28 มกราคม 2546 16:02 น.
ตุ๊กตาไล่เหงา
หลงใหลซะจนเก็บไปฝัน ฝันว่า ...กลอนพาไป ไปไหนก็ไม่รู้
รู้แต่ว่ามันแสนไกล ไกลจนจินตนาการไปไม่ถึง...
...สิ้นเสียงสำเนียงวจีภาษา
...สิ้นนกกาส่งเสียงร้องขับขาน
...สิ้นเสียงเรไรหรีดหริ่งผสาน
...สิ้นตำนานกวีไทย...ใจpoem
สิ้นสำนวนแว่วหวานสำราญสุข...
คงต้องทุกข์หมองหม่นทนใจหาย...
ไม่มีกลอนสอนขันพลันต้องตาย...
กลอนห่างหายหัวใจไม่ก้าวเดิน...
...สำเนียงเสียงผสานเป็นตำนาน
...บอกเล่าผ่านเป็นถ้อยคำนำผู้คน
...สัมผัสอักขระหวนชวนให้ยล
...หนีไม่พ้นบ่วงห้วงบทกวี
จะกี่ครั้งกี่คราวยังเฝ้าฝัน...
ยังบากบั่นให้วันนั้นมาถึง...
เหล่ากวีพร้อมใจกันเป็นหนึ่ง...
ต้านสะพรึงความกลัวทั่วแดนไทย...
14 มกราคม 2546 13:39 น.
ตุ๊กตาไล่เหงา
เคยเหงาเคยเศร้ากับเขาบ้างไหม
ในวันที่โลกไร้สรรพเสียง
เรียบเรียงร้องขับขานผ่านสำเนียง
เห็นเพียงละอองน้ำ...ยามฝนซา...
ข้างกายมีใครบ้างไหมที่เหงา
พวกเขายังร่ำร้องบอกอยู่ไหม
ใครหนอทำพวกเขาเศร้ารินไหล
ยัดเยียดเหงาให้ทิ้งไปไม่คืน...
แม่ที่เคยอยู่พ่อที่เฝ้าดู
ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ตรงไหน
เปล่าเปลียวเดียวดายไม่สบายใจ
เห็นใครๆเขาพร้อมหน้าอิจฉา...จัง...
โถมกระหน่ำซ้ำเติมเสริมกันเข้าไป
ก็เรามันพวกเดนตายไม่อายเขา
อยู่ตรงนี้ใครเล่าที่เฝ้าเป็นห่วง
เป็นตัวถ่วงของสังคมสมเขาว่า
แต่จะมีไหมสักคนที่เมตตา
มอบการศึกษาให้ข้าบ้างสักครั้ง...
.......แด่น้องๆสีแยกไฟแดง.....
11 มกราคม 2546 14:57 น.
ตุ๊กตาไล่เหงา
เรือใบไผ่.......................
รอนแรมดังเรือใบไผ่...
อ่อนไหวยิ่งกว่าใบไม้...
ล่องในกระแสธารไหล...
ไม่อาจต้านกระแสใจ...
ปลิดปลิวลิ้วลอดลอยไป...
ปล่อยตัวปล่อยใจ...ก้าวไปตามฝัน...
เรือใบไม้...................
ล่องลอยในกระแสธารา
ละอองน้ำสาดกระซัดมา
ลมพัดลมพาให้เอื้อยไหล
สู่กระแสธารอันยิ่งใหญ่
คือความฝันใฝ่ที่ต้องไป....ให้ถึง
ปีกแห่งรัก.....................
ไม่สามารถบินได้ดังเธอ
แค่อยากอยู่ทุกที่...ที่เธอไป
เป็นสายลมใต้ปีกไม่หลีกไกล
ให้ปีกรักสว่างไสวในใจเรา...
ขอให้เธอ......
กางปีกบินทะยานสู่ฟ้ากว้าง
ปีกบางๆกางต้านกระแสลม
ธรรมชาติสวยงามเฝ้าลูบชม
ช่างสุขสมยามรักปักกลางใจ
11 มกราคม 2546 14:36 น.
ตุ๊กตาไล่เหงา
คุณจะ.....
ปิดประตูหัวใจ.......อย่าให้น้ำตาไหลออกมา
ปิดม่านบังตา.........ให้ลืมหน้าเขาไป
หรือจะ
เปิดประตูหัวใจ......ให้น้ำตาไหลออกมา
เปิดม่านบังตา........ให้หน้าเขาอยู่ต่อไป
# สักวัน.....คง....สักวัน
ที่เขา...จะ...หันมา
อ่อนใจ...และ...เหนื่อนล้า
กลับมา.....หาเธอ
เพียงเธอ...ยัง...ห่วงใย
ปลอบใจ....ให้หายดี
เธอสำคัญ....ก็ตรงนี้
ตรงที่เธอ....ไม่เผลอใจ#
11 มกราคม 2546 13:57 น.
