20 ธันวาคม 2550 23:45 น.

แว่นหลายสีและอติทางอารมณ์

ตึ๋งหนืด

คนเราทุกคนเพี้ยน โดยเพี้ยในความหายนี้หมายความว่า เราไม่สมบูรณ์ ต้องการส่วนเติมเต็มเสมอ เราไขว่คว้าหาสิ่งที่สมบูรณ์กว่าเรา เราประดับร่างกายได้เสมอ แต่จิตใจเป็นสิ่งที่เราประดับได้ยากกว่ามากนัก

ในความเพี้ยนของเรานั้นบางครั้งเราก็มองคนที่มีความแตกต่างไปจากเราว่าเค้าเพี้ยน เค้าบ้า เพราะเรามีเหตุผลกับสรรพสิ่ง วันมีหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองในสรรพสิ่งที่เราเห็น อะไรที่มันเกินความเข้าใจเรา เรามักจะบอกว่าไม่มีมีจริง บ้าบอหรือ อะไรที่เราจะนิยามมันขึ้นมาเพื่อปฏิเสธการมีตัวตนของมัน

ความคิดนี้เปรียบเหมือนแว่นตาที่เราสวมทุกคน เราสวมแว่นสีเขียว โลกทั้งใบก็สีเขียว เรามองสีอื่นไม่เห็น ... เรารู้ว่ามันมีเขียว กับเขียวกว่า

คนอื่นก็ใส่คนละสี ทุกคนมีสีของตัวเอง ... แต่มีบางคนมีแว่นหลายๆอัน พวกนี้คือพวกที่ไม่ยึดติดกับอะไร .. เค้ามองว่าโลกนี้เป็นเพียงละครที่เรายึดติดอะไรไม่ได้ ...

ผมเล่นกีตาร์หน้ามหาวิทยาลัย บางคนบอกว่า ไม่ไปทำอย่างอื่นเหรอ งานแบบนี้มันต่ำ บางคนบอกว่า ไม่ไปทำอย่างอื่นเหรอ แบบนี้มันดูไม่ดี บางคนบอกว่ากล้าจัง กล้าแสดงออกชอบ แล้วผมว่าไง ... ไม่ว่าไงทั้งนั้น ... ผมสวมแว่นที่จะมองพวกเค้าแล้วเข้าใจ ผมอยากสวมแว่นใสๆ ปราศจากอคติ จะได้ไม่ต้องรบก่ะใคร ...

โลกนี้ก็เพี้ยนๆ ใครว่าตัวเองดี ตัวเองสมบูรณ์ ก็สร้างสงคราม เพื่อคงมีคนเปรียบเทียบแล้วก็คิดว่าตัวเองก็ดีเหมือนกัน ...

ผมขอให้เราทุกคนกลับมาสวมแว่นหลายๆอันดู อาจจะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ผมเล่นกีตาร์หน้ามอวันนี้ วันหน้าผมอาจจะเป็นายกบริหารประเทศก็ได้ ใครจะไปรู้ และผมหวังว่าชีวิตของผมจะทิ้งอะไรไว้ให้คนรุ่นหลังเค้าเห็นเป็นแบบอย่าง ดังนั้นผมจะต้องเรียนรู้กับชีวิต โดยไม่อคตินั่นเอง

บันทึกประจำวัน 20/12/07
ที่บ้าน ขณะไม่สบาย				
20 ธันวาคม 2550 21:38 น.

จดจำไว้ทุกย่างก้าว ตอนที่สอง

ตึ๋งหนืด

คราวที่แล้วผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับร้านอาหารใจดีที่คอยให้ผมทานฟรี เค้าเลี้ยงผมเป็นเดือนๆ เลยทีเดียว

หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จผมได้มีโอกาสนั่งลงแล้วนึกถงึความหลัง อย่างที่ผมตั้งใจจะใช้เวลาขณะที่ผมไม่สบายทำอะไรที่มีความหมายกับชีวิต

แล้วผมก็จำได้เรื่องนึง ...

ขณะที่ผมเรียนอยูที่มหทาวิทยาลัย ผมต้องทำงานเพื่อส่งตัวเองเรียนแล้วก็ ส่งเงินให้พ่อบางส่วน ที่นี่ผมขายขนมปัง จำได้ว่าต้องเดินเป็นกิโลๆ ทุกวันตั้งแต่เช้าเพื่อขายของ แล้วเรียนตอนเย็น เอาขนมให้เพื่อนซื้อทานในห้องด้วย

แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ...

