23 ธันวาคม 2552 20:22 น.
ตั ว เ ล็ ก
โทษทีนะคะ
ถ้ามันเรื่องมากนักกับแค่ ...
จุดสามจุดเนี่ย ทำให้ต้องคิดกันไปไกล
ขอโทษในความโง่เขลาด้วยเถอะค่ะ
เพราะเพิ่งเข้าใจก็วันนี้ เดี๋ยวนี้เอง
เนื่องจากไม่มีเวลามานั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ทั้งวันค่ะ
ข่าวสารบ้านเมืองเป็นอย่างไร ก็อ่านแค่พาดหัวข่าว บางทีก็ไม่ได้อ่าน
เพราะไม่อยากเก็บความไม่สบายใจมาใส่ตัว ลำพังแค่..แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะค่ะ
อยู่ที่โรงเรียนไม่เคยขับลำนำคุยกับเพื่อนน่ะค่ะ เรามีอะไรก็จะพูดกันตรงๆเลย
บางทีไม่ได้คิดอะไรมากค่ะเวลาเขียนกลอน
ปล่อยใจมันไปตามสบาย ไม่จุดสองจุดเพราะมันไม่สวย
และมันเคยมีความหมายไปครั้งนึงแล้ว ไม่อยากเขียนงานซ้ำซากค่ะ
เรื่องใส่จุด( . )ก็เป็นความชอบส่วนตัวมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
ถ้าไม่รังเกียจที่จะอ่านงานของ ตังเม ก็จะยกมาให้ชมซักบทนะคะ
....................................
จำฉันได้หรือเปล่า
. . . พ รุ่ ง นี้ จ ะ ยั ง มี กั น ห รื อ เ ป ล่ า
ในวันที่รู้สึกว่าเหงา..เธอจะคิดถึงความเป็นเราบ้างไหม
ฉันกลัวเหลือเกิน..ว่าสักวันจะต้องก้าวเดินจากกันไป
แล้วเหลือมิตรภาพเอาไว้..เพียงความทรงจำ
. . . ร อ ย ยิ้ ม . . เ สี ย ง หั วเ ร า ะ . . คำ พู ด จ า
ใครสักคนที่คอยห่วงหา..คราเจ็บช้ำ
ห้องเรียนของเรา..เก้าอี้ตัวเก่า..กระดานดำ
สุข-ทุกข์..ที่เคยได้ร่วมทำ..กับเพื่อนคนเดิมๆ..หน้าซ้ำๆ..ที่รู้ใจ
. . . อ ย า ก บ อ ก ว่ า. . . ยั ง ค ง รั ก. . ยั ง ศ รั ท ธ า
ในคำว่าเพื่อนที่มากค่า..และพิเศษกว่า..คำไหนๆ
จะไม่ลืมว่าครั้งหนึ่งในชีวิต..เคยมีใครใกล้ชิดคอยห่วงใย
ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ . .ทุกความรู้สึกจะอยู่ในหัวใจ . . ต ล อ ด ก า ล . .
.........................................
12 พ.ค. 49 - 19:15 เขียนโดย ตังเม
ถ้าวันนี้จะให้แสดงละครอีกตอน
ก็ขอไม่เป็นเด็กสาว ไม่เป็นจอมซน ไม่เป็นนางเอก
ขอเป็นนางร้ายซักวัน เชื่อไม่เชื่อก็ไม่รู้ล่ะค่ะ มีคนเค้าเขียนบทมาให้เล่น
ทั้งๆที่ไม่เคยอ่านบทเลย แต่ดันแสดงได้ดีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
แถมโดยส่วนตัวยังเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอ่านบทตัวประกอบ
อีกทั้งยังเขียนโคลงไม่เป็น ไม่รู้คำศัพท์ ไม่รู้ความหมาย ไม่ได้ตีความ
สรุปคือ เข้าใจผิด หรือเข้าใจถูก ก็เพราะความโง่ของตัวเองล้วนๆเลยค่ะ
ฝากบอกคนที่กำลังจะสร้างภาพ ตัวเล็ก ให้กลายเป็น นางเอก อีกรอบด้วยว่า
ไม่เป็นไร อย่าลำบากเลยค่ะ เพราะว่าดูแลตัวเองได้ ฝนที่ตกทางนี้ถ้าไปกางร่มทางโน้น
มันก็หนาวเหมือนเดิมนั่นแหล่ะค่ะ
เชิญประณามให้สมใจเถอะ จัดมาให้ทีบทตบตีเนี่ยนางร้ายมักจะชอบ
ขอให้ฝันดีชั่วชีวิตนะคะ.
