25 ธันวาคม 2552 18:38 น.

หิ่งห้อย

ตั ว เ ล็ ก

1155097036.jpg


ริบหรี่เรไร
เพลงกวีหลับใหลกลางไพรป่า
พราวระยิบพริบพร่างกลางพณา
จะมีค่าไหวหวานสักปานใด

................................................

เจ้าหิ่งห้อย
หลงเดือนเคลื่อนคล้อยในป่าใหญ่
เพียงน้ำค้างส่ายซัดระบัดใบ
ก็ตื่นตาตื่นใจในราตรี

เจ้าหิ่งห้อย
แสงเจ้านิดหนึ่งน้อยแต่เต้นถี่
เจ้าเปล่งแสงเพื่ออะไรในฤดี
ก็จบลงตรงนี้ที่ม่านตา

เจ้าหิ่งห้อย
มิหวังร้อยลอยเคลื่อนเลือนขึ้นฟ้า
ขอในความมืดดำที่ย่ำมา
ให้แสงดาวเด่นกว่านภาใด

............................................

ภาพวาด
นั้นผิดพลาดและไม่อาจจะสดใส
จากอารมณ์ตกผลึกลึกที่ใจ
ก็เอนไหวส่ายระเนนเหมือนเล่นลม

โดดเดี่ยว
ฉันแลเหลียวความสนุกหรือสุขสม
ก็ทับไว้ถมไว้ในอารมณ์
เพื่อฝังจมในห้วงของดวงใจ

เมื่อปิดตา
ฉันเห็นผืนน้ำขอบฟ้ามาอยู่ใกล้
แม้ไม่มีรอยซึ้งถึงบางใคร
ฉันก็รู้แก่ใจของฉันดี				
25 ธันวาคม 2552 08:57 น.

กาเหว่าเอย

ตั ว เ ล็ ก

abp1940198f675.jpg


นิ่งสดับรับฟัง
ดุเหว่าเอยเจ้าหลงรังจากฝั่งไหน
จึงสั่นเสียงพธูขวัญจำนรรจ์ใจ
อุปมาอุปไมย ณ บัดนี้

"ตาลเอ๋ยตาลโตนด
ยังวัดโบสถ์ 7 วัด ฉัตรขุนศรี
ยกกระบัตรถือธงปลงมาลี
อโหสิแม่ธรณีฤดีวาร"

มงคลชีวิต
เจ้ามีสิทธิ์ยิ้มรับทั้งขับขาน
แม่กาฟักไข่ไว้ชั่วกาล
ทั้งคาบหาอาหารมาคอยป้อน

ที่ปากน้ำพระคงคา
ได้เวลาเจ้าบินเลาะและเกาะขอน
เช้านี้เจ้าฟื้นเจ้าตื่นนอน
แม่กาจะสอนเจ้าหัดบิน

ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย
ที่เรี่ยรายรดรางข้างโขดหิน
จงไซ้ปากหาปลาเพื่อหากิน
ก่อนโบยบินผินลับแล้วกลับรัง

ม่านราตรี
เมื่อแหงนหน้าครานี้ยังมีหวัง
เพียงเจ้ายอมสดับเพื่อรับฟัง
ในหนึ่งรังแรมรอนก่อนสิ้นปี


.........................................................................


กาเหว่า

เจ้านกกาเหว่าเอย     ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก 
แม่กาก็หลงรัก     คิดว่าลูกในอุทร
คาบเอาข้าวมาเผื่อ     คาบเอาเหยื่อมาป้อน
ถนอมไว้ในรังนอน     ซ่อนเหยื่อมาให้กิน
ปีกเจ้ายังอ่อนคล้อแคล     ท้อแท้จะสอนบิน
แม่กาพาไปกิน     ที่ปากน้ำพระคงคา 
ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย     ปากก็ไซร้หาปลา
กินกุ้งแลกินกั้ง     กินหอยกระพังแมงดา
กินแล้วก็โผมา     จับที่ต้นฟ้าโพธิ์ทอง
ยังมีนายพราน     เที่ยวเยี่ยมเยี่ยมมองมอง
ยกปืนขึ้นส่อง     จ้องเอาแม่กาดำ
อีกตัวหนึ่งว่าจะต้ม     อีกตัวหนึ่งว่าจะยำ
กินนางแม่กาดำ     ค่ำวันนี้อุแม่นา

จาก บทกลอนกล่อมเด็ก
รวบรวมโดย หอพระสมุดวชิรญาณ


ที่มา
http://www.lokwannakadi.com/neo/shakayan.php?ID=48				
24 ธันวาคม 2552 16:03 น.