ผมขายไม่หมดแล้วขนมปังก็เสีย เลยขากทุนไม่มีเงินให้เขาเพราะรับเขามาขาย ผมเอาเงินทั้งหมดให้เขา แล้วเขาก็เกรงใจผม แต่ผมก็ด้วยความรับผิดชอบจึงยัดเยี่ยดเขาไป 

ตกตอนเย็นไม่มีเงินทานข้าว เดินไปเรื่อยๆ จนสุดถนน ผมก้มหน้ามองทางเท้า ท้อใจ การขายของมันยากมาก แล้วต้องขายให้ได้ แต่แน่นอนมันก็ดีกว่าการทำงานเป็นชั่วโมงเพราะนั่นหมายความว่าผมต้อง ห้ามสาย ห้ามลา ห้ามตาย...

ผมได้แต่มองก๋วยเตี๋ยวที่เค้าโชว์ในตู้ ลูบท้องตัวเองแล้วก็ก้มหน้า เจ๊ขายก๋วยเตี๋ยวถามว่า "วันนี้ไม่ขายของเหรอ" ผมก็ตอบเค้าว่า "ไม่หรอกครับฝนตกขายไม่ได้" แล้วที่ขายเมื่อวานล่ะ เจ๊แกถาม เสียครับ ... ผมตอบด้วเสียงหมดหวัง

มา มา มา กินก๋วยเตี๋ยวเจ๊ก่อน ... แกชวน ผมตอบกลับไปว่า ผมอยากทานมากเลยแต่วันนี้ผมไม่มีตัง เอาไว้ขายของได้เงินแล้วจะมากินนะครับ คงพรุ้งนี้เย็น ..

เจ๊แกตอบว่า เจ๊เลี้ยงเองไม่ต้องตังหรอกคนทำมาค้าขายด้วยกัน ของมันก็อย่างนี้แหละตอนเจ๊เปิดร้านแรกก็เป็น แกพูดจณะลวกก๋วยเตี๋ยวให้ผม ..

ทุกวันที่ผมมีทาน ผมนึกถึงทุกมื้อ และทกไปหน้าของพวกเขา ... ผมคิดว่ามันมหัศจรรย์กว่าการมีเงินมากมาย เพราะเงินมากมายไม่อาจซื้อสิ่งที่เรียกว่าน้ำใจบริสุทธิ์ได้

ผมยังคงภูมิใจ และเวลาใดที่เหนื่อยจะแวะไปทานก๋วยเตี๋ยวเจ๊แก วันนี้ผมไปทานดีกว่าเปลี่ยนบรรยากาศ 

แล้วพบกันใหม่ครับ ขอตัวไปร้านเจ๊แกหน่อย				
20 ธันวาคม 2550 21:21 น.

จดจำไว้ทุกย่างก้าว ตอนที่1

ตึ๋งหนืด

วันนี้เป็นอีกวัน ที่ตอนบ่านร้อนแรง ผมซักผ้าไว้เมื่อคืน ... อากาศวันนี้เอาใจผมยิ่งนัก ...

ผมกลับเข้ามานั่งพักผ่อนหลังจากการทำภารกิจประจำวันยกใหญ่ และวันนี้ผมก็ไม่สบายด้วย น้ำมูกไหลทั้งวัน ...เชียว

เมื่อวานจำได้ว่าผมท้อใจอยู่ นั่งร้องไห้แล้วก็ปลอบใจตัวเอง วันนี้เลยไม่สบายเลย อันที่จริงก็ดีถือโอกาสพักบ้าง

ผมนั่งนึกถึงเรื่องราวความทรงจำดีๆที่ผ่านมา เรื่องราวที่มหัศจรรย์ เรื่องที่ทำให้ผมไม่ท้อใจ และก้าวต่อไป เรื่องราวเหล่านั้นผมยังจำได้ดี จำได้ทั้งหมดเลย ...

วันหนึ่งขณะที่ผมกลับมาจากโรงรียนผมนั่งอยู่หน้าโรงแรมที่ผมอาศัย จำได้ว่าตอนนั้นผมกับพ่อโดนยึดบ้านแล้ว เราเลยต้องอกใสตามโรงแรม กระนั้นผมยังคงให้พ่อรอผมที่ไหนซักแห่งซึ่งตอนนั้นเราไม่มีโรศัพท์ พ่อจึงต้องรอผมทั้งวัน ตั้งแต่เช้าผทไปเรียนจนเย็นผมกลับมา

