2 ตุลาคม 2546 11:40 น.
ตะแหง่ว
ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี
เมื่อเพื่อนตัวดีมาขอยืมตังค์ใช้
จะบอกว่าไม่มีมันก็ยังไงๆ
ถ้ายืมแล้วใช้คืนก็อยากให้..แต่มันไม่ใช่น่ะซี
ของเดิมก็ยังไม่คืนให้
แล้วนี่จะมาขอยืมใหม่อีกแล้วสิ
ไอ้เราก็ไม่ใช่ธนาคารเคลื่อนที่
หรือเพื่อนตัวดีเห็นเรานี้เป็น..ตู้เอทีเอ็ม (เฮ้อ!)
2 ตุลาคม 2546 11:32 น.
ตะแหง่ว
ตั้งแต่น้องจำความได้
ก็มีพี่ชายคนนี้ที่ห่วงหา
เป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆมา
พี่ไม่เคยดุว่าให้น้องต้องเศร้าหมองใจ
ยังจำได้ตอนนั้นเมื่ออยู่ชั้นป.1
เช้าวันที่ซึ่งอากาศแจ่มใส
น้องได้ซ้อนท้ายจักรยานพี่ไป
สู่โรงเรียนที่ไม่ไกลจากบ้านเรา
และแล้วระหว่างทางจักรยานก็พลิกคว่ำ
พี่ก็ไม่นำพากับสายตาของใครเขา
พาน้องซ้อนท้ายกลับไปบ้านเรา
ทั้งที่พี่ก็เจ็บไม่เบาแต่บอกไม่เป็นไร
จากวันนั้นจนถึงวันนี้
อายุพี่ครบ21ปีที่จำได้
สิ่งที่พี่คิดหวังที่ตั้งใจ
ขอให้เป็นดั่งฝันใฝ่ดั่งใจปอง
ขอให้พี่มีสุขภาพดี
อย่าให้มีทุกข์ภัยใดมาเกี่ยวข้อง
แม้อยู่ห่างไกลแต่ใจยังปรองดอง
อยากบอกว่าน้องคิดถึงพี่นะ....พี่ชายที่แสนดี
23 กันยายน 2546 16:05 น.
ตะแหง่ว
คิดถึงเธอจังเลยเพื่อนรัก
ฉันอยากคุยกับเธอมากตอนนี้
ตั้งแต่เราไม่ได้พบกันก็นานแล้วซี
ไม่รู้ว่าเราจะพบกันอีกทีเมื่อไร
จำได้ไหมตอนเราอยู่ม.ปลายนั้น
ฉันเคยว่าเธอเป็นคนหวั่นไหวง่าย
อะไรนิดอะไรหน่อยที่มากระทบในใจ
เธอก็เก็บอาไปคิดมากมายให้เสียเวลา
ฉันเคยว่าเธอเป็นคนอ่อนแอ
เป็นคนที่ยอมแพ้กับปัญหา
เธอเองก็ยอมรับว่าเป็นอย่างนั้นตลอดมา
แต่เรายังเป็นเพื่อนกันทุกเวลาไม่เปลี่ยนแปลง
มาตอนนี้ฉันรู้ซึ้งแล้ว
เธอเป็นดั่งเพชรแพรวพราวแสง
ภายใต้ความอ่อนแอที่มาเคลือบแคลง
เธอแข็งแกร่งกว่าฉันตั้งมากมาย
ฉันที่เคยคิดว่าตัวเองเข้มแข็ง
กลับแสดงความอ่อนแอออกมาได้
ขอโทษนะที่ฉันเคยว่าเธอไป
เพราะว่าตอนนี้ฉันเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
....................เราคิดถึงเธอจังเลยแอน...................
16 กันยายน 2546 17:07 น.
ตะแหง่ว
เวลาเป็นตัวแปรสำคัญ
ที่ทำให้ความผูกพันของเราห่างเหิน
ยอมรับว่าเคยชอบเธอมากเหลือเกิน
ชีวิตคงก้าวเดินต่อไปไม่ได้ถ้าขาดเธอ
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
เพราะความรู้สึกในใจของเราเปลี่ยนได้เสมอ
ยิ่งเนิ่นนานไปยิ่งไม่คิดถึงเธอ
ความรู้สึกที่พบเจอมันเฉยชา
ฉันรู้ตัวดีว่าเปลี่ยนไป
ทิ้งสัญญาที่เคยให้อย่างไร้ค่า
ตัวเธอเองก็ใช่ว่าจะยังจำสัญญา
ความจริงก็คือตลอดเวลา.....เราไม่เคยมีกัน
13 กันยายน 2546 14:04 น.
ตะแหง่ว
ถิ่นสถาน ตำนาน เมืองน่านนี้
อายุหลาย ร้อยปี มีหลักฐาน
วัฒนธรรม ประเพณี มีช้านาน
ร่วมสืบสาน คู่บ้าน ล้านนาไทย
สายน้ำน่าน หล่อเลี้ยง เคียงชีวิต
เปรียบดังสาย โลหิต นำจิตใส
สายน้ำน่าน เปรียบปาน ธารน้ำใจ
ที่ยิ่งใหญ่ มีให้ ไทยทุกคน
สองฟากฝั่ง ลำนำ ลำน้ำน่าน
งามตระการ พันธ์ไม้ ไพรพฤกษล
วิถีถิ่น ชีวิต ลิขิตยล
ทุกข์และสุข ปะปน มิบ่นมี
ด้วยดำเนิน ชีวิต คิดเรียบง่าย
ไม่ไร้ซึ่ง น้ำใจ ให้หมองศรี
แขกมาเยี่ยม เตรียมต้อนรับ ขับพาที
อันน้ำใจ ไมตรี มิตัดรอน
หนุ่มสาวน่าน ฉลาด ปราดเรื่องเลิศ
งามบรรเจิด จริยธรรม คำสั่งสอน
กิริยา มารยาท มิขาดคลอน
ได้รับการ ปลูกฝังก่อน แต่อ้อนมา
เชิญทุกท่าน เยี่ยมยิน ถิ่นเมืองน่าน
ความสะอาด เราช่วย กันรักษา
จะรู้สึก ประทับใจ เมื่อได้มา
ยินดีต้อนรับตลอดเวลา เมื่อมา เมืองน่านเอย
...............................................................................
พฤกษล = พฤกษา
แต่อ้อนมา = แต่อ้อนแต่ออก ตั้งแต่เป็นเด็กเล็กๆ