26 ตุลาคม 2546 19:17 น.
ตะแหง่ว
มีตำนานกล่าวขานอาจารย์เล่า
ท่านผู้เฒ่าชาวบ้านกาลสมัย
อาศัยอยู่ท้ายทุ่งเลี้ยงฝูงควาย
แสนสุขใจในชีวิตลิขิตมา
บ่ายวันหนึ่งมาถึงซึ่งครั้งนั้น
แกถือไม้ไผ่อันไว้กันหมา
ยืนอยู่ระหว่างประตูสู่กาลเวลา
แล้วปักไม้ไผ่ไว้กับทุ่งนานั่นเอง
แกเห็นคนเล่นไพ่หลายคนนัก
ดูท่าทางรุกรับกระฉับกระเฉง
เออ! เพลินดีช่างไม่มีที่กลัวเกรง
ขอข้าเพ่งอีกครู่หนึ่งถึงจะไป
หันหลังกลับไม้ไผ่ไปไหนหว่า
เอก็ข้าวางตรงนี้นี่ไงไม้
เอ๊ะ! แต่เป็นไม้ผุดูยังไง
ก็ไม่เหมือนไม้ไผ่ข้าหามากัน
พอดีเสียงเพื่อนบ้านขานชื่อเรียก
อ้าว! ตาเจียกหายไปไหนให้พวกฉัน
หลงตามหากันซะตั้งหลายวัน
แล้วตานั้นไปอยู่ไหนไม่เห็นเจอ
อ้าว! ก็ข้ายืนอยู่นี่ตั้งแต่ปีมะโว้
พวกเอ็งนี่คุยโวโม้เสมอ
ดูเขาเล่นไพ่กันมันดีนะเออ
แต่ไอ้หลานเกลอไม้ไผ่ข้ามันอันตรธาน
แล้วแกก็เล่าเรื่องราวคราวที่พบ
เล่าจนจบที่ประสบดังความฝัน
เออ...เป็นได้ว่าข้าอาจหลงสู่ประตูกาล
ไม้ไผ่มันจึงผุไม่รู้เวลา
ฉันฟังแล้วให้สงสัยในเรื่องนี้
มิติที่4ที่แท้มีแน่กระนั้นหนา
แต่คงเป็นแค่ข่าวเขาลือมา
เอ...หรือจะมีมิติที่ว่าจริงๆ....
24 ตุลาคม 2546 19:50 น.
ตะแหง่ว
จันทร์นวลผ่องส่องสวางกลางท้องฟ้า
ถามจันทร์ว่าจะมีสักคราไหม
ที่พระอาทิตย์จะอยู่ใกล้ชิดท่านตลอดไป
แสนสงสัยช่วยไขข้อข้องใจที
จันทร์ตอบว่าท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือ
พระอาทิตย์ท่านคือผู้สูงศักดิ์สรี
ท่านคงไม่มองมายังตัวข้านี้
แม้ซักกี่ร้อยปีข้านี้คงไม่มีโอกาสเจอ
โธ!สงสารจันทร์เจ้าคงเหงานัก
ความแตกต่างช่างโหดร้ายไปเสมอ
ถามพระอาทิตย์ว่าเคยคิดไหมเล่าเออ
ที่ท่านเผลอเพ้อถึงซึ่งจันทรา
พระอาทิตย์ท่านตอบชอบใจนัก
ข้าก็อยากเจอจันทร์เจ้าเศร้าหนักหนา
ได้ยินว่าแสงสว่างจากดวงจันทรา
ทำให้ทั่วฟ้านวลชวนสุขใจ
ฟังแล้วฉันคันปากอยากถามต่อ
ขอถามท่านอีกสักข้อขอได้ไหม
เจ้ามนุษย์เจ้าอยากทราบถามสิ่งได
ถ้าตอบได้ข้าจะไม่อมพะนำ
ถามท่านว่าถ้าอยากพบประสบหน้า
แล้วใยไม่ไปหามาครวญคร่ำ
เพราะจันทราก็มาเยือนท้องฟ้าประจำ
พระอาทิตย์ตอบซ้ำ..ข้าก็มาประจำแต่ไม่เห็นเจอ
เอ...น่าสงสัยอะไรกันนี่
ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ใยพลั้งเผลอ
พระอาทิตย์กับพระจันทร์เขานั้นต่างอยากเจอ
แต่ท้องฟ้านั้นเหรอเพ้อเฉยเมย
ฟ้าได้ยินดังนั้นหันมากล่าว
ใยเห็นเป็นความผิดเราเล่าท่านเอ๋ย
แม้ลิขิตได้เราคงให้เขาคุ้นเคย
แต่ขอเลยเรื่องนี้เราไม่มีสิทธิ์อะไร
ฟังฟ้ากล่าวแล้วเหงาเศร้าใจนัก
โธ่! ความรักเป็นเช่นเส้นขนาน
อยากเจอหน้าแต่ไม่อาจมาพบพาน
พระอาทิตย์พระจันทร์คงไม่มีวันพบเจอ...