ผมไม่มีเงินติดตัวเพราะต้องจ่ายค่าโรงแรม ผมเลยไม่ได้กินข้าวทั้งวัน หิวมากนะ เลยเดินไปร้านอาหารเที่ยวขอข้าวเขากิน น่าประหลาดใจที่ขณะที่บางคน เค้าร่ำรวยอยู่แล้วเค้ากลับฟ้องเราสองพ่อลูกเพื่อยึดบ้าน แต่บางคนไม่มีเท่าไหร่ก็กลับให้เรากิน เช่นร้านอาหารร้านนี้

เป็นร้านอาหารเก่าๆโทรมๆ ดูภายนอกว่าจะเจ๊งแล้วด้วยซ้ำ ผมเดินผ่านไปเค้าเรียกผมเข้ามาแล้วถามผมว่า "ไอ้หนู กินข้าวแล้วรึยัง" ผมเลยตอบว่า "ยัง ครับ" อยากกินอะไรเอาชามได้ตักเอา เค้าบอกผม

เชื่อหรือไม่เค้าไม่ผมกินเปล่าๆแบบนี้กับพ่อของผม เป็นเดือนๆ ...

เวลาท้อใจภาพของเค้าเป็นยาชูกำลังที่ดี หนักกว่านี้ก็ผ่านมาแล้ว แค่ไม่มีค่าเทอม นิดหน่อย ผมบอกตัวเองอย่างนี้นะ

เอาล่ะนี่เป็นเรื่องแรก เอาไว้ผมจะกลับมาเล่าให้ฟังใหม่นะครับ				
19 ธันวาคม 2550 12:43 น.

การเรียน หรือการเรียนรู้ชีวิต

ตึ๋งหนืด

ทุกคนเดี๋ยวนี้ต้องเรียนหนังสือ ต้องทบทวนตำราเรียนเป็นเรื่องปกติ แต่คำถามเราเรียนมากมายเพื่อสิ่งใด เรียนเพื่อน การมีงานดีๆทำในอนาคต การมีคู่ครองที่มีฐานะ เพื่อเป็นคนดี เพื่อร่ำรวย แล้วคำถามต่อไป การเรียนทำให้เราได้สิ่งเหล่านี้หรือไม่

ในหนังสือเรื่องการเรียนรู้สาระสำคัญแห่งชีวิตได้กล่าวไว้อย่าน่าฟังว่า การเรียนนั้นไม่ใช้เพียงการเอาข้อมูลใส่หัวให้มากที่สุดแล้วภาวนาว่าเขาจะเป็นคนดี แต่การมีปัญญาและการเป็นคนดีนั้นขึ้นอยู่กับความอิสระที่สามารถจะคิดโดยไม่ยึดติดกับแบบแผนใดๆอันหนึง่อันเดียว เป็นการเข้าใจชีวิตทุกองค์ประกอบ ไม่แยกเป็นส่วนๆ เหมือนอย่างที่เราเป็นในปัจจุบัน

ในปัจจุบันเราสังเกตได้ว่ามีข่าวการฆ่ากัน การก่ออาชญากรรม ฯลฯ อันสะท้อนถึงความเสื่อมทรามลงของสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากการเอาลัทธิทุนนิยมมากราบไหว้บูชา แทนสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่มีอยู่เดิม

วิถีชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไปสู่ความรีบเร่ง รัฐบาลพยายามทำให้สังคมชนบทอันเป็นสังคมพื้นฐานของประเทศ เปลี่ยนแปรงจนมีสภาพเหมือนสังคมเมือ เพราะคิดว่านี่คือความเป็น ศิวิลัย 

อันที่จริงแล้ว ศิวิไล คงไม่ใช่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้วทำลายธรรมชาติลง หากแต่เป็นการเข้าใจชีวิตของจนเอง และมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง ทั้งต่อตัวเอง และตัวเองต่อสังคม อันจะส่งผลให้เกิดปัญญาแท้คือความอิสระทางความคิด ไม่อิงกับอิทธิพลใดๆ

การศึกษาที่ผมเรียนอยู่บังคับให้ผมฉลาดในเรื่องที่ผมไม่อยากฉลาด บังคับให้เรียนเฉพาะทาง เพราะเชื่อว่าเชี่ยวชาญแล้วจะมีความ เก่ง ความเก่งจะนำมาซึ่งชื่อเสียง ชื่อเสียงนำมาซึ่งเกียรติยศ และนำมาซึ่งเงินทอง เข้าเรื่องของทุนนิยมเต็มๆ