อ้อ! มีเรื่องโกหกอีกเรื่อง ด้วยความเป็นห่วงน่ะค่ะ
อย่าเก็บความขุ่นเคืองใจไว้นานๆเลย
วันนี้มาเกาให้ถูกที่คัน ถ้าอ่านกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ก็ขอวานพี่อัลมิตราลบให้อีกรอบ
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
ขออภัยสำหรับผู้ที่ไม่รู้เห็นเหตุการณ์ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนะคะ
19 ธันวาคม 2552 21:02 น.
ตั ว เ ล็ ก
นั่นแน่! ไหนๆก็คลิกเข้ามาแล้ว ก็หลวมตัวอ่านสักหน่อยสิคะ ^^ พี่ๆหลายๆคนอาจจะรู้สึกคุ้นหูกับบุคคลที่ชื่อ โทมัส เอดิสัน กันมาบ้างแล้ว แตงก็คุ้นค่ะ แต่จำประวัติเค้าได้ไม่แน่ชัดสักเท่าไหร่ เมื่อกี๊ก็เลยเพิ่งไปทบทวนวรรณกรรมมา ก็เห็นว่าประวัติของ โทมัส เอดิสัน น่าสนใจมากเลยล่ะค่ะ
แตงขออนุญาตแปะไว้ที่ผนังบ้านกลอนไทยนะคะ เอาไว้เป็นต้นแบบสร้างหลอดไฟบนประภาคารน่ะค่ะ
เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย ไม่มีใครมาช่วยก่ออิฐ ฉาบปูนเลย แถมหนังสือคู่มือสร้างประภาคารก็ทั้งหนาทั้งหนักอีก พูดแล้วก็อยากจบดอกเตอร์จัง แห่ะๆ ไม่รู้เกี่ยวกันมั้ย ^^
....................................................................................
โทมัส เอดิสัน
ผู้ล้มเหลวเกือบหมื่นครั้ง แต่ไม่เคยยอมแพ้
ความล้มเหลวหลายๆ อย่างในชีวิต
เป็นเพราะคนเราไม่ตระหนักว่า
พวกเขาอยู่ใกล้ความสำเร็จแค่ไหน
ตอนที่เขายอมแพ้
เป็นคำยืนยันของนักประดิษฐ์
ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก
คือ โทมัส เอดิสัน
ชายผู้นี้หูหนวกตั้งแต่เด็ก
เขาไม่สามารถได้ยินอะไรชัด
ทำให้เขาเรียนที่โรงเรียนได้ไม่ดีและที่โรงเรียน
ให้สมญานามเขาว่าเป็น ไข่เน่าของชั้นเรียน
แต่เอดิสันมีแม่ที่เข้าใจเขา คอยดูแลและอยู่เคียงข้าง
เป็นกำลังใจให้เขาเสมอ เอดิสันต้องเข้าๆ ออกๆ
โรงเรียนหลายแห่ง
แม่ของเขา ได้เป็นผู้สอนหนังสือ
ให้เขาและยอมให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง
กำลังใจจากแม่ ทำให้เอดิสันอ่านหนังสือมากขึ้น
เขาสนุกสนานกับการทดลองต่างๆ
ที่เขาอ่านจากหนังสือ ความอยากรู้ อยากเห็น
ทำให้เขาได้ทดลองวิทยาศาสตร์ต่างๆ มากมาย
แม้การทดลองหลายครั้งจะมีความผิดพลาดและไม่ได้ผล
แต่แม่คือผู้ที่พูดให้กำลังใจแก่เอดิสันอยู่เสมอ
ปลูกฝังให้เขา
มีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน
เอดิสันมองเห็นความผิดพลาดเป็นบทเรียน
มากกว่าจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาท้อถอย
ดังเช่นในการทดลองเพื่อคิดค้นหลอดไฟ
ซึ่งเป็นผลงานประดิษฐ์ชิ้นสำคัญของเขา
เมื่อผู้ช่วยของเอดิสันกล่าวกับเขาว่า
เราทำการทดลองมา 700 ครั้งแล้ว
แต่เรายังไม่มีคำตอบ เราล้มเหลวเสียแล้ว
แต่เอดิสันกลับตอบว่า
เปล่าหรอก เรายังไม่ล้มเหลว
เรารู้มากกว่าใครๆ ในโลกในเรื่องนี้
และเรายังรู้อีกว่ามี 700 วิธีที่ไม่ควรทำ
อย่าเรียกว่า ความผิดพลาด
แต่ให้เรียกว่า เป็นการเรียนรู้