7 มกราคม 2553 19:34 น.
ตั ว เ ล็ ก
ไปด้วยกันนะ
พี่มีธุระมาให้ช่วย
ใส่กระโปงยีนส์ตัวสวย
จับมือพี่ด้วยแต่โดยดี
นั่งเคียงข้างกันบนเบาะ
ทำหน้าฉอเลาะนอนตักพี่
จะกอดน้องไว้ทุกนาที
วันนี้เราจะไปเที่ยววัด
ดูสิ... ต้นไม้รายทาง
ริมหน้าต่าง จินตนาการแน่นขนัด
น้องคุยไม่พักเลยสักนัด
ขากรรไกรพี่ขัดเพราะหัวเราะ
แวะมินิมาร์ทข้างทาง
น้องถือสตางค์มาเดินเกาะ
ขอซื้อขนมได้ไหม เน๊าะ!
พี่ยิ้ม พี่เยาะ เพราะเอ็นดู
ไปเถอะ เราไปต่อ
ลุงกับป้าคุยจ้อ รอเราอยู่
วัดท่าการ้อง ลองไปดู
พี่เองก็ไม่รู้ ไม่เคยไป
เดินลงจากรถ
จ้องๆจดๆต้นไม้ใหญ่
หุ่นรูปปั้นเรียงรายสบายใจ
น้องทำหน้าสดใสใคร่อยากจับ
ขึ้นบันไดไปไหว้พระ
หอบสัมภาระไปพร้อมกับ
หัวใจศรัทธาพร้อมคำนับ
ในชะตาหยิบรับจับเรามา
ไหว้พระด้วยกันนะ
พี่จะขอพรให้น้องว่า
Nobody ยังมีตุ๊กตา
จงยักย้ายส่ายหน้าเต้นให้ดี
ไม่เสียทีที่ปลุกตุ๊กตา
จงย่างกรายซ้ายขวาเป็นเด็กดี
...................................................
5 มกราคม 2553 04:57 น.
ตั ว เ ล็ ก
จะรับ ไว้ไหม
หากความห่วงใย ยังส่งข่าว
จากฝั่งฟ้า ลมเห่ ทะเลดาว
ที่ยังมีเรื่องราว นับร้อยพัน
มิได้หวังให้ใครเชื่อ
กับอะไรที่ยังเหลือ ในความฝัน
เป็นตัวตนของใครคนไหนกัน
จะบอกเล่าคืนและวันที่ฉันเป็น
ว่า....ดวงตา
ยังมีภาพกาลเวลามาให้เห็น
ในสุข-ทุกข์ อาทร ร้อน หนาว เย็น
เมื่อเธอเป็นส่วนหนึ่งในภาพนั้น
ตัวหนังสือ
ก็เคยใช้หารือ คือเธอ-ฉัน
แม้ไม่มีรอยซ้ำ คำยืนยัน
มามัดความผูกพันวันพรุ่งนี้
ความทรงจำ
จะตระเตรียมถ้อยคำ ไว้ในที่...
ที่เรากลับมามองดู ก็รู้ดี
แม้เพียงเสี้ยวทบทวีทุกอณู
อากาศ...หายใจ
ก็คือโลกหนึ่งใบ ที่เราอยู่
หากว่างเปล่าไร้ความสุขทุกฤดู
ก็แทนการมีอยู่ของชีวิต
ในลมหนาว
ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นมีสิทธิ์
ฉันอาจยิ้มไม่บ่อย...เพียงน้อยนิด
เพราะยังใช้ความคิดกว่าหัวใจ
ว่ารากหญ้า
จะเหลือค่าอ่อนไหวอะไรได้
เมื่อยังยิ้มเก็บคำอยู่ร่ำไป
และไม่ใช่แห้งโหยหรือโรยรา
บนดิน
คงหวังแค่ได้ยินเสียงดอกหญ้า
ยามลมพัดลอยเลื่อนเพื่อเยือนมา
ยังตอบรับท้องฟ้าด้วยไมตรี
ความสุขอยู่ตรงไหน?
ที่เธอถามเพื่อรอให้ใครมาชี้
มองเถิด...และตรองดูให้รู้ดี
ว่าโลกใบนี้เป็นของเธอ
ตามแต่ปรารถนา
เมื่อยังหวังเยียวยามาเสนอ
อาจได้เห็นฟ้างามยามละเมอ
จาก-พบเจอ ที่ล้น ท้นดวงตา
เมื่อหยุดมอง
เห็นหรือไม่ว่าใจฟ้องหรือฝันหา
ในตัวเอง ชินหวานกาลเวลา
หรือยังรอรับยาแห่งอารมณ์
บทกวี
จริงหรือที่มีเพื่อเสพสม
นอกเหนือจากยอมรับคำติ-ชม
ยังจ่อมจมสู่ห้วงของปวงใคร
การรับรู้
ถ้าเคยดูถ้าเคยเป็นก็เห็นได้
อาจวันนี้ไม่วาดตามแต่ความใน
เพราะเหลือใจไว้เผื่อเพื่อตัวเอง
3 มกราคม 2553 12:01 น.