แต่ผมมองว่าผมเป็นผมทำในสิ่งที่ตัวเองเป็น รับใช้ความฝันของตัวเอง อันที่จริงความฝันของผมคือการรับใช้สังคม กล่าวดังนี้คือ ผมต้องรักษาความเป็นผมเพื่อสังคมในวันหน้าๆ ไม่ให้โลกแห่งวัตถุกลืนกินจิตใจเหมือนอย่างที่กลืนกินเพื่อนๆคนอื่นๆไป

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราในฐานะของเพื่อนมนุษย์ ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนทุกข์ เพื่อนผู้หายใจและเพื่อนผู้มีชีวิต จะจรรโลงโลกนี้ด้วยความรัก ซึ่งเป็นความรักโดยปราศจากเงื่อนไขและไม่ฉาบฉวย สุดท้ายผมของขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่าน คราวหน้าอ่านอะไรจะมาแบ่งปันกันครับ				
19 ธันวาคม 2550 09:36 น.

ทำไมพ่อผมเลือกไม่ได้นะ

ตึ๋งหนืด

นึกไม่ถึงเลยเนอะ ว่าในขณะที่การเดินทางในชีวอตของเราเพิ่งจะกำลังเริ่มขึ้น จากเดินทางของใครบางคนในชีวอตเราอาจจะกำลังจบสิ้นสุด และใครอีกบางคนที่สิ้นสุดไปแล้ว....

ผมเพิ่งจะยี่สิบเศษๆ แต่ป่าป๊าปาไปหกสิบกว่าๆ ส่วนพี่ชายก็เสียไปแล้ว ขณะที่ผมเล่นกีตาร์หน้ามหาวิทยาลัย ป่าป๊ากลับต้องการใครบางคนสำหรับป้อนข้าวป้อนยา ขณะที่มีเรียนแต่ป่าป๊ากำลังต้องการคนเฝ้าไข้ สิ่งที่ผมทำกำลังขัดแย้งกำสิ่งที่ผมทำ สิ่งที่ผมทำกำลังขัดแย้งกำลังที่ผมต้องทำ 

บางที ... ปริญญาของผมอาจจะแลกมาด้วยการเสียสละเวลาที่ป่าป๊าต้องการใครซักคนของป่าป๊าก็ได้ (โทดนะลายมือไม่สวยเพราะน้ำตามันบัง) ปริญญาใบนี้แลกมาด้วยการเอาเวลาเฝ้าไข้ป่าป๊า 4 ปีไปแลกมา ร่ำเรียนมาทำไม ในเมื่อออกเสียงคำว่ากตัญญูไม่ชัด...

โลกนี้อีกนั่นแหละ มีความว่าสาย มีคำว่าไม่ทันกาล มีคำว่ามาช้าไป รู้ตัวช้า ไว้ตอกย้ำความรู้สึก ไว้กระตุ้นให้รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ผมเสียดายที่ป่าป๊าพูดว่ารักผมทั้งชีวิตและด้วยชีวติ แต่เพิ่งรู้วันนี้เพิ่งเข้าไจได้วันนี้ คนเดินผ่านเสียงเพลงของผมเหทือนผมเป็นอกากาศ คงไม่ต่างจากที่ผมผ่านท่านเหมือนท่านเป็นอากาศ คงไม่ต่างจากที่ผมทำกับป่าป๊ามาตลอด

แล้วไง ...

ผมเสียใจ แบบไม่ต้องการให้ใครมาปลอบใจ ขอพ่อผมคือ ขอเวลาเดิมๆ ในชีวิตคืนได้มะ แค่นี้มากไปเหรอ แค่อยากพูดคำว่ากตัญญูให้ชัดกว่านี้หน่อย

19/12/07 เจ็ดโมงเช้าที่คณะ

ตอนที่ผมเขียนเรื่องนี้ผมอยู่ที่คณะกำลังจะเรียน ผมดีใจนะที่มาอ่านงานผม แล้วผมก็ยินดีที่จะเอาชีวิตตัวเองมาแบ่งปัน มันสุขบ้างเศร้าบ้างไม่เป็นไร แต่แน่นอนผมจะไม่เศร้าตลอดหรอกซักวันผมจะยิ้มแล้วก็หัวเราะให้เสียงดังด้วยความดีใจ คอยดู สำหรับวันนี้ขอบคุณมากๆนะครับแล้วเจอกันใหม่				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตึ๋งหนืด
Lovings  ตึ๋งหนืด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตึ๋งหนืด
Lovings  ตึ๋งหนืด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตึ๋งหนืด
Lovings  ตึ๋งหนืด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตึ๋งหนืด