กล่อมขวัญพันราตรี

ตั ว เ ล็ ก

เดินดง
ฉันยินเสียงกาหลงในพงไม้
หน้าตื่นอื้นสะทกทั้งตกใจ
จะหางามแสงใดก็ไม่มี

.................................................

ผีเสื้อ
เจ้าจางเจือปีกบางแล้วร้างหนี
จวบวันเคลื่อนคล้อยในรอยปี
เจ้าบินผ่านตรงนี้มากี่ครั้ง

นานกาเล
เกลียวคลื่นยังคงเห่กระทบฝั่ง
ขอบฟ้ายอมสดับเพื่อรับฟัง
ให้เรานั่งจ้องกันสักวันนึง

เพลงครวญ
คราวลมหวนยังชวนให้นึกถึง
นั่นจะเข้ สะล้อ และซอซึง
จะรำพึงถึงไหมหรือไม่เลย

ยามจร
การเวกเกาะคอนขอนเขนย
ดอกมาลาร่วงรินกลิ่นใบเตย
วอนเจ้าเผยกลิ่นคืนมาชื่นใจ

รับขวัญ
มาเคียงกันทุกขณะจะได้ไหม
แม้แสงสรวงเลือนหายมลายไป
มิอาจฝืนอาลัยในบทจร

.................................................

วัยหวาน
รตีกาลซุกถ้อยมาคอยสอน
เมื่อแหงนหน้าอดหลับขับตานอน
ก็มุ่งหวังอาวรณ์ทุกตอนไป

อุ่นฝัน
เราผ่านมาเพื่อพบกันนั่นใช่ไหม
แม้กี่วันกี่เดือนที่เคลื่อนไป
จะหยั่งถึงใจไหมไม่อาจรู้

รอยไถ
เพียงหยาดฝนโปรยสายระบายสู่
ดินแห้งแตกระแหงแล้งฤดู
ก็ยังอยู่ตักเตือนเสมือนคอย

ใบไม้
ยังชื่นใจยามสดับเมื่อรับถ้อย
แทนทุกดวงมาลีฤดีรอย
ที่เคยรับดอกน้อยๆในวันลา

สิ้นปี
หอบสายลมจากที่นี่ไปฝากฟ้า
เพลงครวญยามลอยหลงในคงคา
จะคืนมากล่อมขวัญพันราตรี

.................................................				
23 ธันวาคม 2552 11:35 น.

......น้ำเอยน้ำท่วมเมฆ......

ตั ว เ ล็ ก

น้ำเอยน้ำท่วมเมฆ		
การเวกเกาะคอนตอนฟ้าสาง		
โอละเห่...........ชะเลแพรวแก้วรางชาง		
ฉันจะวางมาลีที่เปลญวน		

น้ำเอยน้ำท่วมเมฆ			
เจ้าโยกเยกโยนคลอนย้อนกำสรวล			
จึงเถาวัลย์ลัดเกราะเลาะเพลงครวญ			
ให้แย้มยิ้มเซซวนซุกซึมเซา

น้ำเอยน้ำท่วมเมฆ
เจ้าเป็นเอกไก่ขันเมื่อวันเก่า
ต่อแต่นี้หากไม่มีคำว่าเรา
สักกี่เช้าที่ยังนับไม่หลับตา

น้ำเอยน้ำท่วมเมฆ
เอกเขนกลมโบกที่โตรกผา
มองสายหมอกกล่นเยือนเกลื่อนนภา
ในแววตาทั้งคู่ที่รู้ดี

น้ำเอยน้ำท่วมเมฆ
เจ้าดอกการเวกเฉกเช่นนี้
มาหล่นร่วงเรือน้อยลอยนที
ฉันคงหลับฝันดีชั่วชีวิต.

