ความโศกในโลกนี้
ทั้งเศรษฐีทั้งยาจกมิขีดคั่น
ไม่ว่าใครก็ต้องพบประสบมัน
ย่อมตามทันถึงวันชีวาวาย
เช่นดวงจันทร์แจ่มกระจ่างบนฟากฟ้า
มีเวลาเป็นเดือนแรมและเดือนหงาย
เหมือนคนเรามีทั้งทุกข์สุขสบาย
ตราบวันตายควรคิดพินิจเอย