24 ตุลาคม 2546 12:55 น.
ตะแหง่ว
รีบตื่นนอนตั้งแต่ตอนหกโมงเช้า
ไวเร็วเข้าลงทะเบียนจวนเจียนสาย
หลังจากแบ่งกลุ่มก็เข้าหอประชุมฟังคำบรรยาย
พอตอนบ่ายก็แยกย้ายไปเก็บของกัน
มีเวลาห้านาทีที่เก็บของ
เสร็จแล้วก็เปลี่ยนชุดลำลองออกมาเข้าฐาน
กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน
ให้ความสนุกสนานและสาระอันเป็นข้อเตือนใจ
ตลอดเวลาที่มาเข้าค่ายนี้
ได้เห็นภาพรอยยิ้มที่สดใส
มิตรภาพกับคำว่าเพื่อนมิอาจลางเลือนไป
ถึงจะเหนื่อยแค่ไนแต่ภูมิใจที่ได้มา
สัญญาว่าจะนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยช์
ในอนาคตที่พวกเราจบการศึกษา
จะสานต่อกิจกรรมที่มากล้ำคุณค่า
และจะนำข้อคิดเหล่านั้นมาพัฒนาตนเอง...
21 ตุลาคม 2546 13:13 น.
ตะแหง่ว
รุ้งทอฝันอันงดงามข้ามขอบฟ้า
สีแสนหวานตระการตาพาใจไหว
สายรุ้งเจ้าคงไร้ทุกข์สุขหัวใจ
อยากถามรุ้งได้ไหมให้ตอบที
ฟ้าหลังฝนชื่นฉ่ำสวยงามนัก
รุ้งน่ารักจักทอสายหลายหลากสี
ขอสายรุ้งมีความสุขทุกวันอย่างนี้
เป็นสายรุ้งที่แสนดีตลอดไป......
4 ตุลาคม 2546 12:02 น.
ตะแหง่ว
ตะแหง่ว..(ทำท่า)...เอียงคอยิ้มนิ้วชี้จิ้มสองแก้ม
เพื่อน มาทำหน้าแฉล้มแจ่มนักเหรอ
ขอเสียทีท่านี้ปัญญาอ่อนนะเธอ
ตะแหง่ว โธ่เพื่อนเกลอทำเพ้อไปไม่เข้าที
เพื่อน ยัยผึ้งน้อยโตแล้วนะใช่ว่าเด็ก
ทำตัวเล็กเป็นเด็กดื่มนมตราหมี
แถมท่านั้นปัญญาอ่อนอ้อนเข้าซี
มีเพื่อนอย่างเธอนี่ฉันนี้มีบ้าตาย
ตะแหง่ว โธ่! เพื่อนรักอย่าเพิ่งมาเป็นบ้า
นมนั่นน่ะสำหรับผู้ใหญ่จ้ะมาดื่มไหม
ท่าน่ารักก็ท่าเฉพาะตัวอย่ากลัวไป
ทำท่านี้ทีไรเธอยิ้มได้ทุกที
เพื่อน อ้อ! ขอโทษเธอเพิ่งหนึ่งขวบครึ่ง
ไม่กี่เดือนคงถึงสองขวบใช่มั๊ยยัยนี่
ตะแหง่ว แหมว่าฉันไม่รู้จักโตอย่างนั้นซี
แต่ก็ดีฉันจะได้ไม่แก่เร็ว
เพื่อน เอ๊ะ! ยัยนี่คนเค้าว่ามาทำเล่น
ตะแหง่ว อย่าทำตาดุให้เห็นสิจ๊ะน่าหวาดเสียว
เพื่อน เดี๋ยวเหอะ! เดี๋ยวจะเจอดีแน่เชียว
ตะแหง่ว กลัวแล้วจ้า!...แม่จอมเคี่ยว..แหมเสียวจัง
เพื่อน เอ...มื้อกลางวันทานไรดีล่ะ
ตะแหง่ว คะน้าหมูกรอบไหมจ๊ะอร่อยหนา
เพื่อน กินได้ทุกวันไม่เห็นขาดสักครา
ตะแหง่ว เอาเหอะน่า...เดี๋ยวพาไปเลี้ยงไอติม
...................................................................................................