................................................				
23 ธันวาคม 2552 02:14 น.

คงเหลือไว้แค่เสียงบทกวี

ตั ว เ ล็ ก

lonely-1.jpg


คงเหลือไว้แค่เสียงบทกวี			
ที่จะกล่อมราตรีให้หลับใหล			
วันพรุ่งนี้ไกลเกินจะเดินไป			
ด้วยว่าใจของเราไม่เข้ากัน			
			
คว้างอารมณ์หล่นร่วงดวงผลึก			
ทั้งซึมลึกริดรอนทุกตอนฝัน			
ไม่มีหรอก...แม่น้ำนิจนิรันดร์			
ไม่มีหรอก...แสงจันทร์กระจ่างใจ			

ฉันอยู่กับปัจจุบันทุกขณะ			
เลยวาระการแจกแจงแถลงไข			
เพียงคำนิดคิดนำนั่นซ้ำใคร			
ช่างประไรก็แค่ฝันมันไม่จริง

ไม่มีหรอก...ตัวตนคนอย่างฉัน
ไม่มีหรอก...ชายฉกรรจ์ที่ถูกสิง
ก็เห็นแค่ไม้ขอนใช่หมอนอิง
ก็เห็นแค่ความนิ่งในแววตา

โลกหมุนคว้างกลางขมับฉันกลับหัว
คำว่า"กลัว" เล็กน้อยและด้อยค่า
แม้รอยเท้าคู่เหงาจูงเรามา
คงตอบว่าผิดข้างระหว่างรอย

ฉันจะเดินไปไหนก็ไม่รู้
เมื่อตาดูหูฟังยังหวังถ้อย
ที่เป็นอยู่ก็เหมือนมันเลื่อนลอย
ที่เกี่ยวก้อยร้อยนิ้วก็ปลิวลม

ฉันไม่มีคำซื่อมาถือสัตย์
เพื่อผูกมัดปั้นปลุกความสุขสม
เป็นแต่เพียงความฝันวันโง่งม
ฉันโกหกพกลม..ก็เท่านี้

แม้ค่ำตื่นคืนร้าวฉันหนาวเหน็บ
ก็ไม่เจ็บใจสั่นกระชั้นถี่
บันไดเวียนเปลี่ยนขั้นกี่พันปี
ฉันไม่เคยรอตรงนี้อยู่ที่เดิม

ชะตาหนอก่อไว้แค่ในจิต
ฉันจะปิดฉากสวยมาช่วยเสริม
เก็บก้อนหินดินสอมาต่อเติม
เพื่อประเดิมหวังใหม่ในใจเรา

ก่อนตะวันเบิกตากับฟ้ากว้าง
คงเก็บกลืนทิศทางระหว่างเศร้า
นาฬิกาส่งเสียงเพียงเบาๆ
ก็เหลือแค่เรื่องเล่าอันเปล่ากลวง

กลีบดอกไม้เปื้อนยิ้มริมสมุด
แทนสิ้นสุดใจแสนเคยแหนห่วง
จะข่มตานอนหลับไม่กลับทวง
เพื่อทดแทนทั้งปวงที่ได้ยิน

ฉันเขียนสุข เขียนโศก บนโลกนี้
จากใจที่ไม่รู้จบจะสุดสิ้น
หากบังเอิญเธอเดินผ่านมาได้ยิน
ก็จงรู้...นี่คือถิ่นของนกกา

..................................................

upload-0KOT800.jpg				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตั ว เ ล็ ก
Lovings  ตั ว เ ล็ ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตั ว เ ล็ ก
Lovings  ตั ว เ ล็ ก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตั ว เ ล็ ก
Lovings  ตั ว เ ล็ ก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตั ว เ ล็ ก