ตั ว เ ล็ ก
สนามหญ้า อาคาร สะพานดาว
ก้อนเมฆสีขาว บอกเล่าเรื่องราว บนเรียวฟ้า
ว่า... โลกงดงาม ด้วยความรักเสมอมา
ดวงดอกไม้ กาลเวลายังคงเก็บมา แนบใจ
ถึงเธอ ต้นไม้แสนรัก
ท้องฟ้าสวยงามนัก เธอว่าไหม
ปีกของฟ้ายังจับจ้อง ประคับประคอง ณ แดนไกล
เสียงนกร้องเพลงสดใส ได้ยินเหมือนกันไหม อีกฝั่งฟ้า
ในแดดยามสาย
มีเรื่องราวมากมาย ให้เดินฝ่า
ทางม้าลาย เท้าขวาเท้าซ้าย ในสายตา
กระจกบานเลื่อนเคลื่อนมา ได้เวลาเดินทาง
สวมรองเท้าคู่ใหม่
กระเป๋าสตางค์สีสดใส ถูกวางไว้ริมหน้าต่าง
ลูกแซ๊กสีเหลือง 1 อัน เสียบไว้ใกล้แจกันสีจาง
เก็บกระเป๋าสะพายข้าง ก่อนออกเดินทางอีกครั้ง
จรดปลายพู่กัน
ละครความฝัน วางไว้ในคืนวันความหลัง
จับมือเพื่อนขึ้นรถราง บอกทุกสิ่งทุกอย่างให้ฟัง
ว่าหนึ่งปีที่จากฝั่ง ควรระมัดระวังเสียงทะเล
....................................................................
25 ธันวาคม 2552 18:38 น.
ตั ว เ ล็ ก
ริบหรี่เรไร
เพลงกวีหลับใหลกลางไพรป่า
พราวระยิบพริบพร่างกลางพณา
จะมีค่าไหวหวานสักปานใด
................................................
เจ้าหิ่งห้อย
หลงเดือนเคลื่อนคล้อยในป่าใหญ่
เพียงน้ำค้างส่ายซัดระบัดใบ
ก็ตื่นตาตื่นใจในราตรี
เจ้าหิ่งห้อย
แสงเจ้านิดหนึ่งน้อยแต่เต้นถี่
เจ้าเปล่งแสงเพื่ออะไรในฤดี
ก็จบลงตรงนี้ที่ม่านตา
เจ้าหิ่งห้อย
มิหวังร้อยลอยเคลื่อนเลือนขึ้นฟ้า
ขอในความมืดดำที่ย่ำมา
ให้แสงดาวเด่นกว่านภาใด
............................................
ภาพวาด
นั้นผิดพลาดและไม่อาจจะสดใส
จากอารมณ์ตกผลึกลึกที่ใจ
ก็เอนไหวส่ายระเนนเหมือนเล่นลม
โดดเดี่ยว
ฉันแลเหลียวความสนุกหรือสุขสม
ก็ทับไว้ถมไว้ในอารมณ์
เพื่อฝังจมในห้วงของดวงใจ
เมื่อปิดตา
ฉันเห็นผืนน้ำขอบฟ้ามาอยู่ใกล้
แม้ไม่มีรอยซึ้งถึงบางใคร
ฉันก็รู้แก่ใจของฉันดี
25 ธันวาคม 2552 08:57 น.
ตั ว เ ล็ ก
นิ่งสดับรับฟัง
ดุเหว่าเอยเจ้าหลงรังจากฝั่งไหน
จึงสั่นเสียงพธูขวัญจำนรรจ์ใจ
อุปมาอุปไมย ณ บัดนี้
"ตาลเอ๋ยตาลโตนด
ยังวัดโบสถ์ 7 วัด ฉัตรขุนศรี
ยกกระบัตรถือธงปลงมาลี
อโหสิแม่ธรณีฤดีวาร"
มงคลชีวิต
เจ้ามีสิทธิ์ยิ้มรับทั้งขับขาน
แม่กาฟักไข่ไว้ชั่วกาล
ทั้งคาบหาอาหารมาคอยป้อน
ที่ปากน้ำพระคงคา
ได้เวลาเจ้าบินเลาะและเกาะขอน
เช้านี้เจ้าฟื้นเจ้าตื่นนอน
แม่กาจะสอนเจ้าหัดบิน
ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย
ที่เรี่ยรายรดรางข้างโขดหิน
จงไซ้ปากหาปลาเพื่อหากิน
ก่อนโบยบินผินลับแล้วกลับรัง
ม่านราตรี
เมื่อแหงนหน้าครานี้ยังมีหวัง
เพียงเจ้ายอมสดับเพื่อรับฟัง
ในหนึ่งรังแรมรอนก่อนสิ้นปี
.........................................................................
กาเหว่า
เจ้านกกาเหว่าเอย ไข่ไว้ให้แม่กาฟัก
แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทร
คาบเอาข้าวมาเผื่อ คาบเอาเหยื่อมาป้อน
ถนอมไว้ในรังนอน ซ่อนเหยื่อมาให้กิน
ปีกเจ้ายังอ่อนคล้อแคล ท้อแท้จะสอนบิน
แม่กาพาไปกิน ที่ปากน้ำพระคงคา
ตีนเจ้าเหยียบสาหร่าย ปากก็ไซร้หาปลา
กินกุ้งแลกินกั้ง กินหอยกระพังแมงดา
กินแล้วก็โผมา จับที่ต้นฟ้าโพธิ์ทอง
ยังมีนายพราน เที่ยวเยี่ยมเยี่ยมมองมอง
ยกปืนขึ้นส่อง จ้องเอาแม่กาดำ
อีกตัวหนึ่งว่าจะต้ม อีกตัวหนึ่งว่าจะยำ
กินนางแม่กาดำ ค่ำวันนี้อุแม่นา
จาก บทกลอนกล่อมเด็ก
รวบรวมโดย หอพระสมุดวชิรญาณ
ที่มา
http://www.lokwannakadi.com/neo/shakayan.php?ID=48