ตุ๊กตาไล่เหงา
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานจนรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นเดี๋ยวนี้เอง
ในฤดูหนาวอันแสนอบอ้าว(มีเหรอ) ผมคือแด๊กคิวร่าแก่ผิวดำ หงำเหงือก
หัวเขียว(ค้างคาวนะ..ไม่ใช่แมลงวัน)
ผมตะเกียกตะกายเดินทางตามหาสาวบริสุทธิ์
เพื่อดื่มเลือดอันแสนหอมหวานของพวกเธอ
แล้วผมก็จะได้มีชีวิตที่เป็นอมตะเป็นพยัคร้ายไม่มีวันตาย
แต่ผมตามหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ...
เวลาของผมใกล้จะหมดลงแล้ว ความหวังที่จะได้ดื่มเลือดสาวบริสุทธิ์ยิ่งดูลิบหรี่ลง
ผมเดินทางรอนแรมดังเรือใบไผ ลอยไปตามกระแสทะเลใจ
ซัดเซพเนจรอย่างไรจุดหมาย จนได้มาถึงโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่ง
..โรงเรียนแห่งนี้ต้องมีสาวบริสุทธิ์แน่... ผมคิดในใจ
แต่เมื่อเห็นป้ายที่หน้าโรงเรียนเขียนไว้ว่า...โรงเรียนสตรีมหาเวทย์...
ผมแทบเป็นลมล้มชักลงที่ตรงนั้น...คิดว่าชาตินี้คงไม่ดื่มเลือดสาวบริสุทธิ์แล้ว
ในขณะที่แทบจะหมดความหวังนั้นพลันผมก็เหลือบแลไปเห็นแม่มดน้อยนางหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่บนโขดหิน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ผมจึงได้รู้ว่าแม่นดน้อยนางนี้
ช่างน่ารักเหลือเกิน หยาดน้ำตาที่หล่นลงมายิ่งทำให้แก้มอันขาวนวนดูเย้ายวนยิ่งขึ้น จึงเอ่ยถามเธอไปว่า
...เจ้าเป็นอะไรไปรึแม่มดน้อย ใยเจ้ามานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้...
เธอไม่ได้ตกใจอะไรเลยที่เห็นแด๊กคิวร่าแก่อย่างผม กลับยิ้มให้อย่างยินดี
แล้วตอบว่า
...ข้าร้องไห้ให้กับท่านไงล่ะ ท่านตามหาสิ่งที่ต้องการมานานแต่ก็ไม่สมหวังสักที
เอาล่ะเห็นแก่ความพยายามของท่าน เราจะให้พรท่าน 3 ประการ...
ผมดีใจมาก คิดในใจว่า...ถึงชาตินี้จะไม่สมหวัง ชาติหน้าก็ยังรอได้...
จึงบอกกับเธอว่า...
พรที่ข้าต้องการคือ
1. ขอให้ข้าเกิดมาผิวขาวผุดผ่อง
2. ขอให้ข้าได้อยู่ใกล้ๆกับสตรี
3. ขอให้ข้าได้ดื่มเลือดของสาวบริสุทธิ์
แม่มดน้อยพูดว่า...เจ้าแน่ใจในคำขอของเจ้ารึ... ผมคิดนิดนึงแล้วผงกหัว
...เอาล่ะเมื่อเจ้าขอมาเราก็จะให้...
แล้วผมก็สิ้นลมหายใจไปนะที่ตรงนั้น...หลับตายิ้มอย่างยินดี นึกอยากจะขอบคุณแม่มดน้อยแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว...
แดดๆๆๆ.....ฝนๆๆๆ....หนาวๆๆๆ...ลมวิ๊วๆๆๆ...
กาลเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ล่วงเลยมาถึงปี 2003
ผมตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยผู้หญิงเดินกันพลุกพล่าน
บางคนก็มาลูบมาจับตัวผม บ้างก็พลิกตัวผมไปมาแล้วก็ไป
ครู่หนึ่งมีผู้หญิงคนอายุราวๆสิบห้าหน้าตาดี แต่รู้สึกว่าเธอจะไม่มีความมั่นใจเลย
เดินมาหยุดที่ตรงหน้าของผม แล้วเธอก็พูดว่า...น่าจะใช้ได้นะ เอานี่ล่ะ...
แล้วเธอก็พาผมไปที่ๆหนึ่งในที่นั้นผมเห็นผู้หญิงอีกคน เธอสองคนคุยกัน
พี่คะ...อันนี้เท่าไหร่คะ.... ผู้หญิงที่พาผมไปถามขึ้น
น้อง...รุ่นนี้ออกใหม่นะมีปีกด้วย และนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน
นึกแล้วอยากจะกลับไปขอพรใหม่จริงๆ....แม่มดน้อย
อนิจจา.....ชีวิตแด็กคิวร่าแก่
แก่แล้ว.....ไม่เจียมบอร์ดี้
เห็นคนหน้าตาดี.....ก็เชื่อแล้ว....
:::*****:::